31 สิงหาคม 2566 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ โซลาร์เซลล์ ว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศนโยบาย Smart Energy and Climate Action (SECA) : พลังงานอัจฉริยะและการดำเนินการที่มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้ทุกหน่วยงานในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขมีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศอันเป็นสาเหตุของโลกร้อน
โดยในปี 2566 กำหนดให้ทุกหน่วยงานในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ทั้งหน่วยงานบริหาร คือ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ และหน่วยบริการ คือ โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลชุมชน รวม 1,855 แห่ง ติดตั้งโซลาร์เซลล์ให้แล้วเสร็จ ซึ่งประมาณการว่าจะประหยัดค่าไฟฟ้าได้ 904,353,667.20 บาท/ปี ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 99,458.49 tonCo2/ปี จนถึงขณะนี้มีหน่วยงานดำเนินการเรื่องโซลาร์เซลล์แล้ว 1,261 แห่ง ครอบคลุม 75 จังหวัด ยังเหลืออีก 1 จังหวัด ในจำนวนนี้ ติดตั้งสำเร็จแล้ว 508 แห่ง กำลังผลิตรวม 47,053 กิโลวัตต์ สามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้ 243,462,221.16 บาท/ปี และลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 26,775.35 tonCo2/ปี
นพ.โอภาสกล่าวต่อว่า สำหรับแผนการขับเคลื่อนในปี 2567 กองบริหารการสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้จัดทำข้อเสนอเชิงนโยบาย ดังนี้
1.การติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ให้ครบทุกแห่งตามแผนงานที่กำหนด โดยโรงพยาบาลศูนย์ขนาด 1,000 กิโลวัตต์ โรงพยาบาลทั่วไป 500 กิโลวัตต์ โรงพยาบาลชุมชนและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด 100 กิโลวัตต์ และสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ 10 กิโลวัตต์ ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 124,093.80 tonCO2/ปี
2.ทุกหน่วยงานมีการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์เพื่อช่วยลดการใช้พลังงานลงร้อยละ 20
3.เริ่มมีการใช้ยานพาหนะพลังงานไฟฟ้าทดแทนของเดิมและสถานีชาร์จไฟฟ้า ด้วยเงินนอกงบประมาณ / เงินบำรุง / เงินบริจาค โดยตั้งเป้าหมายให้มีการใช้ทุกแห่งใน 10 ปี
4.อาคารอนุรักษ์พลังงาน โดยปรับปรุงอาคารเดิมตามหลักเกณฑ์การประเมินความยั่งยืนทางพลังงานและสิ่งแวดล้อมไทยสำหรับอาคารระหว่างใช้งาน ส่วนการออกแบบอาคารใหม่ ให้จัดทำแบบหรือคัดเลือกแบบตามความต้องการใช้งาน โดยใช้หลักเกณฑ์การประเมินความยั่งยืนทางพลังงานและสิ่งแวดล้อมไทยสำหรับก่อสร้างใหม่ ขณะที่ Master Plan โรงพยาบาล ให้ทบทวนปรับปรุงแบบ โดยเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในตัวอาคารหรือภายนอกอาคาร
5.การเพิ่มพื้นที่สีเขียวร้อยละ 25 ของพื้นที่ว่าง ภายใต้แนวคิดการจัดสวนเพื่อการเยียวยา/บำบัดรักษา และการจัดสวนทั่วไป
6.เพิ่มศักยภาพการให้บริการ ลดการเดินทางและเพิ่มขีดความสามารถบริการใกล้บ้าน โดยจัดทำแนวทางการดูแลผู้ป่วยผ่านระบบการแพทย์ทางไกลในกลุ่มโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ โรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่คุมอาการได้ รวมถึงปัญหาทางจิตเวช ตั้งเป้าหมายลดจำนวนผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลศูนย์ / โรงพยาบาลทั่วไป ลงร้อยละ 10 หรือ 1.6 ล้านครั้งต่อปี
7.การจัดการมูลฝอยและน้ำเสียด้วยหลัก 3R : Reduce Reuse Recycle โดยการบำบัดน้ำเสียอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อนำน้ำที่ผ่านการบำบัดมาใช้ประโยชน์ และลดปริมาณขยะมูลฝอยได้ร้อยละ 30
"กระทรวงสาธารณสุข จะรณรงค์ขับเคลื่อนนโยบาย SECA ไปสู่การปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง โดยจะตั้งคณะกรรมการ/คณะทำงานติดตามกำกับและขับเคลื่อนการดำเนินงานทั้งส่วนกลางและระดับพื้นที่ และคัดเลือกหน่วยงานที่มีผลงานดีเด่นระดับจังหวัด ระดับเขตสุขภาพ และระดับประเทศ เพื่อเป็นต้นแบบที่ดีให้กับหน่วยงานอื่นๆ ได้นำไปขยายผลต่อไป" นพ.โอภาสกล่าว
กรมอนามัย จับมือการไฟฟ้านครหลวง สร้าง Solar Rooftop เสริมอาคารประหยัดพลังงาน
31 สิงหาคม 2566 นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยภายหลังการร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วยเรื่อง การประหยัดพลังงานไฟฟ้า และพลังงานทางเลือกฯ กับนายวิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการไฟฟ้านครหลวง ณ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ว่า จากสถานการณ์การใช้พลังงานของประเทศที่เพิ่มขึ้นทุกปี รวมทั้งความต้องการใช้พลังงานมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นภาระหนักของประเทศในการใช้งบประมาณเพื่อจัดหาพลังงานให้มีใช้ได้อย่างเพียงพอ รัฐบาลจึงกำหนดให้การประหยัดพลังงานเป็นวาระสำคัญของชาติ รวมทั้งเป็นวาระสำคัญต่อการพัฒนาประเทศที่มุ่งสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ โดยการนำพลังงานสะอาด (Green Energy) มาใช้ทดแทนอีกด้วย จึงกำหนดให้มีนโยบายด้านพลังงานของประเทศ ผ่านกลยุทธ์ด้านการอนุรักษ์พลังงาน ภายใต้มาตรการด้านบริหาร ด้านสังคม และด้านกฎหมาย เพื่อกำกับ ดูแล และส่งเสริมให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัด รวมทั้งส่งเสริมให้หน่วยงานราชการลดการใช้ไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงลงร้อยละ 20
“กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จึงได้ร่วมกับ การไฟฟ้านครหลวง ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วยเรื่อง การประหยัดพลังงานไฟฟ้า และพลังงานทางเลือกฯ เป็นการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาครัฐวิสาหกิจ โดยมีสาระสำคัญ คือ 1) เพื่อส่งเสริม สนุบสนุน และให้ความร่วมมือระหว่างการไฟฟ้านครหลวงและกรมอนามัย ให้พัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals) โดยรักษาสมดุลของสิ่งแวดล้อมและพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อต่อสู้ต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และผลกระทบที่เกิดขึ้น 2) สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีและพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พัฒนาไปสู่การเป็นมหาวิทยาลัยต้นแบบด้านบริการจัดการพลังานอย่างครบวงจร และ 3) สร้างการยอมรับและไว้วางใจระหว่างการไฟฟ้านครหลวงและกรมอนามัย พร้อมทั้งติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ แบบติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) อุปกรณ์ประหยัดพลังงานทดแทน หรือพลังงานทางเลือกฯ เพื่อให้กรมอนามัยเป็นหน่วยงานที่นำพลังงานทางเลือกมาใช้ทดแทน ลดการใช้พลังงาน สร้างสังคมคาร์บอนต่ำ ช่วยประเทศประหยัดพลังงาน ประหยัดงบประมาณ หวังสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพประชาชน คาดในอนาคตจะมีการขยายรูปแบบการประหยัดพลังงานอื่นร่วมด้วย” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว