10 ข้อการใช้ ผงหยาบ ฟ้าทะลายโจรอย่างไร ไม่ให้เชื้อลงปอด ข้อมูลจาก ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย ม.รังสิต เพื่อเป็นอีกหนึ่งอาวุธรับมือกับโรคโควิดที่แพร่ระบาดรวดเร็ว กว้างขวางและเริ่มรุนแรง
1 ยังไม่มีโอกาสตรวจเชื้อ หรือมีอาการไม่สบาย ใช้อย่างไร
1.ยังไม่มีโอกาสตรวจเชื้อ หรือมีอาการไม่สบาย (เจ็บคอ,มีไข้, ครั่นเนื้อตัวแม้ไม่มีไข้, ปวดศีรษะ, ปวดเมื่อยเนื้อตัว) ถ้าใช้ผงฟ้าทะลายโจรทั่วๆไป ให้สังเกตว่าขนาดแคปซูลเท่าไหร่ ให้ใช้ดังนี้
- ขนาด 400 มิลลิกรัม ให้ใช้ฟ้าทะลายโจร 4 เม็ดต่อครั้งและ 4 ครั้งต่อวันติดต่อกัน 5 วัน
- ขนาด 500 มิลลิกรัม ให้ใช้ฟ้าทะลายโจร 3 เม็ดต่อครั้งและ 4 ครั้งต่อวันติดต่อกัน 5 วัน
ปริมาณดังกล่าวนี้เป็นปริมาณต่ำสุดของไข้หวัดธรรมดา ที่ใช้ผงฟ้าทะลายโจร 6 กรัมต่อวัน ตามบัญชียาหลักแห่งชาติที่ใช้สำหรับคนไทยมา 20 กว่าปี จึงมีความปลอดภัย ไม่เกิดพิษเฉียบพลัน และพิษเรื้อรัง
สำหรับเด็กให้ลดทอนลงมาตามน้ำหนัก 6 กรัม/วัน (แคปซูล 400 มิลลิกรัม 16 แคปซูลต่อน้ำหนัก 50 กิโลกรัม) เช่น เด็กน้ำหนัก 25 กิโลกรัมจะเหลือ 3 กรัม/วัน ถ้าเด็กเล็กกลืนไม่ได้ ให้ผสมน้ำผึ้งแล้วกวาดคอให้ตัวยาถึงเนื้อคอด้านใน
2 หากใช้ไปแล้ว 2 วัน อาการไม่ดีขึ้น
2 ถ้ายังมีอาการเจ็บคอ มีไข้ หรือ ครั่นเนื้อตัว แม้ไม่มีไข้, ปวดศีรษะ, ปวดเมื่อยเนื้อตัว หลังใช้ฟ้าทะลายโจรไปแล้วในวันที่ 2 ไม่ดีขึ้น กดไข้ลงไม่ได้ ให้ทำการเพิ่มปริมาณฟ้าทะลายโจรเป็น 2 เท่าและติดตามผล ไปอีก 3 วัน จนครบ 5 วัน หากไม่ดีขึ้นหรือมีอาการเริ่มหอบ เหนื่อยหายใจยาก ให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด ไม่เกินวันที่ 4 นับตั้งแต่เริ่มมีอาการ
3 หากพบว่าติดเชื้อ มีสูตรต้องทานอย่างไร
3 ถ้าตรวจเชื้อแล้วพบว่า"ติดเชื้อ" ให้ใช้ฟ้าทะลายโจรให้เร็วที่สุด และปริมาณมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ กล่าวคือ ถ้าผงฟ้าทะลายโจรขนาด 400 มิลลิกรัม ให้ใช้ ฟ้าทะลายโจร 5 เม็ดต่อครั้ง และ 4 ครั้งต่อวัน ยกเว้นถ้ามีไข้ หรือเจ็บคอมาก ให้กินทุก 4 ชั่วโมงจนกว่าไข้จะลดลงในวันที่ 2 จึงลดลงมาเหลือ 5 เม็ดต่อครั้งและ 4 ครั้งต่อวัน และภายใน 2 วันไม่ดีขึ้น ไม่ว่าจะด้วยติดเชื้อมาก ภูมิคุ้มกันไม่ดี หรือขนาดยาฟ้าะทะลายโจรไม่เพียงพอให้เพิ่มปริมาณเป็น 2 เท่าตัว หากภายใน 5 วันไม่ดีขึ้นให้รีบส่งตัวไปที่โรงพยาบาล
4 หากติดเชื้อและหอบเหนื่อย ออกซิเจนต่ำกว่า 95%
4 ถ้าตรวจเชื้อแล้วพบว่า "ติดเชื้อ" และมีอาการหอบเหนื่อย หายใจไม่สะดวกหรือวัดออกซิเจนแล้วต่ำกว่า 95% ให้สงสัยว่าอาจเกิดภาวะปอดอักเสบแล้วหรือเชื้อลงปอดแล้ว
ลำพังฟ้าทะลายโจรอย่างเดียวจะไม่สามารถรักษาได้ จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลเร็วที่สุด
โดยในระหว่างที่หาโรงพยาบาลไม่ได้ ก็ต้องอาศัยแพทย์แผนไทยผู้มีประสบการณ์ในการใช้ตำรับยา "ปอดพิการ" ตามตำรายาหลวงแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ในสมัยรัชกาลที่ 5 หรือตำรับยาอื่นที่เหมาะสมกับอาการต่อไป
5 ข้อพิจารณาในผู้ที่มีกินยาลดความดันโลหิตหรือยาละลายลิ่มเลือดหรือเบาหวาน
5 สำหรับผู้ที่มีกินยาลดความดันโลหิตหรือยาละลายลิ่มเลือดแล้วไม่ป่วย จะต้องพิจารณาและตรวจสอบอย่างใกล้ชิดว่าจะต้องหยุดฟ้าทะลายโจร หรือหยุดยาลดความดันโลหิตหรือยาละลายลิ่มเลือด เพราะตัวยาเหล่านี้เสริมฤทธิ์ไปในทางเดียวกัน
หากเป็นเบาหวานจะต้องระวังด้วยว่ายาฟ้าทะลายโจรทำให้น้ำตาลลดลง ดังนั้นผู้ที่ใช้ยาเบาหวานอยู่ จะต้องคอยวัดระดับน้ำตาลอย่างต่อเนื่องด้วย
ดังนั้นจึงจำเป็นต้องตรวจค่านำตาลและความดันโลหิตในกลุ่มผู้ป่วยเหล่านี้ด้วย
6 ฟ้าทะลายโจรกับผู้ที่ได้รับผลข้างเคียง (ยังไม่ป่วย)
6 สำหรับผู้ได้รับผลข้างเคียงจากฟ้าทะลายโจร
หากเป็นกรณีที่ยังไม่ป่วย แต่ต้องการบำบัดรวมหมู่หรือรับประทานเพียงเพื่อลดความเสี่ยง (ยังไม่ได้
ป่วย) อาจต้องกินพร้อมกับอาหารฤทธิ์ร้อนประกบตลอดทั้งวันรวมทั้งการดื่มน้ำขิง พริกไทย กระชาย
และอาหารเผ็ดร้อนอื่นๆ หากปวดศีรษะให้สังเกตตควบคู่ดูว่าเกิดอาการท้องผูกมากขึ้นหรือไม่ และถ้าท้องผูกมากขึ้นให้กินยาระบาย
7 อาการข้างเคียงจากการใช้ฟ้าทะลายโจร
7 สำหรับบางคน (พบได้น้อย) ที่ใช้ ฟ้าทะลายโจร อาจทำให้เกิดอาการ เบื่ออาหาร มวนท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ วิงเวียน ศีรษะ ใจสั่น อ่อนเพลีย กรณีมีอาการมาก เมื่อหยุดยาก็จะหายเป็น ปกติ
8-9 อาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้น
8 ผู้ป่วยบางรายอาจเกิดอาการแพ้
ให้หยุดยา ให้พบแพทย์หรือแพทย์แผนไทย และอาจเลี่ยงไปใช้กลุ่มสารสกัดกระชายแทน
9 ถ้ามีอาการหน้ามืด ความดันต่ำ ให้นั่งหรือนอนพักอาการจะดีขึ้น ใน 30 นาที
10 ความกังวลในโรคตับ
10 สำหรับโรคตับที่มีความกังวลนั้น พบว่าฟ้าทะลายโจร มีผลในการป้องกันและฟื้นฟูสภาพของตับ (Hepatoprotection) และใช้ในการรักษาโรคตับ หลายชนิด ทั้งตับอักเสบจากไวรัส ไขมันพอกตับ ฯลฯ
อย่างไรก็ตามในกรณีการใช้ฟ้าทะลายโจรขนาดสูงและเป็นเวลานาน เกินกว่าที่แนะนำ อาจทำให้ม การเพิ่มของเอนไซม์ของตับแต่อยู่ในระดับต่ำ ยังไม่พบรายงานการทำลายตับแต่ประการใด ดังนั้นผู้ที่เป็นโรคตับจึงสามารถใช้ได้ ยกเว้นการใช้ "สารสกัดแอนโดรกราโฟไลด์" หรือยาอื่นร่วมด้วยหลายชนิดหรือโรคของผู้ป่วย อาจมีผลต่อตับ จำเป็นต้องวิเคราะห์ ในโอกาสต่อไป