จุดเริ่มต้นของการลดความอ้วนในคนทั่วไปมักจะใช้ยาลดความอ้วน ซึ่งยาลดความอ้วนนั้นมีผลข้างเคียงหลายอย่าง โดยที่ผู้ใช้ไม่ทราบ เช่นความดันโลหิตสูงโดยผู้ที่เป็นโรคอ้วนเองมีปัญหาเสี่ยงความดันโลหิตสูงอยู่แล้วยิ่งส่งผลให้รุนแรงขึ้น ยาบางตัวจะทำให้เกิดการนอนไม่หลับทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลต่อระบบการทำงานอื่นๆตามมา
ปัจจุบันการใส่ "บอลลูนลดน้ำหนัก" อาจจะเป็นทางเลือกหรืออีกหนทางหนึ่ง ด้วยนวัตกรรมการลดน้ำหนักสามารถรักษาโรคอ้วนโดยการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร โดยการส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนต้น ซึ่งตัวบอลลูนจะเป็นซิลิโคนทางการแพทย์ และบรรจุน้ำเข้าไปในบอลลูนให้บอลลูนขยายตัว เนื่องจากไม่มีการผ่าตัด จึงมีเพียงการนอนโรงพยาบาลเพียง 1 วันเพื่อดูอาการเท่านั้น เมื่อใส่บอลลูนแล้วจะส่งผลให้รับประทานอาหารได้น้อยลง อิ่มเร็วขึ้น เป็นเหตุผลว่าทำไมการใส่บอลลูนถึงลดน้ำหนักได้ สำหรับผลข้างเคียงของการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร จะมีอาการจุกเสียดท้อง คลื่นไส้อาเจียน ในช่วงเดือนแรกที่ใส่ หลังจากนั้นอาการที่กล่าวมาจะเริ่มดีขึ้น ทั้งนี้ บอลลูนในกระเพาะอาหารจะมีอายุการใช้งานประมาณ 1 ปี หลังจากนั้นหากคนไข้พอใจในน้ำหนักตัวแล้วสามารถมาทำการส่องกล้องเพื่อนำบอลลูนออกได้
เมื่อใส่ไปแล้วจะมีโอกาสที่จะกลับมาอ้วนไหม สำหรับคนที่ใส่บอลลูนลดความอ้วนเมื่อใส่ไปแล้วสักระยะหนึ่งจะเริ่มชินกับการรับประทานอาหารเพียงเล็กน้อยแล้วรู้สึกอิ่ม ร่ายกายจะมีการปรับสมดุลในส่วนนี้ เมื่อใส่ครบ 1 ปีแล้วเอาออกร่างกายก็จะยังคงจดจำปริมาณอาหารที่เราทานเพียงเล็กน้อยเพียงพอรวมทั้งทางโรงพยาบาลมีนักโภชนากรคอยให้คำแนะนำเรื่องอาหารที่ช่วยในการลดน้ำหนักควบคู่ไปด้วยจึงทำให้โอการที่จะกลับมาอ้วนน้อยมาก
ศูนย์ระบบทางเดินอาหารและตับ
โทร. 053-910-999 ต่อ 183
Hospital you can trust
โรงพยาบาลที่คุณวางใจ
#เกษมราษฎร์ #ศรีบุรินทร์
#KasemradSriburin
แหล่งที่มาข้อมูล:
แพทย์หญิงสุกัญญา ปาละวงศ์ ณ อยุธยา (แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านส่องกล้องระบบทางเดินอาหาร-ประจำศูนย์ระบบทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ศรีบุรินทร์
นายแพทย์ฮารีราม ตีวารี (แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจและหลอดเลือด-ประจำศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ศรีบุรินทร์)