สาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัส Othopoxvirus ธรรมชาติของเชื้อไวรัสก่อโรคนี้ มีรังโรคอยู่ในสัตว์ตระกูลฟันแทะและติดต่อไปยังสัตว์อื่นในตระกูลลิงไม่มีหาง กระต่ายและสัตว์ฟันแทะอื่น เช่น กระรอกดิน
อาการ
- ไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ
- อ่อนเผลียและมีต่อมน้ำเหลืองโต
- อาการทางผิวหนัง มักเกิดหลังจากไข้ลดลงโดยมักจะเริ่มมีผื่นที่บริเวณใบหน้าก่อน หลังจากนั้นจะลามไปส่วนอื่นๆของร่างกาย และมีการเปลี่ยนเป็นตุ่มหนองแล้วตกสะเก็ดภายหลัง และอาจเกิดแผลเป็นตามมา
การติดต่อ
มีทั้ง จากสัตว์สู่มนุษย์ และจากมนุษย์สุ่มนุษย์ ด้วยกันเอง
จากสัตว์สู่มนุษย์
- จากการสัมผัสสารคัดหลั่งทางผิวหนัง เยื่อเผือก เช่น จมูก ปาก ตา
- นำซากสัตว์ป่วยมาประกอบอาหาร
- ถูกสัตว์ป่วยกัด
จากมนุษย์สุ่มนุษย์
- ละอองฝอยทางการหายใจ
- สัมผัสเลือดหรือสารคัดหลั่งและรอยโรคที่ผิวหนังของผู้ป่วย
- หลังจากได้รับเชื้อจะมีระยะฟักตัวเฉลี่ย 7-14 วัน หรือนาน 21 วัน
โอกาสในการแพร่จากคนสู่คนค่อนข้างต่ำ
การวินิจฉัย
- วินิจฉัยจากประวัติและอาการ
- ตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการด้วยวิธี PCR จากของเหลวตุ่มน้ำที่ผิวหนัง
การรักษา
- ให้ยาต้านไวรัส Cidofovir, Tecoviramet, Brincidofovir
- ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถหายเองได้ แต่ก็พบรายงานการเสียชีวิตจากโรคนี้ โดยกลุ่มเสี่ยงมากที่สุดคือเด็กเล็ก
การป้องกัน
- ล้างมือบ่อยๆด้วยสบู่/แอลกอฮอล์
- งดรับประทานอาหารที่ปรงจากสัตว์ป่า
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ป่าจากพื้นที่เสี่ยงหรือสัตว์ป่าป่วยหรือผู้มีประวัติมาจากพื้นที่เสี่ยง
- วัคซีนที่ได้รับอนุมัติใน USA คือ JYNNEOS
สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์
ยง ภู่วรวรรณ ได้ให้ความรู้และข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับโรค "ฝีดาษวานร" ไว้ดังนี้
โรคนี้วินิจฉัยครั้งแรกพบในลิง จึงเรียกว่าฝีดาษลิง (Monkeypox) ผู้ป่วยในมนุษย์ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดไม่ได้ติดจากลิง เคยมีหลักฐานการติดต่อจากสัตว์ตระกูลฟันแทะ จำพวกหนู กระรอก เช่นหนูแกมเบีย (Giant Gambian rat) ที่นำเข้าไปในอเมริกา และมีการติดต่อไปสู่หนูแพรี่ด็อก และคนติดมาอีกทีหนึ่ง
การเรียกฝีดาษลิง จึงไม่ยุติธรรมสำหรับลิง เพราะคนเราจะรังเกียจลิง ลิงที่อยู่ตามวัด ในบ้านเรามีมาก จะขาดแคลนอาหาร เป็นที่เดือดร้อนของชาวลิงอย่างแน่นอน
โรคในตระกูลฝีดาษหรือไข้ทรพิษ สมัยก่อนมีฝีดาษวัว ที่ข้ามมายังมนุษย์ได้และนำมาใช้ทำวัคซีนป้องกันไข้ทรพิษทำให้โรคนี้หมดไป เพราะการติดฝีดาษวัว จะเป็นตุ่มหนองเฉพาะตรงที่สัมผัสเท่านั้น หรือเรียกว่าขึ้นเฉพาะที่ ส่วนฝีดาษนกหรือไก่ยังไม่มีหลักฐานการข้ามมายังมนุษย์
ลักษณะตุ่มฝีดาษหรือไข้ทรพิษ หรือในตระกูลฝีดาษ ตุ่มหนองจะเริ่มจากรอยแดงแล้วเป็นน้ำใสและเปลี่ยนเป็นน้ำขุ่นข้น สีขาวเหลือง ตรงกลางจะมีรอยบุ๋ม ซึ่งต่างกับ โรคสุกใสที่เกิดจากไวรัสต่างกลุ่มกันจะเป็นน้ำใส
ข้อแตกต่างที่ชัดเจนกับโรคสุกใส ที่สมัยผมเป็นนักเรียนต้องท่องได้ มีตุ่มของฝีดาษ จะขึ้นพร้อมกันระยะเดียว เหมือนกัน เริ่มจากแดงเป็นตุ่มน้ำและตกสะเก็ดพร้อมๆกัน แต่ของสุกใสจะมีหลายระยะเช่นบางตุ่มเป็นแค่ตุ่มแดงบางตุ่มเป็นน้ำใสแล้ว
การกักตัวผู้ป่วยจึงต้องกักตัวให้แผลทุกแผลตกสะเก็ดหมด จึงจะพ้นระยะติดต่อ สำหรับผู้สัมผัสโรคจะต้องกลับตัวดูอาการ 21 วันตามระยะพักตัวที่มากที่สุด
บริเวณที่ขึ้นตุ่มของสุกใสจะขึ้นบริเวณลำตัวมากกว่า ส่วนของฝีดาษจะขึ้นมากที่แขนขาแล้วค่อยไปลำตัว
ลักษณะของตุ่มฝีดาษจะบุ๋มตรงกลางที่เรียกว่า umbilicated vesicle ส่วนของสุกใสจะเป็นตุ่มน้ำใสหลายระยะ
เป็นที่น่าสังเกตว่า ฝีดาษลิงที่กำลังระบาดและพบอยู่ขณะนี้ พบในเพศชายเกือบทั้งหมด
ฝีดาษวัวป้องกันฝีดาษหรือไข้ทรพิษ โดยหลักการแล้วก็น่าจะข้ามมาป้องกันฝีดาษลิงได้ แต่ขณะนี้ก็มีการพัฒนาวัคซีนฝีดาษเด็กโดยตรง
ยง ภู่วรวรรณ
23 พฤษภาคม 2565