นายวิโรจน์ วิทยาเวโรจน์ ประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิลิปส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า
“เทคโนโลยี AI มีศักยภาพมากในการบริหารจัดการโรคให้ดีขึ้น การตรวจวินิจฉัยที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น จะช่วยลดแรงกดดันให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และมีการบริหารจัดการผู้ป่วยที่ดีขึ้น ทำให้กระบวนการดูแลรักษาและประสบการณ์ของผู้ป่วยดีขึ้นนั่นเอง” ล่าสุดภายในงานประชุมวิชาการระดับนานาชาติด้านรังสีวิทยา European Congress of Radiology (ECR) ที่ผ่านมา ฟิลิปส์ได้นำเสนอโซลูชั่นที่มีการนำปัญญาประดิษฐ์ หรือเทคโนโลยี AI มาใช้ในการบูรณาการเครื่องมือแพทย์สำหรับการตรวจวินิจฉัยต่างๆ ของฟิลิปส์ อาทิ เครื่องเอ็มอาร์ไอ (MRI) เครื่องเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT) เครื่องเอ็กซเรย์และเครื่องอัลตร้าซาวนด์ รวมถึงโซลูชั่นการตรวจวินิจฉัยด้วยภาพในอนาคตที่มาพร้อมระบบของฟิลิปส์อันล้ำสมัย และเทคโนโลยี AI ที่ได้รับรางวัล ซึ่งจะช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการตรวจวินิจฉัยและทำให้คุณภาพของภาพตรวจที่ได้มีความชัดเจนมากขึ้น ภายใต้ความร่วมมือของฟิลิปส์กับ Leiden University Medical Center ซึ่งเป็นศูนย์การแพทย์ของมหาวิทยาลัยไลเดน ประเทศเนเธอร์แลนด์ ฟิลิปส์จึงได้พัฒนาเทคโนโลยี AI เพื่อเพิ่มความเร็วในการสแกนและพัฒนาการตรวจด้วยเครื่องเอ็มอาร์ไอ (MRI) เพื่อลดระยะเวลาการสแกนให้น้อยกว่า 5 นาที แต่ยังคงได้ภาพจากการสแกนที่ดีขึ้น ถึงแม้ว่าผู้ป่วยหรืออวัยวะภายในจะมีการขยับก็ตาม โดยการบูรณาการในครั้งนี้ได้มีการแสดงผลลัพธ์ที่โดดเด่นให้กับโรงพยาบาลทั่วโลกแล้ว
“เทคโนโลยี AI สามารถเข้ามาช่วยแก้ไขภาวะหมดไฟให้กับบุคลากรทางการแพทย์ได้ด้วยการแบ่งเบาภาระงาน ส่งผลให้ความพึงพอใจและอัตราการรักษาบุคลากรไว้เพิ่มขึ้นด้วย เทคโนโลยี AI ยังสามารถจัดการกับการทำงานแบบเดิมๆ ที่ต้องใช้กำลังคนมาก ให้เป็นการทำงานโดยอัตโนมัติและยังมีส่วนช่วยสนับสนุนการตัดสินใจของบุคลากรทางการแพทย์ด้วย ทั้งหมดนี้จะช่วยลดเวลาในการทำงานและลดแรงกดดันให้กับบุคลากร เมื่อภาระงานอื่นๆ ลดลงบุคลากรทางการแพทย์ก็จะมีเวลาในการดูแลผู้ป่วยได้มากขึ้น ดังนั้นการสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ ด้วยเทคโนโลยี AI จึงสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลรักษา สร้างประสบการณ์ที่ดีให้ผู้ป่วย และให้ผลลัพธ์ทางสุขภาพโดยรวมที่ดีได้” นายวิโรจน์ กล่าวเพิ่มเติม
ปัญญาประดิษฐ์ ตัวช่วยสำหรับระบบสาธารณสุขสีเขียวในประเทศไทย
นอกจากปรับปรุงกระบวนการดูแลรักษาผู้ป่วยและเพิ่มประสิทธิภาพในสถานที่ทำงานแล้ว ปัญญาประดิษฐ์ หรือเทคโนโลยี AI ยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างวงการสาธารณสุขที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในด้านการวิเคราะห์ข้อมูลและการวิเคราะห์แนวโน้มล่วงหน้า
เทคโนโลยี AI สามารถวิเคราะห์แนวโน้มและแจ้งเตือนล่วงหน้า เมื่อเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์นั้นถึงเวลาที่ต้องได้รับการซ่อมบำรุงก่อนที่จะเสียหาย และช่วยให้วิศวกรสามารถตรวจสอบ ประเมิน และเข้าแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงทีจากการทำงานในระยะไกล กระบวนการนี้สร้างความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในการช่วยขยายอายุการใช้งานให้กับเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ช่วยลดการทิ้งเครื่องมือและอุปกรณ์ที่เสียให้น้อยลง เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนและสะอาด ซึ่งช่วยสร้างสุขภาพที่ดี และอาจลดผลกระทบรวมถึงความรุนแรงของโรคที่เกิดจากมลภาวะทางอากาศได้ เป็นต้น
“เทคโนโลยี AI ช่วยส่งเสริมการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน และการติดตามอาการแบบออนไลน์หรือ virtual care โดยให้ผู้ดูแลผู้ป่วยสามารถติดตามอาการและดูแลผู้ป่วยระยะไกลได้ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล สามารถเข้าถึงการดูแลรักษาทางการแพทย์ได้มากขึ้น แต่ยังสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินทาง และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการเดินทางด้วย สิ่งที่น่าติดตามคือ จากผลสำรวจ Future Health Index 2022 พบว่า 1 ใน 4 ของผู้นำในวงการเฮลท์แคร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกระบุว่าการนำแนวทางสร้างความยั่งยืนของระบบสาธารณสุขมาปฏิบัติ เป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ในปัจจุบัน ฟิลิปส์ตระหนักถึงความสำคัญในการสร้างความยั่งยืนให้กับวงการเฮลท์แคร์ เรามุ่งมั่นต่อการรับผิดชอบต่อสังคม และทำให้การสร้างความยั่งยืนเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินธุรกิจของเรา เพื่อลดผลกระทบที่มีต่อโลกให้น้อยที่สุด โดยเราได้ประยุกต์หลักการด้านความยั่งยืน (sustainability) และการหมุนเวียน (circularity) มาเป็นส่วนหนึ่งในการออกแบบและพัฒนานวัตกรรมและโซลูชั่นต่างๆ ของฟิลิปส์” นายวิโรจน์ กล่าวสรุป
แม้ว่าเราจะมีการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ในระบบสาธารณสุขมากขึ้นแต่เราจำเป็นต้องตระหนักอยู่เสมอว่า เทคโนโลยี AI นั้นจะมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อได้รับการสนับสนุนจากผู้ใช้งานที่มีความเชี่ยวชาญ
อ้างอิง
[1] United Nations Economic and Social Commission for Asia and the Pacific, Population ageing
[2] กรมกิจการผู้สูงอายุ, สถิติผู้สูงอายุ
[3] World Health Organization, Noncommunicable diseases
[4] กระทรวงสาธารณสุข, อัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง
[5] World Health Organization (2016), Global strategy on human resources for health: Workforce 2030
[7] ยุทธศาสตร์เทคโนโลยีสารสนเทศสุขภาพ, กระทรวงสาธารณสุข (2560 - 2569), eHealth Thailand