การศึกษาของสถาบันเศรษฐศาสตร์และสันติภาพ (IEP) ปี 2023 ที่ใช้วัดระดับสันติภาพเชิงลบของประเทศโดยใช้ขอบเขตของความสงบสุขสามด้าน:
- ความขัดแย้งภายในประเทศและระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
- ความปลอดภัยและความมั่นคงทางสังคม
- การทหาร
ดัชนีโดยรวมพบว่าโลกมีความปลอดภัยน้อยกว่าปีที่แล้วเล็กน้อย เนื่องจากผลกระทบของการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากผลการสำรวจในปี 2565
20 อันดับแรก ประเทศที่สงบสุขที่สุดของโลกปี 2023
วงเล็บคืออันดับเมื่อปี 2022
*ปี 2022 ออสเตรีย กับ สโลเวีย อันดับ 4 คะแนนเท่ากัน (1.31)
1. ไอซ์แลนด์ (1)
2. เดนมาร์ค (2)
3. ไอร์แลนด์ (3)
4. นิวซีแลนด์ (6)
5. ออสเตรีย (4)
6. สิงคโปร์ (10)
7. โปรตุเกส (8)
8. สโลเวเนีย (4)
9. ญี่ปุ่น (9)
10. สวิสเซอร์แลนด์ (11)
11. แคนาดา (13)
12. เชคเชีย (7)
13. ฟินแลนด์ (16)
14. โครเอเชีย (15)
15. เยอรมัน (17)
16. เนเธอร์แลนด์ (21)
17. ภูฏาณ (12)
18. ฮังการี (14)
19. มาเลเซีย (19)
20. เบลเยี่ยม (24)
7 ใน 10 อันดับแรกเป็นประเทศที่สงบสุขที่สุดในโลกอยู่ในยุโรป
มองดูอันดับของประเทศมหาอำนาจ ก็อาจจะประหลาดใจไม่น้อย
อังกฤษ อยู่ในอันดับที่ 37 (ลดลง 1 อันดับจากปี 2565)
ฝรั่งเศส อยู่ในอันดับที่ 67 (คงที่)
จีน อยู่ในอันดับที่ 80 (เพิ่มขึ้น 6 อันดับ)
สหรัฐอเมริกา อยู่ในอันดับที่ 131 (คงที่)
ประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 92 (เพิ่มขึ้น 13 อันดับ)
ยูเครนและรัสเซีย ตกไปอยู่ที่อันดับ 157 และ 158 ตามลำดับ
5 อันดับประเทศสงบสุขน้อยที่สุด ได้แก่ อาฟกานิสถาน เยเมน ซีเรีย ซูดานใต้ และสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (อันดับที่ 163-159 ตามลำดับ)
รู้จักประเทศที่สุขสงบที่สุด 3 อันดับแรก ประจำปี 2023
ไอซ์แลนด์ ประเทศที่สงบสุขที่สุดในโลกอันดับ 1
ไอซ์แลนด์ยังคงเป็นประเทศที่สงบสุขที่สุดในโลกนับตั้งแต่การศึกษาเผยแพร่ครั้งแรกในปี 2551 นอกจากนี้ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีความสุขที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากฟินแลนด์และเดนมาร์ก มากกว่า 60% ของประชากรในประเทศอาศัยอยู่ในเมืองหลวงของเรคยาวิก ตามรายงานของ National Geographic ในไอซ์แลนด์ โรงเรียนเปิดสอนฟรีสำหรับชาวไอซ์แลนด์ทุกคนผ่านทางวิทยาลัย และนักเรียนทุกคนจะได้รับการสอนให้พูดภาษาเดนมาร์กและภาษาอังกฤษ
เดนมาร์ก ประเทศสงบสุขที่สุดอันดับที่สองของโลก
เดนมาร์คขยับจากอันดับ 3 ในปี 2022 มาสู่อันดับสองในปีนี้
โคเปนเฮเกน เมืองหลวงของเดนมาร์ก เป็นที่ตั้งของสถาบันต่าง ๆ เช่น ตลาดหลักทรัพย์โคเปนเฮเกน และทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อยุโรปเหนือกับส่วนอื่น ๆ ของโลก ตามรายงานของ U.S. News and World Report แม้ว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ในเดนมาร์กจะจ่ายภาษีสูงที่สุดในโลกถึงครึ่งหนึ่งของรายได้ แต่ก็มีเหตุผล เนื่องจากภาษีที่สูง เดนมาร์กสามารถเสนอทางเลือกด้านการรักษาพยาบาลส่วนใหญ่แก่พลเมืองของตนโดยไม่มีค่าธรรมเนียม นักศึกษามหาวิทยาลัยไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียนและได้รับเงินช่วยเหลือเพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายระหว่างเรียน เงินอุดหนุนการดูแลเด็ก และผู้สูงอายุจะได้รับเงินบำนาญและจัดหาผู้ช่วยดูแลที่ เยี่ยมชมพวกเขาที่บ้าน
ไอร์แลนด์ ครองอันดับสาม
ไอร์แลนด์หล่นจากอันดับ 2 ในปี 2022 มาเป็นอันดับสามในปีนี้
ไอร์แลนด์เป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับสองของยุโรปรองจากบริเตนใหญ่ ไอร์แลนด์ขึ้นชื่อเรื่องทุ่งหญ้าเขียวขจี ด้วยเหตุนี้จึงมีชื่อเล่นว่า Emerald Isle ประชากรของไอร์แลนด์เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ในทศวรรษที่ผ่านมา จนได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีการเติบโตของประชากรเร็วที่สุดในสหภาพยุโรป
สถาบันเพื่อเศรษฐศาสตร์และสันติภาพ (The Institute for Economics & Peace - IEP)
สถาบันเพื่อเศรษฐศาสตร์และสันติภาพ (The Institute for Economics & Peace - IEP) เป็นหน่วยงานอิสระ ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด และไม่แสวงหาผลกำไร อุทิศตนเพื่อเปลี่ยนจุดสนใจของโลกไปสู่สันติภาพ โดยเป็นมาตรวัดความเป็นอยู่และความก้าวหน้าในเชิงบวก บรรลุผล และจับต้องได้ของมนุษย์ IEP บรรลุเป้าหมายด้วยการพัฒนากรอบแนวคิดใหม่เพื่อกำหนดความสงบสุข จัดทำตัวชี้วัดเพื่อวัดความสงบสุข และเปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจ สันติภาพ และความเจริญรุ่งเรือง ตลอดจนส่งเสริมความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับปัจจัยทางวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และการเมืองที่ก่อให้เกิดสันติภาพ IEP มีสำนักงานใหญ่ในซิดนีย์ โดยมีสำนักงานในนิวยอร์ก บรัสเซลส์ กรุงเฮก เม็กซิโกซิตี้ และฮาราเร ทำงานร่วมกับพันธมิตรที่หลากหลายในระดับสากลและร่วมมือกับองค์กรระหว่างรัฐบาลในการวัดและสื่อสารคุณค่าทางเศรษฐกิจของสันติภาพ
ภาพรวมจากดัชนีความสงบสุขโลก Global Peace Index (GPI) 2023
สถาบันเพื่อเศรษฐศาสตร์และสันติภาพ (The Institute for Economics & Peace - IEP) ประกาศผลการจัดอันดับ
ดัชนีความสงบสุขโลก Global Peace Index (GPI) ฉบับที่ 17 ประจำปี 2023 ครอบคลุมประเทศรัฐและดินแดนอิสระ 163 แห่ง จัดลำดับตามระดับของความสงบสุข รายงานนี้นำเสนอการวิเคราะห์ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลที่ครอบคลุมที่สุดในปัจจุบันเกี่ยวกับแนวโน้มสันติภาพ มูลค่าทางเศรษฐกิจ และวิธีการพัฒนาสังคมที่สงบสุข
รายงาน GPI ครอบคลุม 163 ประเทศ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 99.7 ของประชากรโลก โดยใช้ตัวบ่งชี้เชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ 23 รายการจากแหล่งข้อมูลที่ได้รับการยอมรับอย่างสูง และวัดสถานะของสันติภาพในสามขอบเขต ได้แก่ 1) ระดับความปลอดภัยและความมั่นคงทางสังคม 2) ขอบเขตของความขัดแย้งภายในประเทศและระหว่างประเทศที่กำลังดำเนินอยู่ และ 3) ระดับของกำลังทหาร
รายงาน GPI ปี 2023 ฉบับนี้ ได้รวมการวิเคราะห์ความขัดแย้งในปัจจุบัน และความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงการวิเคราะห์ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นจากการปิดล้อมไต้หวันของจีนที่มีต่อเศรษฐกิจโลกไว้ด้วย
ผลสำรวจในปีนี้พบว่าระดับความสงบสุขทั่วโลกโดยเฉลี่ยลดลงร้อยละ 0.42 นี่เป็นการลดลงของความสงบสุขครั้งที่ 13 ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา โดย 84 ประเทศมีความสงบสุขที่ดีขึ้น และ 79 ประเทศมีความสงบสุขแย่ลงในปี 2565
ไอซ์แลนด์ยังคงเป็นประเทศที่สงบสุขที่สุดในโลก โดยดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2551 โดยมีเดนมาร์ก ไอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ และออสเตรียอยู่ในอันดับต้น ๆ ของดัชนี อัฟกานิสถานเป็นประเทศที่มีความสงบสุขน้อยที่สุดในโลกติดต่อกันเป็นปีที่ 8 ตามมาด้วยเยเมน ซีเรีย ซูดานใต้ และสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ประเทศเหล่านี้ในทั้งสองกลุ่ม ยกเว้นไอร์แลนด์ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสิบประเทศที่มีความสงบสุขมากที่สุด หรือสงบสุขน้อยที่สุดเสมอ โดยเน้นย้ำถึงความสงบสุขที่ปลายทั้งสองด้านของดัชนี
สงครามในยูเครนมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความสงบสุขของโลก โดยยูเครนและรัสเซียมีความสงบสุขที่เลวร้ายที่สุดและใหญ่เป็นอันดับห้าตามลำดับ
ส่วน 3 ประเทศ ที่มีความเสื่อมโทรมมากที่สุด คือ เฮติ มาลี และอิสราเอล
น่ายินดีกับลิเบีย ประเทศที่ระดับความสงบสุขดีขึ้นมากที่สุดเป็นปีที่สองติดต่อกัน ตามมาด้วยบุรุนดี โอมาน โกตดิวัวร์ และอัฟกานิสถาน ยุโรปเป็นภูมิภาคที่สงบสุขที่สุดในโลกและเป็นที่ตั้งของเจ็ดในสิบประเทศที่สงบสุขที่สุด อีกสามประเทศที่สงบสุขที่สุดอยู่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ (MENA) ยังคงเป็นภูมิภาคที่มีความสงบสุขน้อยที่สุดในโลก เป็นที่ตั้งของสี่ในสิบประเทศที่มีความสงบสุขน้อยที่สุด แต่ก็ยังเป็นภูมิภาคที่มีการพัฒนาด้านสันติภาพที่ใหญ่ที่สุดเช่นกัน
พัฒนาการที่สำคัญที่สุดเกิดขึ้นในภูมิภาค MENA และอเมริกาเหนือ การปรับปรุงในอเมริกาเหนือได้รับแรงหนุนจากการปรับปรุงในแคนาดา ในภูมิภาค MENA ขอบเขตความขัดแย้งอย่างต่อเนื่องเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของการปรับปรุง โดยผลกระทบจากการก่อการร้าย ความขัดแย้งภายในที่ต่อสู้ และการเสียชีวิตจากความขัดแย้งภายในทั้งหมดดีขึ้น
การเสื่อมถอยมากที่สุด เกิดในภูมิภาคที่ใหญ่ที่สุดของโลก คือ รัสเซียและภูมิภาคยูเรเซีย นั่นเอง ซึ่งไม่เฉพาะกับยูเครนและรัสเซียเท่านั้นที่ความสงบสุขจะเสื่อมถอยลง แต่ยังส่งผลกระทบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคด้วยเช่นกัน
จากดัชนีตัวบ่งชี้ 23 รายการใน GPI มี 10 รายการที่ผลลัพธ์ดีขึ้น 11 รายการ เสื่อมถอยลง และอีก 2 รายการไม่มีการเปลี่ยนแปลง ดัชนีด้าน "ขอบเขตความปลอดภัยและความมั่นคง" และ "ความขัดแย้งที่กำลังดำเนินอยู่" แย่ลงทั้งคู่ ในขณะที่ขอบเขต "การทหาร" (Militarisation) มีการปรับปรุงดีขึ้นเล็กน้อย โดยยังคงมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในระยะยาว
ความเสื่อมถอยที่ใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบเป็นรายปี เห็นได้จากตัวชี้วัดด้าน "การสู้รบจากความขัดแย้งภายนอก" (external conflicts fought) "การเสียชีวิตจากความขัดแย้งภายใน" และ "ความไม่มั่นคงทางการเมือง" จำนวนผู้เสียชีวิตจากการสู้รบเพิ่มขึ้นก่อนที่ความขัดแย้งในยูเครนจะเริ่มต้นขึ้นเสียอีก จำนวนผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทั้งหมดเพิ่มขึ้น 45 เปอร์เซ็นต์ระหว่างปี 2020 ถึง 2021
มุมมองในด้านบวกบ้าง ตัวบ่งชี้ด้านความปลอดภัยและความมั่นคงหลายตัว ปรับตัวดีขึ้น รวมถึง "ผลกระทบจากการก่อการร้าย" และ "อัตราการฆาตกรรม" จำนวนเหตุฆาตกรรมลดลงในหลายประเทศแถบอเมริกากลางและแคริบเบียน ถึงแม้ว่าภูมิภาคนี้ จะยังคงเป็นพื้นที่ที่มีอัตราการฆาตกรรมโดยเฉลี่ยสูงสุด เมื่อเทียบกับพื้นที่ใดๆ ใน GPI
ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา โลกมีความสงบสุขน้อยลง โดยคะแนนเฉลี่ยของประเทศแย่ลงร้อยละ 5
จาก 163 ประเทศใน GPI มี 95 ประเทศที่บันทึกว่าแย่ลง ในขณะที่ 66 ประเทศปรับปรุงดีขึ้น และอีก 2 ประเทศไม่มีการเปลี่ยนแปลงในคะแนน
ตัวบ่งชี้ GPI 16 ตัวจาก 23 ตัวลดลงระหว่างปี 2551 ถึง 2566 ในขณะที่แปดตัวดีขึ้น
ตัวบ่งชี้ GPI ถึงสองในสาม บอกชัดถึงการเสื่อมถอยที่มาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 2008 โดยตัวบ่งชี้เกี่ยวกับความขัดแย้งที่กำลังดำเนินอยู่ และทวีความรุนแรงมากขึ้น มีถึงร้อยละ 14 ขณะที่ด้านความปลอดภัยและด้านการรักษาความปลอดภัย แย่ลงถึงร้อยละ 5.4
การทหารเป็นด้านเดียวดีขึ้น เมื่อดูจากตัวบ่งชี้ในด้าน "การสู้รบจากความขัดแย้งภายนอก" "การสู้รบจากความขัดแย้งภายใน" "จำนวนผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่นในประเทศ" และ "การประท้วงที่ใช้ความรุนแรง" เหล่านี้ ลดลงมากที่สุด
ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา มีมากถึง 120 ประเทศที่มีจำนวนการประท้วงรุนแรงเพิ่มขึ้น เทียบกับเพียง 20 ประเทศที่ลดลง
ปัจจัยบ่งชี้ด้าน "การสู้รบจากความขัดแย้งภายนอก" เป็นปัจจัยที่เสื่อมถอยมากที่สุดของตัวชี้วัดทั้งหมดตั้งแต่ปี 2008 โดยแย่ลงกว่าร้อยละ 50 มี 77 ประเทศที่ปัจจัยนี้แย่ลงต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2008
มีถึง 122 ประเทศที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งภายนอกอย่างน้อยหนึ่งครั้งตั้งแต่ปี 2008 โดยที่ประเทศส่วนใหญ่เข้าไปส่วนร่วมในระดับความร่วมมือและไม่ได้ทุ่มทรัพยากรมากแต่อย่างใด
การปรับปรุง "ขอบเขตการทหาร" เป็นไปอย่างกว้างขวาง โดยทุกภูมิภาคมีคะแนนลดลงตั้งแต่ปี 2551 อัตราการ "ติดอาวุธ" ลดลงใน 113 ประเทศ ในขณะที่ระดับค่าใช้จ่ายทางทหารโดยเฉลี่ยต่อเปอร์เซ็นต์ของ GDP ก็ลดลงเช่นกัน จาก 2.04 เป็น 1.95 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายทางทหารในระดับสัมบูรณ์เพิ่มขึ้น โดยเพิ่มขึ้นมากที่สุดในประเทศจีน สหรัฐอเมริกา และอินเดีย โดยค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 180,000 ล้านเหรียญสหรัฐ 70,000 ล้าน และ 40,000 ล้านเหรียญสหรัฐตามลำดับตั้งแต่ปี 2551
ความขัดแย้งหลายครั้ง นอกจากสงครามในยูเครนแล้ว ยังสร้างความเสียหายร้ายแรงอีกด้วย ปี 2565 เป็นปีที่มีผู้เสียชีวิตจากความขัดแย้งทางอาวุธมากที่สุด นับตั้งแต่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในรวันดาในปี 2537 ซึ่งเป็นปีที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ GPI จากตัวเลขจำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่า 100,000 คนในสงครามที่เมือง Tigray ทางตอนเหนือของเอธิโอเปีย การสู้รบระหว่างกองกำลังป้องกันเอธิโอเปีย พันธมิตรเอริเทรีย และกลุ่มกบฏ TPLF เป็นเหตุการณ์เดียวที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1994
นอกจากนี้ ยูเครนยังมีผู้เสียชีวิตจากความขัดแย้งอย่างน้อย 82,000 คนในปี 2022 การเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในมาลีเพิ่มขึ้น 154 เปอร์เซ็นต์ในปี 2022 โดยการใช้ความรุนแรงต่อพลเรือน เพิ่มขึ้นร้อยละ 570 ขณะที่ในเมียนมา การเสียชีวิตจากความขัดแย้งเพิ่มขึ้นร้อยละ 87
ในทางตรงกันข้าม ระดับความรุนแรงในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งอื่นๆ ลดลงอย่างรวดเร็วในปีที่ผ่านมา การเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งลดลงร้อยละ 91 ในอัฟกานิสถาน และร้อยละ 63 ในเยเมน
การใช้อากาศยานไร้คนขับ (UAVs) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าโดรนกำลังถูกนำมาใช้งานกันมากขึ้น ทั้งโดยฝ่ายรัฐและ ฝ่ายที่ไม่ใช่รัฐ ใช้โดรนในการโจมตีเป้าหมายทั้งทางทหารและโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มมากขึ้น จำนวนฝ่ายที่ไม่ใช่รัฐ มีการใช้โดรนเพิ่มขึ้นสองเท่าระหว่างปี 2561-2565 และจำนวนการโจมตีด้วยโดรนทั้งหมดเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าในช่วงเวลาเดียวกัน
ทั้งความรุนแรงและความสงบสุขสามารถแพร่ถึงกันได้ (ประหนึ่งโรคติดต่อ) การกระทำในภูมิภาคหรือประเทศหนึ่งอาจลุกลามไปยังภูมิภาคและประเทศที่มีพรมแดนติดกัน นำไปสู่วงจรอธรรมหรือวงจรอุบาทว์ที่สันติภาพและความขัดแย้งดำเนินควบคู่กันไป ยุโรปตะวันออกเป็นตัวอย่างของการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน ที่ความสงบสุขในประเทศหนึ่ง ทำให้ประเทศเพื่อนบ้านสงบสุขไปด้วย การผนวกไครเมียของรัสเซียในปี 2557 นำไปสู่การเพิ่มกำลังทางทหารในยูเครน เบลารุส ลิทัวเนีย ลัตเวีย และเอสโตเนีย โดยค่าใช้จ่ายทางทหารและความสัมพันธ์ของประเทศเพื่อนบ้านแย่ลงในประเทศเหล่านี้ทั้งหมด
แถบชายฝั่งแอฟริกาตะวันตกเป็นตัวอย่างของวัฏจักรแห่งสันติวิถีที่ดีงาม ประเทศต่างๆ ในแถบนี้มีคะแนน GPI ดีขึ้นในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา แม้จะมีความรุนแรงอย่างกว้างขวางในภูมิภาค Sahel ที่อยู่ใกล้เคียง และมีประวัติความขัดแย้งที่รุนแรง นอกเหนือจากกินีแล้ว ทุกประเทศในแอฟริกาตะวันตกชายฝั่งทะเลมีตัวเลขความสงบสุขดีขึ้นตั้งแต่ปี 2551 ถึง 2566 เหตุผลก็มาจากการพัฒนาด้านธรรมาภิบาลและเสถียรภาพทางการเมือง ตลอดจนการมีทรัพยากรที่เพิ่มขึ้นสำหรับการเฝ้าระวังตรวจตราและดูแลความปลอดภัยในสังคม เหล่านี้มีบทบาทสำคัญ ต่อการเพิ่มความสงบสุขทั้งสิ้น
ผลกระทบทางเศรษฐกิจของความรุนแรงต่อเศรษฐกิจโลกในปี 2565 อยู่ที่ 17.5 ล้านล้านดอลลาร์ ในแง่ความเสมอภาคของกำลังซื้อ (PPP) ตัวเลขนี้คิดเป็น 12.9 เปอร์เซ็นต์ของ GDP ของโลก หรือ 2,200 ดอลลาร์ต่อคน เพิ่มขึ้น 6.6 เปอร์เซ็นต์จากปีที่แล้ว สิ่งนี้ได้รับแรงหนุนหลักจากการเพิ่มขึ้นของผลกระทบทางเศรษฐกิจโดยรวมของค่าใช้จ่ายทางทหารทั่วโลก ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.8 แม้ว่าประเทศอื่นๆ จะลดค่าใช้จ่ายทางทหารลงเป็นเปอร์เซ็นต์ของ GDP มากกว่าที่เพิ่มขึ้น การเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการรุกรานยูเครนของรัสเซียและการใช้จ่ายทางทหารที่เกี่ยวข้องจากประเทศต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทั้งทางตรงและทางอ้อม
สำหรับสิบประเทศที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงมากที่สุด ผลกระทบทางเศรษฐกิจโดยเฉลี่ยเท่ากับร้อยละ 34 ของ GDP เทียบกับร้อยละ 2.9 ในสิบประเทศที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงน้อยที่สุด ยูเครน อัฟกานิสถาน และสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ก่อให้เกิดต้นทุนทางเศรษฐกิจจากความรุนแรงตามสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุดในปี 2564 เท่ากับ 63, 47 และ 40 เปอร์เซ็นต์ของ GDP ตามลำดับ
รายงาน GPI ปี 2023 ยังพิจารณาถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการปิดล้อมไต้หวันของจีน ตามสมมุติฐาน IEP ประมาณการว่าการปิดล้อมจะส่งผลกระทบมากเป็นสองเท่าของวิกฤตการเงินโลก โดย GDP ทั่วโลกจะลดลง 2.8 เปอร์เซ็นต์ภายในหนึ่งปี เศรษฐกิจจีนจะหดตัวประมาณร้อยละ 7 ในขณะที่เศรษฐกิจของไต้หวันจะหดตัวเกือบร้อยละ 40 จะเกิดผลกระทบอย่างรุนแรงในอุตสาหกรรมใดก็ตาม ที่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ซับซ้อน เนื่องจากไต้หวันผลิตเซมิคอนดักเตอร์ลอจิกขั้นสูงมากกว่าร้อยละ 90 ของโลก คู่ค้าหลักทั้ง 5 ของจีนล้วนเป็นประเทศประชาธิปไตยที่พัฒนาแล้ว โดยมีความเชื่อมโยงด้านกลาโหมที่แข็งแกร่งกับสหรัฐฯ
ความจำเป็นในการตอบสนองเชิงระบบเพื่อสร้างสันติภาพเป็นเรื่องเร่งด่วน ความขัดแย้งทวีความรุนแรงขึ้นในหลายภูมิภาค มีผู้เสียชีวิตจากความขัดแย้งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ช่องว่างระหว่างประเทศที่มีความสงบสุขมากที่สุดและน้อยที่สุดยังคงเพิ่มขึ้น และแม้ว่ามาตรการทางทหารหลายอย่างจะดีขึ้นในช่วงสิบห้าปีที่ผ่านมา การแพร่กระจายของเทคโนโลยีทางทหารขั้นสูงที่มีราคาถูกลง การแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น และกระแสความไม่มั่นคงทางการเมืองที่แฝงอยู่ในหลายประเทศ เหล่านี้ชี้ไปในทิศทางที่ดูเหมือนว่า ความสงบสุขทั่วโลกจะถดถอยลงอย่างต่อเนื่อง
การค้นพบที่สำคัญ (Key Findings) จากการจัดอันดับปี 2023
การค้นพบที่สำคัญ
• ระดับความสงบสุขของประเทศโดยเฉลี่ยลดลงร้อยละ 0.42 ในดัชนีสันติภาพโลกปี 2566 นับเป็นปีที่ 9 ติดต่อกันที่ความสงบสุขทั่วโลกลดน้อยลง ระดับความสงบโดยเฉลี่ยดีขึ้นเพียง 2 ครั้งต่อปีนับตั้งแต่ปี 2551
• ในปีที่ผ่านมา 84 ประเทศมีพัฒนาการดีขึ้น ในขณะที่ 79 ประเทศมีความสงบสุขลดลง
• การรุกรานยูเครนของรัสเซียและผลที่ตามมาเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของความเสื่อมโทรมในความสงบสุขทั่วโลก ทั้งรัสเซียและยูเครนได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสิบประเทศที่มีความสงบสุขน้อยที่สุด และยูเครนมีดัชนี GPI ที่เสื่อมถอยลงมากที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศใดๆ ในปี 2566
• ความรุนแรงของความขัดแย้งเพิ่มขึ้นทั่วโลกก่อนที่จะเริ่มความขัดแย้งในยูเครน
• จำนวนผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทั้งหมดเพิ่มขึ้นร้อยละ 96 ทั้งการเสียชีวิตจากความขัดแย้งภายในและความขัดแย้งภายนอก ตัวบ่งชี้การต่อสู้จะแย่ลง แม้ว่ายูเครนและรัสเซียจะไม่รวมอยู่ในการวิเคราะห์ก็ตาม
• ตัวบ่งชี้สองตัวที่เสื่อมถอยมากที่สุดในปี 2565 ได้แก่ ความขัดแย้ง การต่อสู้จากความขัดแย้งภายนอก และ การเสียชีวิตจากความขัดแย้งภายใน รองลงมาคือ ความไม่มั่นคงทางการเมือง ตัวชี้วัดที่มีการปรับตัวมากที่สุดคือเงินทุนรักษาสันติภาพของสหประชาชาติและค่าใช้จ่ายทางทหาร
• แม้ว่า 92 ประเทศจะปรับตัวบ่งชี้ค่าใช้จ่ายทางทหารในปี 2565 ค่าใช้จ่ายทางทหารทั้งหมดเพิ่มขึ้น โดยได้รับแรงหนุนหลักจากประเทศที่เกี่ยวข้องกับสงครามยูเครน
• ภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ (MENA) มีความสงบสุขที่ดีขึ้นมากเป็นอันดับสองรองจากอเมริกาเหนือ อย่างไรก็ตาม ภูมิภาคดังกล่าวยังคงเป็นภูมิภาคที่มีความสงบสุขน้อยที่สุดของโลก เป็นที่ตั้งของสี่ในสิบประเทศที่มีความสงบสุขน้อยที่สุดในโลก
• ยุโรปยังคงเป็นภูมิภาคที่สงบสุขที่สุดในโลกและเป็นที่ตั้งของเจ็ดในสิบประเทศที่สงบสุขที่สุด อย่างไรก็ตาม GPI ทั้งสามด้านนั้น แย่ลงในปีที่ผ่านมา เนื่องจากความตึงเครียดระหว่างประเทศในยุโรปและรัสเซียยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ยุโรปสงบสุขน้อยกว่าเมื่อ 15 ปีที่แล้ว
• ความสงบสุขดีขึ้นโดยเฉลี่ยสำหรับด้านการทำสงคราม แต่แย่ลงทั้งในด้านความขัดแย้งที่กำลังดำเนินอยู่ ความปลอดภัยและความมั่นคง
• จากตัวบ่งชี้ GPI 23 รายการ สิบรายการมีการปรับขึ้น 11 รายการมีการเสื่อมลง และสองรายการไม่มีการเปลี่ยนแปลงในปีที่ผ่านมา
• หลายประเทศที่เคยประสบกับความขัดแย้งอย่างรุนแรงในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมามีความสงบสุขที่ดีขึ้นมากที่สุด ลิเบีย โกตดิวัวร์ และอัฟกานิสถาน ต่างก็ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในห้าประเทศที่มีการพัฒนาด้านสันติภาพมากที่สุด
• มี 59 ประเทศที่ความไร้เสถียรภาพทางการเมืองถดถอยลงในช่วงปีที่ผ่านมา เทียบกับเพียง 22 ประเทศที่ตัวบ่งชี้ดีขึ้น