1.หัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
อาการของโรคจะทำให้เจ็บแน่นหรืออึดอัดบริเวณหน้าอก ปวดเมื่อยหัวไหล่ ปวดกราม หรือจุกบริเวณลิ้นปี่ ซึ่งอาการแบบนี้จะเป็นมากขณะออกกำลังกาย เป็นอาการเจ็บหนักๆเหมือนมีอะไรมาทับหรือรัดบริเวณกลางหน้าอกใต้กระดูก บางคนมีร้าวไปบริเวณคอ กราม ไหล่ และแขนทั้ง 2 ข้าง โดยเฉพาะข้างซ้าย อาการจะทุเลาลงเมื่อได้นั่งพักหรืออมยา Nitroglycerin ซึ่งเราก็สามารถดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากโรคนี้ได้ ด้วยการควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ออกกำลังกายในระดับที่เหมาะสม ไปตรวจสมรรถภาพหัวใจบ้างปีละครั้ง เพื่อให้แพทย์ได้แนะนำวิธีการดูแลตัวเอง ซึ่งจะช่วยป้องกันอาการเจ็บหน้าอกและการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้
2.เจ็บหน้าอกจากอาการแสบร้อนที่หน้าอกหรือลิ้นปี่
ซึ่งเป็นสัญญาณของโรคกรดไหลย้อน เมื่อกระเพาะอาหารของคุณและกรดในกระเพาะอาหารที่ช่วยย่อยอาหาร กลับดันกลับเข้าไปในหลอดอาหาร หลอดที่เชื่อมต่อ ลำคอกับกระเพาะอาหาร และจากกรดในกระเพาะมีความเป็นกรดสูงมาก จึงเป็นเหตุให้คุณรู้สึก แสบร้อนหลังกระดูกหน้าอกของคุณ ซึ่งภายในกระเพาะอาหารนั้นเรียงรายไปด้วยเยื้อหุ้มชั้นดีที่ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดฤทธิ์กัดกร่อนของกรดมาทำลายได้ ขณะที่หลอดอาหารไม่ได้เป็นเช่นนั้น หากอาการเกิดขึ้นสัปดาห์ละ 2 ครั้ง หรือมากกว่า คุณอาจมีโรคกรดไหลย้อน Gastroesophageal Reflux Disease (GERD) เกิดขึ้นแล้ว ต้องได้รับการรักษา มิฉะนั้นอาจเกิดโรคหอบหืด แน่นหน้าอก ซึ่งอาจเพิ่มโอกาสในการพัฒนาเป็นมะเร็งชนิดที่หายยากได้
3.กล้ามเนื้อบริเวณหน้าอกได้รับบาดเจ็บ
หรือที่เราเรียกกันแบบธรรมดาว่า “กล้ามเนื้อหน้าอกฉีก” เป็นการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อที่พบได้บ่อยในการเล่นกีฬา สามารถเกิดได้ทั้งในระหว่างฝึกซ้อม หรือในระหว่างการแข่งขันที่ต้องใช้กล้ามเนื้ออย่างหนัก ซึ่งมีปัญหามาก โดยในนักกีฬาจะมีโอกาสบาดเจ็บซ้ำได้สูง และมีอาการปวดเรื้อรังได้
4.ความรู้สึกที่ไม่สบายภายในหน้าอก
ซึ่งในบางครั้งก็ไม่ทราบสาเหตุ หรืออาจจะเกิดการที่เราเคยกระทบกระเทือนในบริเวณนั้นมาก่อน อาการจะทุเลาลงเมื่อได้กินยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบ
5.โรคเยื้อหุ้มหัวใจอักเสบ
หากคุณเป็นอีกคนที่กำลังต่อสู้กับการติดเชื้อไวรัสในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ คุณก็อาจจะมีอาการเจ็บปวดแปล๊บๆที่หน้าอกได้ เพราะมันเป็นผลข้างเคียงที่ทำให้เกิดการอักเสบในชั้นเนื้อเยื่อรอบหัวใจ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงความผิดปกติของภูมิต้านทานที่บกพร่องด้วย เช่นโรคลูปัส และโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ถึงแม้ว่าเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบมักจะไม่เป็นพิษเป็นภัยมากนัก แต่มันจะส่งผลต่อคุณภาพของชีวิตของคุณ จึงควรมาพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย เพื่อการรักษาที่ถูกต้อง
6.โรคของเยื่อหุ้มหัวใจ
โรคของเยื้อหุ้มหัวใจอาจทำคุณมีไข้และมีอาการเจ็บหน้าอกได้ ซึ่งเป็นภาวะที่พบได้บ่อย และเป็นสาเหตุที่ทำให้สมรรถภาพการทำงานของร่างกายลดลง ควรเข้ารับการรักษาด้วยวิธีผ่าตัดเลาะเยื่อหุ้มหัวใจที่หนาออกไป ก็จะช่วยลดอาการเจ็บหน้าอกให้ดีขึ้นได้
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
ศูนย์หัวใจ รพ.วิภาวดี
โทร 02-561-1111 ต่อ1322-1323