“ล้างไตทางช่องท้อง” ลดติดเชื้อในเลือด
รพ.ราชวิถี
อดีตนายกสมาคมโรคไตฯ เผยล้างไตช่องท้อง ช่วยผู้ป่วยโรคไตทั่วประเทศ แก้ปัญหาบุคลากรทางการแพทย์ ศูนย์บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมที่มีจำกัด ยันคุณภาพรักษาไม่ต่างกัน อัตราการติดเชื้อลดลงอยู่ในเกณฑ์เดียวกับต่างประเทศ อันตรายน้อยกว่าผู้ป่วยฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมที่เสี่ยงติดเชื้อในกระแสเลือดมากกว่า
พล.ต.พญ.อุษณา ลุวีระ อดีตนายกสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย และอดีตนายกสมาคมปลูกถ่ายอวัยวะแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภายหลังจากที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ดำเนินสิทธิประโยชน์ให้การดูแลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ส่งผลให้ผู้ป่วยที่ไม่มีหลักประกันสุขภาพสามารถเข้าถึงการรักษาเพิ่มขึ้น
ซึ่งการรักษาผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายมี 3 วิธีด้วยกัน คือ
1. การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis)
2. การล้างไตผ่านช่องท้อง (CAPD) และ
3. การปลูกถ่ายไต
วิธีที่ 3 เป็นวิธีการรักษาที่ดีที่สุด แต่ด้วยข้อจำกัดที่มีผู้บริจาคไตน้อย ผู้ป่วยต้องได้รับการบริจาคไตจากญาติที่มีสายเลือดเดียวกัน สามีหรือภรรยา รวมถึงผู้ป่วยที่มีภาวะสมองตายซึ่งศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาดชาดไทยได้มีการรณรงค์อย่างต่อเนื่องเพื่อรับบริจาคอวัยวะจากผู้ป่วยสมองตาย ระหว่างรอการบริจาคไตผู้ป่วยจึงต้องทำการล้างไตด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งก่อน
พล.ต.พญ.อุษณา กล่าวว่า ส่วนการล้างไตผ่านช่องท้องในผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ประเทศไทยเริ่มมีมาตั้งแต่ปี 2525 ขณะนั้นยังเป็นการล้างไตโดยใช้น้ำยาล้างไตในบรรจุภัณฑ์แบบขวด ไม่ได้เป็นถุงน้ำยาล้างไตที่เป็นมาตรฐานอย่างในปัจจุบัน ทำให้ผลการรักษาไม่ดีเท่าที่ควร มีการติดเชื้อค่อนข้างมาก แต่หลังจากมีการนำน้ำยาล้างไตที่บรรจุภัณฑ์แบบถุงตามมาตรฐานสากลมาใช้ ประกอบกับมีการพัฒนาอุปกรณ์และเทคนิคการล้างไตผ่านช่องท้องอย่างต่อเนื่อง ทำให้การล้างไตผ่านช่องท้องได้ผลที่ดี
ส่วนที่ สปสช.มีการกำหนดนโยบายล้างไตผ่านช่องท้องเป็นทางเลือกแรก (CAPD First Policy) มองว่าเป็นแนวทางที่ช่วยให้ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายสามารถเข้าถึงการรักษาได้อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะผู้ป่วยที่อยู่ห่างไกลในต่างจังหวัด ถิ่นทุรกันดาร การคมนาคมไม่สะดวก แพทย์ บุคลากรทางการแพทย์และศูนย์บริการการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมที่มีอยู่อย่างจำกัด ขณะที่การล้างไตผ่านช่องท้อง พยาบาล 1 คน สามารถดูแลผู้ป่วยได้ถึง 50 คน อีกทั้งการเปิดศูนย์ไตเทียมเพิ่มในพื้นที่ห่างไกลยังเป็นไปได้ยาก เนื่องจากต้องมีการลงทุนที่สูงมากและขาดบุคลากรที่เชี่ยวชาญ
ขณะที่การล้างไตช่องท้องหลังจากที่สอนวิธีเพียง 2 สัปดาห์ ผู้ป่วยก็สามารถทำเองที่บ้านได้ โดยนัดพบแพทย์เพียงแค่ 2-3 เดือนต่อครั้งเท่านั้น ไม่ต้องเดินทางมาฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมที่โรงพยาบาล 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ และยังต้องใช้เวลาฟอกเลือดครั้งละ 4 ชั่วโมง ไม่รวมระยะเวลาเดินทาง ทำให้ผู้ป่วยเสียเวลาค่อนข้างมาก ผู้ป่วยที่รับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมหากหยุดฟอกเลือดไปเพียง 2-3 วัน จะมีอาการหอบเหนื่อยจากน้ำท่วมปอดได้ง่าย
“ทั่วโลกมีการศึกษาการรักษาผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ระหว่างวิธีล้างไตผ่านช่องท้อง และฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ปรากฎฏว่ามีคุณภาพการรักษาที่ไม่แตกต่างกัน โดยข้อดีของการล้างไตผ่านช่องท้องคือผู้ป่วยสามารถกินอาหารได้หลากหลาย เนื่องจากมีการฟอกเลือดตลอดเวลา ทำให้ผู้ป่วยสามารถกินผักและผลไม้ที่มีโปแตสเซียมสูงได้ ขณะที่ผู้ป่วยที่ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมซึ่งต้องเว้นระยะการฟอกเลือด 2-3 วัน ในระหว่างนั้น หากกินผักและผลไม้ที่มีโปแตสเซียมสูง จะเกิดภาวะโปแตสเซียมคั่งในร่างกายจนเกิดภาวะเป็นพิษ ทำให้หัวใจหยุดเต้นได้” อดีตนายกสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย กล่าว
พล.ต.พญ.อุษณา กล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นการติดเชื้อในผู้ป่วยล้างไตผ่านช่องท้อง จากการพัฒนาการดูแลผู้ป่วยด้วยวิธีล้างไตผ่านช่องท้องอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตราการติดเชื้อลดลง โดยปัจจุบันอัตราการติดเชื้อในผู้ป่วยล้างไตผ่านช่องท้องของประเทศไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 30-40 เดือนต่อครั้ง นับว่าดีกว่าเดิมมาก ทั้งยังเป็นอัตราเฉลี่ยเดียวกับสากล สำหรับผู้ป่วยที่รับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมมีโอกาสที่จะติดเชื้อได้มากกว่าและเป็นอันตรายกว่า เนื่องจากในการฟอกเลือดผู้ป่วยต้องได้รับการแทงเข็มลงไปในเส้นเลือดดำโดยตรงและนำเลือดออกมาฟอกนอกร่างกาย 4-5 ชั่วโมง ทุก 2-3 วัน ซึ่งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดได้ อีกทั้งในผู้ป่วยบางรายไม่สามารถผ่าตัดเส้นเลือดได้ จึงต้องคาเส้นเทียมไว้ในเส้นเลือดดำ ยิ่งเพิ่มโอกาสติดเชื้อมากขึ้น ซึ่งนอกจากเป็นอันตรายแล้ว ยังส่งผลต่อค่าใช้จ่ายรักษาที่เพิ่มมากขึ้น จึงมองว่าเป็นข้อดีของนโยบายล้างไตผ่านช่องท้องเป็นทางเลือกแรกหรือ CAPD First Policy
ที่มา : เว็บไซต์ ASTV ผู้จัดการออนไลน์
การล้างไตทางช่องท้อง (CAPD) จาก รามาชาแนล
คลิปรายการไตวาไรตี้ วันนี้เป็นเรื่องของการล้างไตทางช่องท้อง รวมไปถึงข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาโรคไต สูตรการล้างไตต่างๆที่แชร์ในโลกออนไลน์สูตรดังกล่าวมีหน่วยงานทางแพทย์ของไทยออกมาเตือนว่าไม่ได้ผลนอกจากอันตรายแล้วยังเร่งให้ไตเสื่อมไวขึ้นด้วย [
source]
การล้างไตทางช่องท้อง (PD) คืออะไร?
การล้างไตทางช่องท้อง (PD) เป็นการทำความสะอาดเลือดและขจัดของเหลวส่วนเกินออกจากร่างกายโดยใช้ตัวกรองที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ซึ่งก็คือ เยื่อบุผนังช่องท้องของร่างกายนั่นเอง เยื่อบุผนังช่องท้องเป็นเยื่อบางๆ ที่ห่อหุ้มช่องท้อง หรือเป็นเยื่อที่แบ่งช่องในท้อง ซึ่งบรรจุอวัยวะต่างๆ ทั้งกระเพาะอาหาร ม้าม ตับ และลำไส้ น้ำยาล้างไตจะถูกใส่เข้าไปในช่องท้อง เยื่อบุผนังช่องท้องจะทำหน้าที่กรองของเสียและของเหลวออกจากเลือดไปสู่น้ำยาล้างไต หลังจากนั้น 2-3 ชั่วโมง น้ำยาล้างไตที่มีของเสียอยู่จะถูกปล่อยออกจากช่องท้องและถูกแทนที่ด้วยน้ำยาใหม่ที่เติมเข้าไป ทั้งหมดนี้เรียกว่า การเปลี่ยนถ่ายน้ำยาล้างไตและการแลกเปลี่ยนของเสีย (Exchange) พยาบาลผู้มีประสบการณ์ในการล้างไตทางช่องท้องจะช่วยฝึกสอนให้คุณสามารถทำการล้างไตทางช่องท้องได้ด้วยตนเองที่หน่วยบริการล้างไตในฐานะผู้ป่วยนอกได้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถทำการล้างไตทางช่องท้องได้เองหลังจากได้รับการฝึกอบรมประมาณ 5-7 ครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรูปแบบการเรียนรู้ของแต่ละบุคคล หากคุณมีข้อสงสัยหรือมีปัญหาควรปรึกษาพยาบาลหรือแพทย์เจ้าของไข้ และคุณอาจต้องไปที่คลินิกอย่างน้อยเดือนละครั้ง
การล้างไตทางช่องท้อง (PD) ส่งผลต่อวิถีชีวิตของคุณอย่างไร
ผู้คนส่วนใหญ่พึงพอใจกับความยืดหยุ่นและความมีอิสระด้วยการล้างไตทางช่องท้อง นักโภชนาการจะช่วยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการรับประทานอาหารของคุณ และสำคัญอย่างยิ่งที่คุณควรปฏิบัติตามคำแนะนำของนักโภชนาการเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะขาดสารอาหาร เพราะการรับประทานอาหารไม่เพียงพออาจทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า เหนื่อยล้า และคุณภาพชีวิตต่ำลง ผู้ที่ใช้วิธีการล้างไตทางช่องท้องสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เพราะการล้างไตด้วยตนเอง ทำให้คุณสามารถปรับตารางการล้างไตให้เหมาะสมกับการทำงาน การเรียน หรือแผนการเดินทางของตนเองได้
การล้างไตทางช่องท้อง (PD)
ข้อดี
- ผู้ป่วยมีความยืดหยุ่นและความมีอิสระในชีวิต
- ไปคลินิกเพียงเดือนละครั้ง
- สามารถทำการล้างไตได้แม้ในขณะหลับ
- เป็นวิธีที่ไม่ต้องใช้เข็มฉีดยา
- เป็นวิธีบำบัดอย่างต่อเนื่องจึงคล้ายกับการทำงานของไต
- ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปยังหน่วยบริการล้างไตเพื่อทำการล้างไต
- เนื่องจากไม่ต้องใช้เข็มฉีดยาวิธีนี้จึงไม่มีเลือดออก ซึ่งแตกต่างจากการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis หรือ HD)
- สามารถทำการล้างไตได้ง่ายแม้ขณะไปท่องเที่ยว
ข้อเสีย
- จำเป็นต้องกำหนดตารางเวลาการเปลี่ยนถ่ายน้ำยาล้างไตให้เป็นหนึ่งในกิจวัตรประจำวันตลอดสัปดาห์
- จำเป็นต้องมีสายท่อล้างไตแบบถาวรยื่นออกมานอกร่างกาย
- มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
- อาจทำให้มีน้ำหนักและรอบเอวที่เพิ่มขึ้น
- ต้องการพื้นที่ในบ้านสำหรับจัดเก็บน้ำยา อุปกรณ์ที่ใช้ในการล้างไต
- ต้องการพื้นที่ในห้องนอนสำหรับวางเครื่องมือ กรณีใช้วิธีการล้างไตทางช่องท้องด้วยเครื่องอัตโนมัติผู้ที่มีรูปร่างใหญ่มาก อาจต้องทำการล้างไตบ่อยขึ้น
ชนิดของการล้างไตทางช่องท้อง
การล้างไตทางช่องท้อง (PD) มีหลายประเภท คุณควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตัวคุณ
การล้างไตทางช่องท้องด้วยเครื่องอัตโนมัติ (APD)
การล้างไตทางช่องท้องด้วยเครื่องอัตโนมัติ เป็นการล้างไตทางช่องท้องด้วยเครื่องควบคุมการเปลี่ยนถ่ายน้ำยาล้างไตแบบอัตโนมัติซึ่งจะทำในเวลากลางคืนขณะที่ผู้ป่วยนอนหลับ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะค้างน้ำยาล้างไตไว้ในช่องท้อง หรือเปลี่ยนถ่ายน้ำยาล้างไตเพียงครั้งเดียวในระหว่างวัน การล้างไตทางช่องท้องด้วยเครื่องอัตโนมัติเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการอิสระจากการล้างไตตอนกลางวัน APD ช่วยให้คุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำยาล้างไตทุกๆ 4-6 ชั่วโมง คุณจึงมีอิสระมากขึ้น การล้างไตทางช่องท้องด้วยเครื่องอัตโนมัติ บางครั้งเรียกว่า การล้างไตทางช่องท้องอย่างต่อเนื่องด้วยเครื่อง (CCPD)
การล้างไตทางช่องท้องอย่างต่อเนื่องด้วยตนเอง (CAPD)
การล้างไตทางช่องท้องอย่างต่อเนื่องด้วยตนเองเป็นการทำความสะอาดเลือดตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน โดยที่ผู้ป่วยยังสามารถทำกิจวัตรเช่นเดินไปมาได้ตามปกติแม้ในขณะที่มีการเปลี่ยนถ่ายน้ำยาล้างไต เพราะการล้างไตทางช่องท้องอย่างต่อเนื่องด้วยตนเองนี้ ใช้เพียงถุงน้ำยาล้างไตซึ่งแขวนบนเสาที่มีล้อในระหว่างการใส่น้ำยาล้างไตเข้าไปในช่องท้อง และสายที่เชื่อมต่อมายังสายท่อล้างไตของคุณ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำยาล้างไตวันละ 4 ครั้ง คือ เมื่อตื่นนอนตอนเช้า ตอนกลางวัน ก่อนอาหารเย็นและก่อนนอน ซึ่งการเปลี่ยนน้ำยาล้างไตในแต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ 30 นาที น้ำยาล้างไตจะค้างอยู่ในช่องท้องในช่วงที่มีการแลกเปลี่ยนของเสียและในช่วงเวลากลางคืน ในขณะที่มีการเปลี่ยนถ่ายน้ำยาล้างไตผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ที่ไม่เป็นข้อห้ามได้ เช่น ดูทีวี คุยโทรศัพท์ นั่งทำงานบนโต๊ะ หรืออ่านหนังสือ เป็นต้น การเปลี่ยนถ่ายน้ำยาล้างไตสามารถทำได้ในบริเวณที่สะอาด ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน หรือแม้แต่เวลาไปท่องเที่ยว
[Source: Baxter]