แต่ละมาตรการ มีรายละเอียดดังนี้
1. ลดอัตราเงินสมทบของผู้ประกันตนมาตรา 40 เหลือร้อยละ 60
เป็นระยะเวลา 6 เดือน มีรายละเอียดดังนี้ ทางเลือกที่ 1 ลดอัตราเงินสมทบเหลือ 42 บาทต่อเดือน จากเดิม 70 บาทต่อเดือน ทางเลือกที่ 2 ลดอัตราเงินสมทบเหลือ 60 บาทต่อเดือน จากเดิม 100 บาทต่อเดือน ทางเลือกที่ 3 ลดอัตราเงินสมทบเหลือ 180 บาทต่อเดือน จากเดิม 300 บาทต่อเดือน ส่วนสิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกันตนจะได้รับทั้ง 3 ทางเลือก ยังคงเดิม ทั้งนี้ จากการลดอัตราเงินสมทบดังกล่าวมีผู้ประกันตนมาตรา 40 ได้รับประโยชน์กว่า 10.57 ล้านคน เกิดหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจกว่า 1,408 ล้านบาท
2. เพิ่มอัตราเงินสงเคราะห์จากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างสูงสุด 100 เท่า
เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ลูกจ้างที่ถูกนายจ้างเลิกจ้างหรือค้างจ่ายเงินเดือน ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ดังนี้
1.กรณีค่าชดเชย แบ่งเป็น
(1) อัตราค่าชดเชยจากเดิม 30 เท่า เพิ่มเป็น 60 เท่า ของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำสำหรับลูกจ้างที่มีอายุงาน 120 วัน แต่ไม่ครบ 3 ปี
(2) อัตราค่าชดเชยจากเดิม 50 เท่า เพิ่มเป็น 80 เท่า ของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำสำหรับลูกจ้างที่มีอายุงาน 3 ปี แต่ไม่ครบ 10 ปี
(3) อัตราค่าชดเชยจากเดิม 70 เท่า เพิ่มเป็น 100 เท่า ของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำสำหรับลูกจ้างที่มีอายุงาน 10 ปีขึ้นไป
2.กรณีเงินอื่นนอกจากค่าชดเชย อัตราเดิม 60 เท่า เพิ่มเป็น 100 เท่า ของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ
3. ฟรี! ดอกเบี้ย 0% นาน 12 เดือน
สำหรับการกู้ยืมเงินจากกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน เพื่อดูแลความเป็นอยู่ของแรงงานนอกระบบในกลุ่มผู้รับงานไปทำที่บ้านทั่วประเทศกว่า 6,000 คน โดยกรมการจัดหางานจะลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้หรือค่าธรรมเนียมเหลือร้อยละ 0 ต่อปี ในงวดที่ 1 - 12 โดยไม่ปลอดเงินต้น และงวดที่ 13 เป็นต้นไป จนสิ้นสุดสัญญาคิดอัตราร้อยละ 3 ต่อปี สำหรับวงเงินกู้ยืม ผู้รับงานไปทำที่บ้านรายบุคคลกู้ได้ไม่เกิน 50,000 บาท รายกลุ่มกู้ได้ไม่เกิน 300,000 บาท
ผู้สนใจสามารถยื่นกู้ได้ที่สำนักงานจัดหางานกรุงเทพฯ และสำนักงานจัดหางานทุกจังหวัด ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2564 ถึง 31 สิงหาคม 2565 และทำสัญญากู้ยืมเงินภายใน 30 กันยายน 2565