เศรษฐา ทวีสิน เกิดวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2506 ปัจจุบันอายุ 60 ปี เป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียง ในตำแหน่งอดีตประธานอำนวยการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ภายหลังก้าวเข้าสู่การเมืองสังกัดพรรคเพื่อไทย และ ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 30
หลังจากรู้ผลมติรัฐสภาเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งนายกฯ นายเศรษฐา ทวีสิน ได้ออกแถลงที่พรรคเพื่อไทย ดังนี้
"วันนี้ผมเศรษฐา ทวีสิน รู้สึกเป็นเกียรติ ที่ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของประเทศไทย กระผมอยากจะขอขอบคุณ ประชาชนคนไทยทุกคน พรรคร่วมรัฐบาล ท่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอันทรงเกียรติ ท่านวุฒิสมาชิกทุกท่าน ที่ร่วมในการโหวตในวันนี้ ผมจะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ลืมความเหน็ดเหนื่อย ยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้อง ประชาชนคนไทยทุกคน ครับ"
รู้จักเศรษฐา ทวีสิน
เศรษฐา ทวีสิน เกิดในครอบครัวที่มีฐานะและเครือข่ายสกุลนักธุรกิจเป็นทุนเดิม ในวัยเด็กเข้าศึกษาที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร จากนั้นไปศึกษาต่อที่สหรัฐในระดับไฮสกูล และจบการศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขาเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแมสสาชูเซ็ตส์ (University of Massachusetts) ปริญญาโทในสาขาบริหารธุรกิจด้านการเงินจาก บัณฑิตวิทยาลัยแคลมอนต์ (Claremont Graduate School) ของสหรัฐ
ในปี 2532 เศรษฐาสมรสกับ พญ.พักตร์พิไล ทวีสิน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญความงามด้านผิวพรรณ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มีบุตรธิดา 3 คน ได้แก่
ณณภัทร ทวีสิน (น้อบ) บุตร
วรัตม์ ทวีสิน (แน้บ) บุตร
ชนัญดา ทวีสิน (นุ้บ) ธิดา
การเข้าสู่การเมือง
เศรษฐาเปิดเผยว่าเขาไม่ได้มีความฝันที่จะก้าวเข้าสู่การเมืองมาก่อน แต่สิ่งที่เริ่มจุดประกายให้เขาสนใจการเมืองมากขึ้นคือนับตั้งแต่การรัฐประหาร 2 ครั้งที่ผ่านมา ซึ่งเศรษฐาเห็นว่าการยึดอำนาจเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องและรับไม่ได้ บวกกับปัญหาสังคม เศรษฐกิจ การเมืองที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในช่วง 8-9 ปีหลังมานี้ รวมถึงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่สะท้อนให้เห็นว่าและความเหลื่อมล้ำ ความไม่เสมอภาค ความไม่เท่าเทียมเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทย เศรษฐาเห็นว่ารัฐบาลปัจจุบันไม่สามารถทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความเสมอภาค มีความเท่าเทียม และมีสิทธิเสรีภาพในการเลือกได้ ตนจึงตัดสินใจเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของพรรคเพื่อไทยเพราะเชื่อว่าเพื่อไทยยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง
เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2565 เศรษฐาสมัครเป็นสมาชิกครอบครัวเพื่อไทย และในเดือนมีนาคม 2566 นั่งตำแหน่งประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยให้กับแพทองธาร ชินวัตร ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2566 พรรคเพื่อไทยเสนอชื่อคุณเศรษฐาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพร้อมกับอีกสองท่าน ได้แก่ แพทองธาร ชินวัตร และชัยเกษม นิติสิริ
เศรษฐาพูดเสมอว่า “ผมไม่ได้อยากเป็นนายกรัฐมนตรีเพราะอยากมีตำแหน่งว่าเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย แต่ต้องการเป็นนายกรัฐมนตรีที่นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลง”
ในการประชุมร่วมของรัฐสภา เพื่อลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีไทยในวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2566 เศรษฐาได้รับคะแนนเสียงเห็นชอบจำนวน 482 ต่อ 165 เสียง งดออกเสียง 81 เสียง ส่งผลให้เศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย
นโยบายของพรรคเพื่อไทยที่หาเสียงไว้เป็นนโยบายหลักในการบริหารประเทศ เช่น
นโยบาย digital wallet กระเป๋าเงินดิจิทัล และเงินกระตุ้นเศรษฐกิจคนละ 10,000 บาท
นโยบายที่ดินทำกิน สนับสนุนให้เกษตรกรทุกครัวเรือนมีที่ดินทำกินอย่างพอเพียง
นโยบายขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำ 600 บาทภายในปี 2570
นโยบายขึ้นเงินเดือนปริญญาตรีขั้นต่ำ 25,000 บาท
นโยบายเกณฑ์ทหารโดยสมัครใจ
นโยบายเพิ่มราคาพืชผลเกษตร
นโยบายแก้ปัญหาความขัดแย้งและสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนในจังหวัดชายแดนภาคใต้
นโบายกัญชาทางการแพทย์และสุขภาพ
นโยบายแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ และยังคงไว้ในส่วนของหมวดที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์