เหตุผลข้อหนึ่งของการผลักดันกฏระเบียบนี้ คือลบล้าง มุมมองผิดๆ ของการเป็นอาชีพอิสระ ที่บูมมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จากข้อมูลอียูบันทึกว่ามีมูลค่ากว่า หมื่นสีพันล้านยูโรในปี 2020 เพิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่าจากปี 2016 ที่มีมูลค่าอยู่ที่ 3 พันล้านยูโรเท่านั้น จากผู้เล่นกว่า 500 แพลตฟอร์มที่เปิดบริการ
แต่ยิ่งตลาดใหญ่ขึ้น ข้อกังวลด้านสภาพการจ้างงานก็ตามมาเป็นเงา แรงงานเริ่มรับไม่ไหวกับชั่วโมงทำงานที่นานขึ้นแลกกับรายได้ที่ไม่แน่นอนหรือไม่ก็จ่ายช้า เหนื่อยกาย ไร้หลักประกันความปลอดภัย ไร้สิทธิทางกฏหมาย และทุกสิ่งที่เป็นความล่อแหลมภาวะเสี่ยงทั้งหลาย
ขณะที่อีกด้านแย้งว่า เหล่านั้นที่เสียไป เป็นการแลกกับความเป็นอิสระ การเป็นนายตัวเอง ความยืดหยุ่นที่จะต้องปรับตัวไปกับสถานการณ์และเงื่อนไข ที่จะนำไปสู่โอกาสในงาน ในตลาดแรงงานที่มีการแข่งขันกันตลอดเวลา ในตลาดแรงงานกลุ่มนักเรียนนักศึกษา ผู้อพยพ และกลุ่มชาติพันธุ์กลุ่มน้อย
อูเบอร์ เป็นหัวหอกในการโต้แย้งกฏนี้ ออกตัวและโยนคำเตือนออกมาว่า "จะเพิ่มความเสี่ยงของกลุ่มอาชีพอิสระนับพัน ธุรกิจขนาดเล็กอีกไม่น้อยจะได้รับผลกระทบ ธุรกิจน้อยใหญ่อีกมากมายที่ผู้บริโภคให้ความไว้วางใจทั่วยุโรป"
หาทางออก
คณะกรรมการอียู ไม่โต้แย้งในข้อดีของการมีแรงงานอิสระ แต่สิ่งที่อียูใส่ใจคือการตระหนักต่อผลในระยะยาว และทางออกที่เหมาะสมและปรับใช้ได้กับเงื่อนไขทางกฏหมายในแต่ละประเทศได้อย่างราบรื่น
อียูระบุว่ามีแรงงานอิสระในภูมิภาคราว 28 ล้านคน ในจำนวนนี้ราว 5.5 ล้านคนเรียกตัวเองว่าเป็น "อาชีพอิสระ" ซึ่งไม่ถูกต้อง
กฏระเบียบใหม่จะเปลี่ยนสถานะแรงงานอิสระที่เรียกตัวเองว่าเป็นอาชีพอิสระ ซึ่งมีตัวเลขอยู่ระหว่าง 1.7-4.1 ล้านคน ให้กลายเป็นแรงงานในภาคปกติ ซึ่งตัวเลขที่แท้จริงจะเป็นเท่าไร ขึ้นกับว่าแพลตฟอร์มจะปรับเงื่อนไขตามกฏใหม่มากน้อยเพียงใด กฏใหม่กำหนดเงื่อนไขไว้อย่างน้อย 2 ใน 5 เงื่อนไข ครอบคลุมประเด็นเกี่ยวกับ ค่าตอบแทน การกำกับดูแล ชั่วโมงทำงาน กฎการเข้างา
แรงงานที่ถูกจัดประเภทใหม่ จะได้สิทธิ์การจ้างงานเทียบเท่ากับแรงงานปกติ เช่น มีวันหยุด การลาพักร้อน ลาคลอด ค่าจ้างขั้นต่ำ บำนาญชราภาพ มาตรการดูแลต่างๆ และพลังต่อรอง (แรงงานอิสระค่อนข้างจะขาดความเป็นเอกภาพ ไม่มีการรวมตัวเป็นสหภาพ) สามารถที่จะได้รับสิทธิจากการว่างงานหรือเมื่อป่วย และการเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ รวมทั้งได้สิทธิทำประกันอุบัติเหตุจากการทำงานได้อีกด้วย เป็นข้อสำคัญที่เหมาะกับการทำงานที่ต้องขับเคลื่อนสัญจรไปบนท้องถนนเป็นกิจวัตร
ทั้งนี้ กฏระเบียบใหม่ของอียูจะต้องสอดคล้องไปกับกฏและการบังคับใช้ของแต่ละประเทศด้วย อาทิ ในเดนมาร์ค ออสเตรีย อิตาลี ไม่มีการระบุเงื่อนไขค่าจ้างขั้นต่ำเอาไว้ เป็นต้น
ระเบียบการจัดประเภทแรงงานใหม่ของอียู จะทำให้แรงงานอิสระแบบเดิม 250,000 รายหายไปจากระบบ แต่จะมีทุนเพิ่มเข้ามารองรับการจ้างแรงงานราว 800 ล้านยูโร และคาดการว่าทั้งยุโรปจะมีรายได้เพิ่มราย 1.6- 4 พันล้านยูโรต่อปีจากการจัดระเบียบใหม่นี้ (ในรูปของภาษีบุคคล เงินสมทบและรายได้เข้ารัฐอื่นๆ ตามแต่ละประเทศ) ร้อนถึง Delivery Platforms Europe องค์กรที่เกิดจากการรวมตัวของธุรกิจแพลตฟอร์มการให้บริการขนส่งในยุโรป ได้ทวีตเตือนว่า "เป็นการสูญเสียรายได้ก้อนใหญ่ของกลุ่มธุรกิจขนส่ง" และได้โต้แย้งว่า การกำหนดค่าจ้างตายตัวนั้น ตรงกันข้ามกับเงื่อนไขความยืดหยุ่นที่บริษัทต่างๆ เหล่านั้นเสนอให้กับแรงงาน อ้างอิงรายงานจากบ.เศรษฐกิจโคเปนเฮเกน ที่ระบุว่า เหตุผลสำคัญที่แรงงานอิสระเลือกจะทำกับผู้ให้บริการผ่านดิจิตัลแพลตฟอร์มเหล่านี้ ก็คือความอิสระและความยืดหยุ่นที่ตนเองจะได้รับ
การประกาศบังคับใช้ระเบียบใหม่นี้ มีขึ้นสัปดาห์ให้หลังจาก
การรวมตัวประท้วงของ "กลุ่มแรงงานอิสระบนแพลตฟอร์ม" ในบรัสเซลส์ ช่วงปลายเดือนตุลาคม 64 ที่ประณามแผนธุรกิจที่ไม่รับประกันรายได้ขั้นต่ำให้กับแรงงาน
และยังสอดรับกับการตัดสินของศาลสูงในหลายประเทศ ต่อข้อหาที่แพลตฟอร์มไร้มาตรการที่ดีในการดูแลแรงงาน อาทิ ศาลของดัตช์ มีคำตัดสินว่าคนขับของอูเบอร์จัดว่าเป็นพนักงานของบริษัท ไม่ใช่ฟรีแลนซ์ จึงต้องได้รับสิทธิเหมือนเป็นคนขับแท็กซี่ ศาลในอังกฤษก็เคยมีคำตัดสินในลักษณะเดียวกันเมื่อช่วงต้นปี 2021
"แพลตฟอร์มบริการดิจิตอล มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของยุโรป นวัตกรรมที่สร้างงานและตอบสนองความต้องการผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด เป็นธุรกิจที่มีคนเป็นศูนย์กลาง ดังนั้นจึงควรต้องมีการเงื่อนไขการทำงานที่เหมาะสมและต้องได้รับการปกป้องทางสังคม" แถลงการณ์จากอียู
แต่ฝั่งผู้ให้บริการอย่างเดริเวอรู สวนกลับทันควัน "การจัดประเภทใหม่จะส่งผลกระทบด้านร้ายต่อตัวแรงงาน ผู้บริโภค ร้านอาหารและเศรษฐกิจในวงกว้าง ระเบียบใหม่เหล่านี้ จะเพิ่มความไม่แน่นอน ผลประโยชน์จริงๆ ไม่ได้ตกกับแรงงานบนแพลตฟอร์ม แต่เป็นพวกนักกฏหมายมากกว่า"
เป็นความพยายามของอียูในการออกระเบียบกำกับแรงงานอิสระ ก่อนที่อนาคตแรงงานกลุ่มนี้จะขยายมากขึ้น ที่คาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 43 ล้านราย ในปี 2025
Euronews
10 ธันวาคม 64