17 มกราคม 2567 เวลา 15.30 น. มีรายงานข่าวจากสมาคมเณรแก้วกู้ภัยทางหลวงสุพรรณบุรีว่า เกิดเหตุโรงงานพลุระเบิด ในพื้นที่ หมู่ที่ 3 ต.ศาลาขาว อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี พร้อมเกิดไฟลุกไหม้ มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคน จุดเกิดเหตุอยู่กลางทุ่งนา ไม่มีบ้านพักอาศัยอยู่ใกล้เคียง สามารถมองเห็นกลุ่มควันสีดำพุ่งขึ้นท้องฟ้า มองเห็นได้ในระยะไกล
เวลา 17.59 น. นพ.รัฐพล เวทสรณสุธี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยจำนวนมีผู้เสียชีวิตรวม 23 คน
สธ.สรุปผู้เสียชีวิตและการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล
18 มกราคม 2567 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าการดูแลด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีเกิดเหตุโรงงานพลุระเบิด ที่ตำบลศาลาขาว อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี จากรายงานข้อมูลเพิ่มเติมจากนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุพรรณบุรี
จากการยืนยันโดยญาติที่ทำงานที่โรงงาน เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีผู้เสียชีวิตจากเหตุดังกล่าวทั้งสิ้น 23 ราย เป็นชาย 7 ราย หญิง 16 ราย
ในจำนวนนี้พบร่างที่สามารถพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลได้ 20 ร่าง ส่วนอีก 3 ราย อยู่ระหว่างทีมนิติเวชของโรงพยาบาลเจ้าพระยายมราชดำเนินการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล
ส่งทีมดูแลเยียวยาจิตใจญาติผู้สูญเสีย
สำหรับการดูแลเยียวยาจิตใจของครอบครัวผู้เสียชีวิต ได้ส่งทีม MCATT จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุพรรณบุรี โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช และโรงพยาบาลในเครือข่าย เข้าประเมินอาการและให้การดูแลเยียวยาจิตใจแล้ว โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
กลุ่ม A ญาติสายตรงของผู้เสียชีวิต ได้รับการปฐมพยาบาลทางจิตใจและประเมินสุขภาพจิต จำนวน 24 ราย พบมีอาการโศกเศร้ามาก เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาด้านสุขภาพจิต 4 ราย ซึ่งทั้ง 4 รายได้รับการขึ้นทะเบียนเพื่อติดตามดูแลต่อเนื่องแล้ว
กลุ่ม B ญาติพี่น้องอื่นๆ จำนวน 12 คน ได้รับการปฐมพยาบาลทางจิตใจและคำแนะนำในการดูแลสุขภาพจิตตนเองและคนรอบข้าง พร้อมช่องทางการขอความช่วยเหลือ
และกลุ่ม C คนในชุมชน จำนวน 9 คน ได้ให้คำแนะนำเรื่องการดูแลและให้กำลังใจครอบครัวผู้เสียชีวิตเพื่อให้ปรับตัว ปรับใจ และดำเนินชีวิตต่อไปได้
“แผนปฏิบัติการของทีม MCATT ในวันที่ 18 มกราคม 2567 จะจัดทีม MCATT รวม 12 คน ให้การดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 4 ครอบครัวที่มีความเสี่ยงเกิดปัญหาด้านสุขภาพจิต และมีการประเมินสุขภาพจิตผู้ได้รับผลกระทบในแต่ละกลุ่มเพิ่มเติม หากมีความเสี่ยงจะประสานดูแลส่งต่อช่องทางด่วนกลุ่มงานจิตเวช โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช นอกจากนี้ ได้ประสานทีม MCATT ทุกอำเภอ จำนวน 15 คน พร้อมทีมสนับสนุนจากกรมสุขภาพจิตและสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ 6 คน รวม 21 คน ลงพื้นที่วัดโรงช้าง ตำบลสวนแตง เพื่อดูแลญาติอย่างใกล้ชิดช่วงที่มีการนำร่างผู้เสียชีวิตเข้ามา คาดว่าผู้ได้รับผลกระทบกลุ่ม A ญาติสายตรง น่าจะมีประมาณ 138 คน หรือประมาณ 6 คนต่อผู้เสียชีวิต 1 ราย และได้มีการเตรียมทีม MCATT เสริมในช่วงงานสวดพระอภิธรรมด้วย” นพ.ชลน่านกล่าว
ภาพข่าวจาก ไทยพีบีเอส , กระทรวงสาธารณสุข