4 สิงหาคม 2565 นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พร้อมด้วย นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. และผู้บริหาร ททท. ประชุมหารือร่วมกับนายกรด โรจนเสถียร นายกสมาคมสปาไทย คณะผู้แทนจากสมาคมสปาไทย สมาคมส่งเสริมสุขภาพไทย และ นางสาวนุช หอมรสสุคนธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการจัดประชุมนานาชาติ สำนักงานส่งเสริม การจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การ มหาชน)
หัวข้อการหารือ เรื่องแนวทางการบูรณาการระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อยกระดับและส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของ Health & Wellness ระดับโลก สอดรับกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี พ.ศ. 2561-2580 วางเป้าหมายให้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือสำคัญต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน และทิศทางส่งเสริมการตลาดปี 2565-2566 ของ ททท.
หัวใจของแผนดังกล่าว "จะมุ่งเน้นขยายตลาดนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ ด้วยสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวมูลค่าสูง" ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศไทยในการเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่มีคุณภาพ (Potential Health & Wellness Destination)
เป้าหมายการหารือที่สำคัญคือ การนำเสนอประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเรื่องสุขภาพขนาดใหญ่ หรือ Global Wellness Summit 2023 (GWS 2023) ซึ่งเป็นแผนงานหนึ่งในการสนับสนุนให้ประเทศไทยมีโอกาสได้เป็นเจ้าภาพการจัดงาน Specialised Expo 2028 หากประเทศไทยได้รับคัดเลือกให้เป็นประเทศเจ้าภาพการจัดการประชุม GWS 2023 รวมถึงการจัดงาน Specialised Expo 2028 ซึ่งมุ่งเน้นในมิติ Future of Life ตามเป้าหมายที่วางไว้ จะส่งผลเชิงบวกต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเรื่องความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพการจัดงานระดับนานาชาติรวมถึงศักยภาพของประเทศไทยในฐานะ Health & Wellness Hub ระดับโลก
สอดรับกับนโยบาย Wellness Tourism ของกระทรวงสาธารณสุข
ทั้งนี้ การมุ่งยกระดับ Health & Wellness ของ ททท. เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับ แนวทางของ รัฐบาล ที่ผลักดัน โดยกระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในระดับนานาชาติ มีการผลักดันธุรกิจส่งเสริมสุขภาพ (Wellness Tourism) ธุรกิจผลิตภัณฑ์สุขภาพและสมุนไพร มีการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ จนปัจจุบันประเทศไทยได้รับการยอมรับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ติด 1ใน 5 ของโลก มูลค่าตลาดของ Wellness Tourism ของไทยมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รัฐบาลตั้งเป้าว่าในปี 2565 หลังสถานการณ์โควิด 19 คลี่คลาย จะให้ความสำคัญกับการทำการตลาดที่มีค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งกลุ่ม Medical Tourism และ Health and Wellness Tourism มีแนวโน้มได้รับความนิยมมากขึ้น เป็นกลุ่มที่มีค่าใช้จ่ายสูงถึง 80,000 – 120,000 บาท/ครั้ง
อ่านเพิ่มเติม เรื่องเกี่ยวเนื่องกับ Wellness Tourism