ต่อมาวันที่ 13 กันยายน 2566 เจ้าหน้าที่ อย., เจ้าหน้าที่ สบส. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. เข้าร่วมตรวจสอบสถานพยาบาลคลินิกเสริมความงาม 4 แห่ง ในพื้นที่เขตสวนหลวง, เขตบึงกุ่ม, เขตดุสิต และเขตวังทองหลาง
จากการสอบสวนปากคำแพทย์และผู้ช่วยพยาบาล ทั้ง 4 คลินิกให้การว่า เครื่องสำอางของกลางที่ตรวจยึด เป็นเครื่องสำอางที่ได้จดแจ้งเลข อย. ประเภทเครื่องสำอางสำหรับทาผิว/ผิวหน้า โดยไม่ต้องล้างออก แต่ลักษณะขวดผลิตภัณฑ์บรรจุในภาชนะบรรจุรูปแบบไวแอล มีลักษณะขวดแก้วใส มีฝาจุกยาง ปิดฝาขวดด้วยอลูมิเนียม คล้ายขวดยาสำหรับฉีด โดยอ้างว่ามีคุณสมบัติในการบำรุงรักษา, ฟื้นฟูสภาพผิว, ลดฝ้า กระ จุดด้างดำ และริ้วรอย, กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ฯลฯ อันมีลักษณะผิดวัตถุประสงค์ของเครื่องสำอางที่จดแจ้งไว้ และพบว่ามียาที่ไม่มีทะเบียน เครื่องสำอางที่มีฉลากไม่ถูกต้อง เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันตรวจสอบใบประวัติการรักษาของผู้เข้ารับบริการพบว่า มีการตรวจรับรักษาด้วยการฉีดเครื่องสำอางที่ตรวจยึดจริง โดยของกลางที่ตรวจยึดได้ทั้งหมด 943 ชิ้น เป็นเครื่องสำอางที่นำมาฉีดกว่า 779 ชิ้น, ยาไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยากว่า 109 ชิ้น และเครื่องสำอางที่มีฉลากไม่ถูกต้อง 55 ชิ้น ของกลางทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ฐานความผิด
หากพบว่ามีคลินิกเสริมความงามทั้ง 4 แห่งกระทำความผิดจริง ผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องจะมีความผิด
พระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510
1. ขายยาที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา ฝ่าฝืนมาตรา 72 (4) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558
1. ขายเครื่องสำอางที่ฉลากแสดงข้อความสื่อถึงการนำไปฉีดเข้าสู่ผิวหนัง เข้าข่ายเครื่องสำอางที่ห้ามผลิตนำเข้าหรือขาย ฝ่าฝืน ม.6(1) ประกอบ ม.27(4) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2. ขายเครื่องสำอางที่ฉลากแสดงข้อความที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง (solution for injection) ฝ่าฝืน ม.32 (3) ประกอบ ม.22 วรรคสอง (1) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3. ขายเครื่องสำอางที่ฉลากแสดงข้อความอันเป็นสาระสำคัญไม่ครบถ้วน ฝ่าฝืน ม.32 (4) ประกอบ ม.22 วรรคสอง (3) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. กล่าวฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนว่า ควรศึกษาและซักถามคลินิกที่เข้ารับบริการว่า ยาและเครื่องสำอางที่ทางคลินิกใช้รักษา มีการขึ้นทะเบียนตำรับยา และเครื่องสำอางได้จดแจ้งกับทาง อย. ถูกต้องหรือไม่ ในส่วนของคลินิกเสริมความงามและแพทย์ที่นำเครื่องสำอางมาใช้ฉีดเข้าสู่ร่างกายผู้รับบริการ อาจเสี่ยงทำให้ชีวิตร่างกายของผู้รับบริการเสียชีวิต หรือเกิดอาการเจ็บป่วย อันมีความผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญา จึงขอเตือนว่าไม่ควรนำเครื่องสำอางมาฉีดรักษาให้บริการโดยเด็ดขาด พี่น้องประชาชนที่พบเห็นการโฆษณาใช้เครื่องสำอางมาฉีดรักษา หรือการโฆษณาเกินจริง สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ สายด่วน บก.ปคบ.1135 หรือเพจ ปคบ.เตือนภัยผู้บริโภค