ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

การต่อหมันหญิง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

ในทางการแพทย์ ถือว่าการทำหมัน เป็นการคุมกำเนิดถาวรที่ได้รับความนิยมที่สุด โดยการคีบท่อมดลูกหรือท่อนำไข่ทั้ง 2 ข้างมาผูกแล้วตัด ซึ่งร้อยละ 23 ของผู้หญิงที่อายุระหว่าง 15 - 44 ปี มักคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้ และพบว่าร้อยละ 5 - 10 ของผู้หญิงที่ทำหมัน

ต่อหมันหญิง

“อยากมีลูกเพิ่ม(ค่ะ/ครับ)”  คือคำตอบที่พ่อแม่ทุกคนมาหาคุณหมอในกรณีทำหมันถาวร
 
          และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของการต่อหมัน ซึ่งถ้าเอ่ยถึงทีไร คนส่วนใหญ่มักนึกถึงการต่อหมันชายมากกว่าหญิง  ในความเป็นจริงแล้ว การต่อหมันหญิงนั้นมีมานานแล้ว  ซ้ำ..ง่ายกว่าต่อหมันชายเสียอีก
 
          ในทางการแพทย์ ถือว่าการทำหมัน เป็นการคุมกำเนิดถาวรที่ได้รับความนิยมที่สุด  โดยการคีบท่อมดลูกหรือท่อนำไข่ทั้ง 2 ข้างมาผูกแล้วตัด   ซึ่งร้อยละ  23   ของผู้หญิงที่อายุระหว่าง 15 - 44  ปี  มักคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้  และพบว่าร้อยละ 5  - 10 ของผู้หญิงที่ทำหมัน  มักเกิดความเสียใจและไม่พอใจ อยากแก้หมันในภายหลัง ซึ่งในปัจจุบันการต่อหมันไม่ใช่เรื่องยุ่งยากสามารถทำได้โดยใช้เทคนิคการต่อหมันด้วยกล้องจุลทรรศน์
 
           แต่ก่อนที่จะเริ่มการต่อหมันนั้น  จะต้องมีการตรวจร่างกายทั้งสามีและภรรยา เพื่อดูความพร้อมของร่างกายว่าสมบูรณ์แข็งแรงเพียงใด  โดยเฉพาะในฝ่ายหญิงจะต้องใช้การส่องกล้องทางช่องท้อง  โดยเจาะเพียง 2 รูเข้าไปดูสภาพของท่อนำไข่  จากนั้นอาจทำการต่อหมันทันทีหรือนัดหมายภายหลัง   โดยวิธีการนั้นจะมีการวางยาสลบหรือใช้ยาชาฉีดเข้าไขสันหลังก่อนทำการต่อหมัน  และเนื่องจากท่อนำไข่มีขนาดเล็กมาก  จึงใช้วิธีการต่อหมันด้วยกล้องจุลทรรศน์  โดยการตัดต่อท่อนำไข่ทีละข้าง แล้วเย็บต่อท่อเข้าหากัน  จากนั้นทำการฉีดสีเข้าไปที่มดลูก  เพื่อตรวจสอบว่าสีสามารถเดินทางไปยังท่อนำไข่ที่ต่อแล้วได้ดีเพียงใด จึงต่ออีกข้างและทำการทดสอบเช่นกัน ก่อนจะเย็บปิดแผลเป็นขั้นตอนสุดท้าย  การต่อหมันด้วยวิธีนี้   มีความแม่นยำสูงและอัตราการตั้งครรภ์ก็สูงกว่าวิธีอื่น อย่างไรก็ตาม อาจใช้การส่องกล้องทางช่องท้องช่วยในการต่อหมันอีกวิธี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย แต่ก็เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับการต่อหมันด้วยกล้องจุลทรรศน์   ซึ่งทั้ง2  วิธีการนี้มีค่าใช้จ่ายประมาณ  30,000 -  50,000 บาทต่อราย (27/10/2553)
 
          แต่จะตั้งครรภ์หรือไม่นั้น  ต้องเข้าใจก่อนว่า โดยธรรมชาตินั้น   สิ่งที่ตัดไปแล้วทำให้กลับคืนมาอีกครั้ง    ต้องยอมรับว่าอาจจะไม่เหมือนเดิมก็ได้     เพราะโอกาสตั้งครรภ์ของผู้หญิงที่ต่อหมันมีตั้งแต่ร้อยละ 15 – 90  จะเห็นว่าตัวเลขห่างกันมาก   แต่สำหรับโรงพยาบาลศิริราชพบว่า โดยเฉลี่ยหญิงที่ได้รับการต่อหมันแล้ว  จะมีอัตราการตั้งครรภ์สูงถึงร้อยละ 70   ทั้งนี้จะตั้งครรภ์หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยด้วยกัน
 
  1. อายุของผู้หญิงที่ต่อหมัน   หากอายุเกิน 40 ปี โอกาสตั้งครรภ์จะน้อยกว่า
  2. การเจริญพันธุ์ของฝ่ายหญิง   หากรังไข่ไม่ทำงาน มดลูกไม่ปกติ   มีเนื้องอกมดลูก  ฯลฯ  ต่อหมันไปแล้วก็มีโอกาสตั้งครรภ์น้อยกว่า
  3. การเจริญพันธุ์ของฝ่ายชาย  หากฝ่ายชายน้ำเชื้ออ่อน โอกาสตั้งครรภ์ก็น้อยกว่า  จึงมีความจำเป็นที่จะต้องตรวจฝ่ายสามีด้วย
  4. ระยะเวลาการแก้หมัน ยิ่งทำหมันมานานเท่าไหร่  โอกาสท้องก็น้อยลง เช่น  แก้หมันหลังทำหมันภายใน  5 ปี   โอกาสตั้งครรภ์ ร้อยละ  74  ถ้าแก้หมันหลังทำหมันภายใน 6 – 10 ปี  โอกาสตั้งครรภ์เหลือเพียงร้อยละ 63
  5. ทำหมัน ด้วยวิธีไหน หากใช้กล้องส่องยิง แล้วใช้แถบหนังยางหรือคลิปรัดท่อมดลูก มักไม่เสียหายมากนักเมื่อแก้หมันแล้ว  โอกาสตั้งครรภ์จะสูงกว่า  แต่หากตัดท่อออกไปมาก หรือตัด ส่วนปลายที่รับไข่ หรือใช้ไฟฟ้าจี้ทำลายท่อมดลูกเป็นวงกว้าง  เมื่อแก้หมันแล้ว โอกาสตั้งครรภ์จะน้อยกว่า
  6. ความชำนาญของสูตินรีแพทย์และเครื่องมือแพทย์
  7. ความสมบูรณ์ของท่อหลังการต่อหมัน ในกรณีที่มีการอักเสบของปีกมดลูกบ่อย ๆ  ท่อนำไข่ไม่สมบูรณ์แม้ต่อหมันแล้ว โอกาสตั้งครรภ์ก็น้อยกว่าท่อที่สมบูรณ์
  8. สุขภาพทั่วไปของผู้ต่อหมัน หากสุขภาพไม่ดี มีโรคเรื้อรังประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน  หอบหืด ภูมิแพ้ โอกาสตั้งครรภ์หลังต่อหมันจะต่ำกว่าผู้ที่มีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง
ฟังแล้วอย่าเพิ่งห่อเหี่ยวใจ  ตราบใดที่เรายังมีหวัง  ผลสำเร็จย่อมตามมาไม่ช้าก็เร็ว

รศ.นพ.เรืองศิลป์   เชาวรัตน์
ภาควิชาสูติศาสตร์ นรีเวชวิทยา
Faculty of Medicine Siriraj Hospital
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
27/10/2553
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด