รถยนต์ไฟฟ้า 100%
รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% หรือ รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ เป็นเทคโนโลยียานยนต์ที่เปลี่ยนจากต้นกำลังเครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนหลักมาเป็นการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า โดยการทดแทนการเติมเชื้อเพลิงนํ้ามันด้วยการอัดประจุไฟฟ้าจากภายนอกแทนซึ่งพลังงานไฟฟ้าจะถูกเก็บไว้ในแบตเตอรี่ในตัวรถ โดยผู้ใช้รถสามารถอัดประจุไฟฟ้าจากที่พักอาศัยหรือที่ทำ งานได้อย่างสะดวก ไม่ต้องพึ่งพาสถานีนํ้ามันแบบเดิม ซึ่งในขณะขับขี่รถยนต์ไฟฟ้านั้นตัวมอเตอร์ไฟฟ้าซึ่งมีประสิทธิภาพที่สูงกว่าจะมาแทนเครื่องยนต์และไม่มีการปลดปล่อยมลพิษจากรถยนต์สู่ท้องถนนรวมทั้งยังเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและลดปัญหาสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันอีกด้วย นอกจากนี้เทคโนโลยีของรถยนต์ไฟฟ้า ยังสามารถที่จะถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ที่มีอยู่ในตัวรถกลับคืนไปสู่ภายนอกได้(Vehicle to Everything) เช่น ในกรณีไฟฟ้าดับที่พักอาศัยสามารถใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ในตัวรถ (Vehicle to Home) หรือสามารถช่วยลดความต้องการการผลิตไฟฟ้าในบางช่วงเวลาได้อีกด้วย (Vehicle to Grid)
ในปัจจุบันมีบริษัทผู้นำที่มีการพัฒนาและนำรถยนต์ไฟฟ้าออกมาขายเชิงพาณิชย์ เช่น บริษัท Tesla ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทรถยนต์ที่เกิดใหม่สามารถพัฒนาและจำหน่ายเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเดียว โดยปัจจุบันมี 3 รุ่น ที่ออกจำหน่ายได้แก่ Model S Model x และ Model 3 ซึ่งมีระยะทางวิ่ง 300-500 กม.ต่อการอัดประจุ 1 ครั้ง และ Tesla ยังมีการให้บริการการอัดประจุไฟฟ้าแบบเร็ว หรือ Supercharger ตามจุดสำคัญในประเทศที่มีการจำหน่ายอีกด้วย ซึ่งถือว่า Tesla เป็นบริษัทผู้นำรถยนต์ไฟฟ้าที่ทำให้หลายบริษัทต้องคอยติดตามกันอย่างใกล้ชิด สำหรับบริษัท Nisรan ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำเอง รถยนต์ไฟฟ้าได้มีการนำ Nissan LEAF ออกมาจำหน่ายตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2010 และยังมีการพัฒนารุ่นล่าสุดเป็นรุ่นที่ 2 ซึ่งมีแผนจะจำหน่ายในประเทศไทยภายในปีนี้อีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายบริษัทที่เป็นทั้งผู้เล่นเดิมและผู้เล่นใหม่ที่เตรียมออกรถยนต์ไฟฟ้า 100% เพิ่มขึ้นอีกหลายรุ่นภายในปีค.ศ. 2020 โดยปัจจัยและตัวแปรที่สำคัญที่ทำให้เกิดตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเนื่องมาจากนโยบายการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคขนส่ง รวมไปทั้งการลดมลพิษในหลายประเทศ เช่น นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ สวีเดน เยอรมนี อินเดีย อังกฤษ ฝรั่งเศส เป็นต้น ซึ่งแต่ละประเทศได้เตรียมประกาศ ยกเลิกการจำหน่ายรถยนต์เครื่องยนต์ ในอีก 7-20 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ประเทศจีนจะเป็นตัวแปรที่สำคัญเพราะมีนโยบายที่ให้ผู้ผลิตรถยนต์แต่ละบริษัทจะต้องมีสัดส่วนการขายรถยนต์พลังงานใหม่รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้สัดส่วนถึง 10% ภายในปี ค.ศ. 2019 รวมทั้งบริษัท Tesเa ที่เพิ่งเกิดขึ้นสามารถได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค ยกตัวอย่างเช่น เมื่อ 2 ปีก่อน มียอดจอง Tesla Model 3 มากกว่า 400,000 คัน ภายหลังการเปิดตัวเพียงไม่ถึงเดือน
อย่างไรก็ตาม ประเด็นความท้าทายของรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ยังมี 2 เรื่องหลัก เรื่องแรกคือ ต้นทุนของแบตเตอรี่ซึ่งมีราคาสูงส่งผลทำให้ราคาของยานยนต์ไฟฟ้าทั้งคันและต้นทุนในการถือครองรถยนต์ไฟฟ้ายังสูงกว่ารถยนต์เครื่องยนต์อยู่ ถึงแม้ว่าต้นทุนการใช้งานด้วยพลังงานไฟฟ้าจะต่ำกว่าการใช้เชื้อเพลิงน้ำมันก็ตาม ซึ่งจำเป็นต้องมีเงินสนับสนุนผู้ซื้อรถใหม่ทั้งทางตรงหรือทางอ้อม อย่างไรก็ตามต้นทุนของแบตเตอรี่มีแนวโน้มลดลงและคาดว่าจะอยู่ลงไปต่ำกว่า $100/KWh ภายใน 5 ปี ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการถือครองของรถยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มลดลงอย่างมากและคาดว่าต้นทุนการถือครองของรถยนต์ไฟฟ้าที่มีระยะทางวิ่ง 200-250 กม. ต่อการอัดประจุไฟฟ้าจะไม่แตกต่างกับรถยนต์เครื่องยนต์ในอีกไม่ช้า