ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

[บัตรทอง] ป่วยมะเร็ง รักษาได้ทุกที่ที่พร้อม ประชาชนต้องทำอย่างไร รักษาที่รพ.ไหนได้บ้าง

[บัตรทอง] ป่วยมะเร็ง รักษาได้ทุกที่ที่พร้อม ประชาชนต้องทำอย่างไร รักษาที่รพ.ไหนได้บ้าง HealthServ.net

ป่วยมะเร็งรักษาได้ทุกที่ที่มีความพร้อม เป็น 1 ใน 4 นโยบายยกระดับการบริการของสปสช (บัตรทอง) ให้กับประชาชนไทย (อีก 3 บริการ คือ 1. คนกรุงรักษาทุกที่ ณ เครือข่ายหน่วยบริการชุมชนอบอุ่น 2. ผู้ป่วยในไม่ต้องกลับไปรับใบส่งตัว เริ่มในเขต 9 นครชัยบุรินทร์ 3. ย้ายหน่วยบริการได้สิทธิทันที ไม่ต้องรอ 15 วัน) ของกระทรวงสาธารณสุข มีเป้าหมายคือเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้สะดวกขึ้น ด้วยแนวคิดใกล้บ้านใกล้ใจ สามารถวางแผนการรักษาร่วมกับแพทย์ได้ ไม่ต้องเดินทางไกลโดยไม่จำเป็น

[บัตรทอง] ป่วยมะเร็ง รักษาได้ทุกที่ที่พร้อม ประชาชนต้องทำอย่างไร รักษาที่รพ.ไหนได้บ้าง ThumbMobile HealthServ.net
[บัตรทอง] ป่วยมะเร็ง รักษาได้ทุกที่ที่พร้อม ประชาชนต้องทำอย่างไร รักษาที่รพ.ไหนได้บ้าง HealthServ

ปัญหาเดิม

  1. รักษาได้เฉพาะหน่วยที่ลงทะเบียนไว้เดิมเท่านั้น
  2. การส่งต่อ จะทำโดยโรงพยาบาล ในสายเดียวกันเท่านั้น
  3. เกิดปัญหาผู้ป่วยคับคั่ง คอขวด ไม่มีคิวรักษาหรือมีแต่รอนาน (เลือกที่จะมารับการรักษาในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ในกรุงเทพเป็นส่วนใหญ่)
  4. กรณีผู้ป่วยถูกส่งตัวไปอีกโรงพยาบาล จะถือใบหนังสือส่งตัว หรือที่เรียกว่าใบ refer  ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ป่วยและ/หรือญาติ ต้องจัดการเอง

นโยบายนี้ จะทำให้ผู้ป่วยมีทางเลือก

  • ไม่จำกัดเฉพาะหน่วยบริการที่เลือกไว้แต่เดิมเท่านั้น
    ให้ผู้ป่วยสามารถเลือกเข้ารับบริการในหน่วยบริการได้สะดวกมากขึ้น แพทย์ผู้รักษาจะมีรายชื่อหน่วยบริการที่มีความพร้อม ซึ่งอาจเป็นหน่วยที่อยุ่ใกล้บ้าน หรือหน่วยที่ไม่ต้องรอคิวนาน  โดยเฉพาะการรักษาที่สำคัญที่จะควบคุมระยะและการแพร่กระจายของโรคมะเร็ง
  • มีทางเลือกในโรงพยาบาลที่จะรับการส่งต่อได้มากขึ้น
    ในระบบบริการรูปแบบเดิม เมื่อผู้ป่วยมะเร็งไปรักษาบางครั้งจะต้องถูกส่งต่อจากโรงพยาบาลหนึ่ง ไปยังอีกโรงพยาบาลที่มีศักยภาพสูงกว่า ซึ่งบางครั้งโรงพยาบาลปลายทางที่รับต่อก็อาจมีผู้ป่วยคับคั่ง แออัดเป็นคอขวด ทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงบริการได้ยาก แต่ด้วยนโยบายใหม่นี้ผู้ป่วยจะสามารถไปรักษาโรคมะเร็งได้ยังโรงพยาบาลทุกที่ที่มีความพร้อม ซึ่งจะช่วยเพิ่มทั้งประสิทธิภาพการรักษา และเพิ่มการเข้าถึงได้ 3
  • จากเดิมโรงพยาบาลหมายเลข 1 ต้องไปโรงพยาบาลหมายเลข 2 ปัจจุบันโรงพยาบาลหมายเลข 1 จะสามารถเลือกไปโรงพยาบาล A ก็ได้ โรงพยาบาล B ก็ได้ โดยเงื่อนไขว่าโรงพยาบาลเหล่านั้นต้องมีความพร้อม เมื่อเป็นแบบนี้คนไข้ก็จะมีทางเลือกที่ดีขึ้น เช่น โรงพยาบาลไหนที่มีคิวสั้น โรงพยาบาลไหนที่มีศักยภาพพร้อม เขาก็จะเข้าถึงบริการได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งก็จะส่งผลทำให้ผลการรักษาของโรคดีขึ้นไปด้วย 3
  • เน้นหลักการใกล้บ้านใกล้ใจ 
    “ปัจจุบันมีประชาชนข้ามเขตสุขภาพมารักษาโรคมะเร็งในกรุงเทพฯ กว่า 50% ซึ่งระบบใหม่นี้จะช่วยให้ประชาชนกลุ่มนี้สามารถไปรักษาในโรงพยาบาล หรือสถานพยาบาลที่ใกล้บ้านได้โดยไม่ต้องเดินทางไกล" 2
  • ไม่ต้องขอใบส่งตัวจากหน่วยประจำ 
    เมื่อผู้ป่วยเลือกหน่วยบริการแล้ว ไม่ต้องขอใบส่งตัวจากหน่วยประจำ เพราะพยาบาลจะประสานงานส่งข้อมูลผู้ป่วยไปยังหน่วยบริการปลายทางให้แทน 
    "ประโยชน์อีกประการที่ผู้ป่วยจะได้รับ คือจากเดิมเมื่อผู้ป่วยถูกส่งตัวไปอีกโรงพยาบาล ก็จะต้องถือใบหนังสือส่งตัว หรือที่เรียกว่าใบ refer ซึ่งจะอธิบายประวัติรวมไปถึงสิทธิการรักษา แต่นโยบายใหม่นี้ผู้ป่วยจะสามารถไปรักษาได้โดยไม่ต้องมีใบดังกล่าว เพราะเอกสารข้อมูลผู้ป่วยจะถูกส่งต่อโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพียงถือบัตรประชาชนไปก็จะสามารถดึงข้อมูลจากระบบได้ นอกจากนี้หากผู้ป่วยมีสมาร์ทโฟนที่รองรับ ก็จะสามารถนำข้อมูลประวัติติดตัวไปเปิดที่ใดก็ได้ ทำให้ระบบการส่งตัวผู้ป่วยสะดวกและรวดเร็ว" 3

กระบวนการก็คือ 1

  • เมื่อประชาชนสิทธิบัตรทองได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง จะได้รับทราบข้อมูล ประวัติการรักษา และรายชื่อโรงพยาบาลที่มีศักยภาพในการรักษาโรคมะเร็ง
  • เลือกไปรับบริการที่โรงพยาบาลไหนก็ได้ผ่าน 3 ช่องทาง คือ สายด่วน สปสช. 1330 แอปพลิเคชัน สปสช. และติดต่อที่หน่วยบริการโดยตรง โดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัว ลดระยะเวลารอคอยการรักษา
  • โรงพยาบาลที่มีศักยภาพและความพร้อม จะให้บริการตามมาตรฐานกับผู้ป่วยตามจำนวนที่โรงพยาบาลแต่ละแห่งสามารถรองรับได้ รวมไปถึงการทำ Telehealth, Tele-pharmacy หรือ Home Chemo และส่งข้อมูลเพื่อเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดจากจาก สปสช.

เสริมศักยภาพโรงพยาบาล 3 ส่วนหลัก

  • สนับสนุนเครื่องมือให้กับโรงพยาบาลในภูมิภาค 
    ในอดีต ผู้ป่วยส่วนใหญ่ต้องเดินทางมารักษาในกรุงเทพ แต่ขณะนี้ สธ.ได้สนับสนุนเครื่องฉายรังสี 7-8 เครื่องกระจายไปยังทุกภูมิภาค เพื่อให้ทุกแห่งมีศักยภาพในการรักษาเท่ากัน 
  • จัดระบบบริการเป็นเครือข่าย 
    โดยมี "สถาบันมะเร็งแห่งชาติ" ร่วมกับคณะกรรมการพัฒนาระบบบริการ สาขามะเร็งของ สธ. เป็นหน่วยงานกลางจัดระบบ
  • เน้นหลักการใกล้บ้านใกล้ใจ 
    แต่กรณีมีความจำเป็น หน่วยบริการเอกชน และหน่วยบริการในสังกัดโรงเรียนแพทย์ พร้อมให้การสนับสนุน

ความเข้าใจเพิ่มเติม

แม้ว่าชื่อนโยบายจะบอกว่ารับบริการที่ไหนก็ได้ที่พร้อมก็ตาม แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะเดินเข้าไปรักษาแห่งใดก็ได้ เพราะโรคมะเร็งมีหลายชนิด และหน่วยบริการแต่ละแห่ง ก็มีศักยภาพในการรักษาแตกต่างกัน จึงมีทั้งหน่วยบริการที่พร้อมและไม่พร้อมให้บริการ ฉะน้ันเมื่อผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง แพทย์ผู้รักษาจะให้รายชื่อหน่วยบริการที่พร้อม และตัดสินใจร่วมกับผู้ป่วยว่าควรไปรักษาต่อที่ใด 1


ข้อมูลหน่วยบริการมีศักยภาพและมีความพร้อมในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กระจายอยู่ทั่วประเทศจำนวนทั้งสิ้น 228 แห่ง แบ่งเป็น

  • หน่วยบริการเฉพาะด้านรังสีรักษาจำนวน 36 แห่ง 
  • หน่วยบริการให้เคมีบำบัดระดับที่ 1 จำนวน 143 แห่ง (และใน 143 แห่ง มีความพร้อมในการให้บริการรักษาที่บ้านสำหรับผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ จำนวน 7 แห่ง) 
  • หน่วยบริการให้เคมีบำบัดระดับที่ 2 จำนวน 16 แห่ง 
  • หน่วยบริการให้เคมีบำบัดระดับที่ 3 จำนวน 5 แห่ง 
  • หน่วยบริการที่ให้ฮอร์โมน Tamoxifen ในมะเร็งเต้านม จำนวน 28 แห่ง 
    (ข้อมูล ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2563)

หน่วยบริการที่รับการส่งต่อเฉพาะด้านรังสีรักษา 36 แห่งทั่วประเทศ

(จำแนกตามเขตสุขภาพ)
 
  1. เขต 1 เชียงใหม่ 
    รพ.มหาราชนครเชียงใหม่
    รพ.มะเร็งลำปาง
  2. เขต 2 พิษณุโลก
    รพ.พุทธชินราช
    รพ.มหาวิทยาลัยนเรศวร
    รพ.รังสีรักษาพิษณุโลก
  3. เขต 3 นครสวรรค์
    รพศ.สวรรคประชารักษ์
  4. เขต 4 สระบุรี
    รพ.มะเร็งลพบุรี
    รพ.มหาวิชราลงกรณ์
    รพ.ธรรมศาสตร์
  5. เขต 5 ราชบุรี
    รพศ.ราชบุรี
    รพ.ท่าฉลอม
  6. เขต 6 ระยอง
    รพ.มะเร็งชลบุรี
    รพ.พระปกเกล้า จันทบุรี
    รพ.แคนเซอร์อลิอันซ์ ศรีราชา
  7. เขต 7 ขอนแก่น
    รพ.ศรีนครินทร์
    รพศ.ขอนแก่น
    รพศ.ร้อยเอ็ด
  8. เขต 8 อุดรธานี
    รพ.มะเร็งอุดรธานี
    รพศ.สกลนคร
  9. เขต 9 นครราชสีมา
    รพศ.มหาราชนครราชสีมา
    รพศ.สุรินทร์
  10. เขต 10 อุบลราชธานี
    รพ.มะเร็งอุบลราชธานี
  11. เขต 11 สุราษฎร์ธานี
    รพ.มะเร็งสุราษฎร์ธานี
    รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช
  12. เขต 12 สงขลา
    รพ.สงขลานครินทร์
  13. เขต 13 กรุงเทพ
    รพ.ศิริราช 
    รพ.จุฬาฯ
    รพ.รามารธิบดี
    รพ.ราชวิถี
    สถาบันมะเร็งแห่งชาติ
    รพ.ภูมิพลอดุลยเดช
    รพ.พระมงกุฏเกล้า
    รพ.วิชรพยาบาล
    รพ.จุฬาภรณ์ฅ
    รพ.ศูนย์มะเร็งกรุงเทพ
    รพ.วัฒโนสถ
 
สังกัดโรงเรียนแพทย์ 11 แห่ง
สังกัดกรมการแพทย์ 9 แห่ง
สังกัดกระทรวงกลาโหม 2 แห่ง 
สังกัดกระทรวงสาธารณสุข 10 แห่ง
โรงพยาบาลเอกชน 4 แห่ง
 
 อ้างอิง
  1. พร้อมยกระดับ ‘มะเร็ง’ บัตรทอง รักษาได้ทุกที่ที่มีความพร้อม 1 ม.ค.64 // gnews
  2. เครือข่ายโรงเรียนแพทย์ ชี้นโยบายมะเร็งรักษาทุกที่ กระจายทรัพยากร-ช่วยรักษาใกล้บ้าน // gnews
  3. สถาบันมะเร็งฯลุยพัฒนา 'ระบบส่งต่อ' ต่อเนื่อง เตรียมพร้อมนโยบายรักษาที่ไหนก็ได้ 1 ม.ค.นี้ // gnews
[บัตรทอง] ป่วยมะเร็ง รักษาได้ทุกที่ที่พร้อม ประชาชนต้องทำอย่างไร รักษาที่รพ.ไหนได้บ้าง HealthServ
[บัตรทอง] ป่วยมะเร็ง รักษาได้ทุกที่ที่พร้อม ประชาชนต้องทำอย่างไร รักษาที่รพ.ไหนได้บ้าง HealthServ
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด