ข่าวสุขภาพ
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ กิจกรรม ESG CSR Health Economy บริจาครพ.ต่างๆ
น่าสนใจไทยแลนด์
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

สธ.โดยคณะกรรมการแพทย์ EOC แถลงชะลอการฉีดวัคซีนแอสตราเซนเนก้า

สธ.โดยคณะกรรมการแพทย์ EOC แถลงชะลอการฉีดวัคซีนแอสตราเซนเนก้า Thumb HealthServ.net
สธ.โดยคณะกรรมการแพทย์ EOC แถลงชะลอการฉีดวัคซีนแอสตราเซนเนก้า ThumbMobile HealthServ.net

วันนี้ 12 มีนาคม 2564 ณ กระทรวงสาธารณสุข มีการแถลงข่าวฉุกเฉินในประเด็นการชะลอการฉีดวัคซีนแอสตราเซนเนก้า โดย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ คณะกรรมการแพทย์ EOC โดยมีศ.เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร เป็นประธาน ร่วมกับนายกแพทยสภา คณบดีแพทย์ อธิบดีกรมในกระทรวงสาธารณสุข

สธ.โดยคณะกรรมการแพทย์ EOC แถลงชะลอการฉีดวัคซีนแอสตราเซนเนก้า HealthServ
รายละเอียดแถลงการเป็นไปตามลำดับดังนี้

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข

ตามที่ปรากฏข่าวเมื่อ 11 มีค 64 ว่าในประเทศเดนมาร์ค ได้ประกาศระงับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า หลังมีรายงานอาการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในผู้ที่ได้รับวัคซีนบางราย ทำให้กระทรวงสาธารณสุขเดนมาร์คระงับการฉีดไว้ชั่วคราว และเหตุการณ์นี้ปรากฏในประเทศอื่นๆ ในยุโรป เช่น ออสเตรีย จากกรณีนี้ กระทรวงสาธารณสุข จึงได้ตั้งคณะกรรมการแพทย์ EOC เพื่อพิจารณาเรื่องนี้ โดยมีศ.เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร เป็นประธาน ร่วมด้วย ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศ.พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญศูนย์เด็ก (โรคติดเชื้อ) โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ และอธิบดีกรมในกระทรวงสาธารณสุข
สธ.โดยคณะกรรมการแพทย์ EOC แถลงชะลอการฉีดวัคซีนแอสตราเซนเนก้า HealthServ

ศ.เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

จากที่มีการประกาศจากประเทศเดนมาร์ค ว่าพบผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน ในลักษณะเลือดเกิดการแข็งตัวในหลอดเลือดดำ และทำให้มีผลไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น รัฐบาลเดนมาร์คจึงประกาศชะลอการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ไปก่อน ด้วยเหตนี้ ทำให้คณะกรรมการแพทย์และทีมงานที่ดูแลด้านการฉีดวัคซีน ต้องนำมาพิจารณา ถึงความปลอดภัย โดยการชะลอการฉีด เพื่อรอฟังผลจากเดนมาร์คว่ามีความเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่ 

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา
คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล

ขอให้ข้อมูลดังนี้ ตามที่แอสตร้าเซนเนก้า ได้ส่งมอบวัคซีน Batch ABV5300 จำนวน 1 ล้านโดส 17 ประเทศในสหภาพยุโรป ปรากฏว่าในเดนมาร์ค มีผู้ป่วย 1 ราย เสียชีวิต และหลายรายเกิดลิ่มเลือดเกิดขึ้นตามหลอดเลือดต่างๆ ทำให้รัฐบาลเดนมาร์คประกาศชะลอการฉีด 2 สัปดาห์ เพื่อสืบสวนสาเหตุ ซึ่งการสั่งชะลอการดำเนินการนี้  เป็นแนวทางด้านความปลอดภัยโดยทั่วไป ในกรณีเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น และการชะลอนี้ ไม่ใช่ข้อสรุปว่ามีความเกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีน
 
ขณะเดียวกันมีผลตามมาคือ ไอซ์แลนด์ ไอร์แลนด์ และนอร์เวย์ ได้ประกาศหยุดเช่นกัน ทั้งนี้ ไอซ์แลนด์ ประกาศว่าไม่ได้เกิดเหตุการณ์อย่างลิ่มเลือด แต่ประกาศชะลอเพื่อความปลอดภัย และติดตามผล โดยรอผลการตรวจสอบจาก EMA (European Medicines Agency) ซึ่ง EMA ได้ออกประกาศเมื่อ 11 มีค 64 ว่า EMA มิได้เป็นผู้ประกาศให้มีการชะลอการใช้ และยืนยันว่าวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้านั้นปลอดภัย แต่เมื่อปรากฏเหตุการณ์นี้ จึงจะทำการตรวจสอบอีกครั้ง 
 
ขณะเดียวกันหลายประเทศได้ประกาศชะลอการใช้วัคซีน อาทิ ออสเตรีย ลิธัวเนีย เอสโตเนีย ลักเซมเบิร์ก ลัทเวีย ซึ่งได้รับวัคซีน Batch เดียวกัน (ABV5300) 
 
สรุปสั้นๆ คือ เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นกับผู้ที่ได้รับวัคซีนและเกิดอะไรขึ้น จะมีการสืบค้น EMA ได้ประเมินอุบัติการณ์การเกิดลิ่มเลือด เทียบกับคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนในกลุ่มประเทศทางยุโรป ได้ตัวเลขไม่แตกต่างกัน นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ EMA ระบุว่าไม่สัมพันธ์กับการฉีดวัคซีนตัวนี้
 
ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัย โดยหลักแล้ว ทันทีที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ซึ่งไม่เฉพาะการฉีดวัคซีน เมื่อมีการรายงานแบบนี้ จะหยุด/ชะลอการใช้ก่อน แล้วสืบค้น เมื่อปลอดภัยจึงกลับมาใช้ต่อ

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ
หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก

ขอเรียนก่อนว่า ในการฉีดวัคซีนจำนวนมาก โอกาสที่จะเกิดอาการไม่พึงประสงค์ หรืออาการอื่นๆ หรือโรคอะไรก็ตามแต่ ร่วมด้วยกับการฉีดวัคซีน สามารถเกิดขึ้นได้ เมื่อเกิดอะไรเกิดขึ้น จะต้องพิสูจน์ สอบสวน ว่าโรคหรืออาการนั้น ว่ามีความเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่ ตามที่ทราบกันในข่าวว่ามีการชะลอการใช้หลังจากที่พบว่ามีการเกิดลิ่มเลือด ขออธิบายเนื่องจากหลายท่านอาจไม่เข้าใจว่าโรคนี้คืออะไร
 
การเกิดลิ่มเลือดคืออะไร อธิบายโดย เมื่อขึ้นเครื่องบิน หรือนั่งนานๆ หรือนอนนานๆ โอกาสที่เลือดจะเกิดการแข็งตัวในหลอดเลือดดำ เมื่อแข็งตัวแล้ว มีโอกาสที่จะหลุดไปอุดอยู่ในปอด ทำให้เลือดดำไม่สามารถไหลกลับเข้าปอดได้ โดยเฉพาะเมื่อเป็นก้อนใหญ่ๆ อาจจะทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิต อุบัติการณ์นี้จะพบมากในคนเชื้อชาติแอฟริกันและยุโรป มากกว่าเอเซีย โดยปกติแล้วจะพบว่ายุโรปพบมากกว่าเอเซีย 3 เท่า เราเชื่อว่าปัจจัยด้านพันธุกรรมเข้ามาเกี่ยวข้องกับโรคนี้ โรคนี้พบได้อยู่แล้วในยามปกติ
 
แน่นอนในการฉีดวัคซีนในภาวะนี้ ซึ่งฉีดไปแล้วถึง 3 ล้านโดส ปรากฏว่ามีผู้ป่วยเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ 22 ราย เสียชีวิต 1 ราย อุบัติการณ์โอกาสการเกิด 7 ใน ล้านราย ต้องสอบสวนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดในภาวะปกติในคนธรรมดาที่ถึงแม้ไม่ได้ฉีดวัคซีนหรือไม่ เท่ากันหรือปล่าว ถ้าพบว่าฉีดวัคซีนแล้วเกิดมากกว่าปกติ ก็ต้องไปหาสาเหตุว่าวัคซีนไปทำให้เกิดอะไร ที่ทำให้ลิ่มเลือดแข็งตัวได้ 
 
ยกตัวอย่าง ฉีดวัคซีนให้คนไข้คนนึง คนไข้เดินออกไปนอก รพ. แล้วเดินตกท่อ จะอธิบายว่าการเดินตกท่อเป็นอาการไม่พึงประสงค์ก็ได้ จึงต้องสอบสวนหาสาเหตุว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่ อาจจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวก็ได้ ถ้าสอบสวนแล้ว พบว่าคนไข้เดินสะดุดแล้วตกท่อ แน่นอนอย่างนี้ไม่เกี่ยวกับวัคซีน แต่หากบอกว่าฉีดวัคซีนแล้วเวียนหัว ทำให้เดินตกท่อ ก็ต้องไปหาสาเหตุว่าเวียนหัวนี้ เกี่ยวกับวัคซีนหรือปล่าว
 
ยกตัวอย่างการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในนอร์เวย์ พบว่ามีคนเสียชีวิต 28 คน ต่อมาพบว่าใน 28 คนนี้ ส่วนใหญ่เกิดในผู้สูงอายุ ในสถานพักคนชรา และพบว่าอายุมากกว่า 80 เมื่อตรวจสอบลึกลงแล้วพบว่าไม่เกี่ยวกับวัคซีนไฟเซอร์ การฉีดก็ดำเนินต่อไป
 
ในการเลื่อนครั้งนี้ไม่ได้บอกว่าวัคซีนไม่ดี ไม่ได้หมายถึงว่าวัคซีนมีปัญหา เป็นการเลื่อนเพื่อดูสถานการณ์ ดูผลพิสูจน์ว่ามีความเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน ถ้าเกี่ยวข้องแล้ว เกี่ยวข้องเฉพาะ Batch นั้น เพราะเรารู้ว่าวัคซีนที่ใช้ในยุโรปกับเอเซียนั้นคนละ Batch กันแน่นอน ของยุโรปจะใช้ที่ผลิตในยุโรป ส่วนของเราจะเป็นที่ผลิตในเอเซีย และประเทศไทยไม่ได้เป็นประเทศเสี่ยงสูง การชะลอไป 1-2 สัปดาห์ ไม่ส่งผลกระทบมากมาย 

ศ.พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญศูนย์เด็ก (โรคติดเชื้อ) โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์

อย่างที่ทราบกันว่า วัคซีนยิ่งใช้มาก จะยิ่งมีรายงานเข้ามามากเป็นธรรมดา โดยเฉพาะในประเทศที่มีระบบรายงานที่เข้มข้น เป็นน้อยเป็นมากก็รายงาน ยิ่งเป็นมากยิ่งต้องรายงาน เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า โรคทุกโรคที่รายงาน ไม่ว่าจะเป็นอาการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ หรือระบบการมองเห็น ตามัว โรคเหล่านี้ เป็นโรคที่มีอยู่แล้ว และเกิดขึ้นเป็นประจำอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีวัคซีนก็ตาม ดังนั้นเมื่อมีการฉีดวัคซีน ในปริมาณถึง 30 กว่าล้านโดส ในเวลาอันรวดเร็ว ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่อาจจะพบลักษณะที่เรียกว่า temporal relation คือการฉีดในระยะเวลาใกล้ๆกับที่โรคบางโรคกำลังก่อตัวขึ้นมา แต่ในขณะเดียวกัน ก็ต้องมีความจำเป็นที่จะต้องระมัดระวัง เพราะไม่ว่าเมื่อใดก็ตามหรือมีเหตุการณ์ใดก็ตามเกิดขึ้นใกล้เคียงกับการฉีดวัคซีน ก็จำเป็นต้องมีการสืบสวนสอบสวนอย่างละเอียด ก่อนจะฟันธงออกมาว่าเกี่ยว/ไม่เกี่ยวกับวัคซีน อย่างเช่นที่ท่านอ.ยงได้กล่าวถึงตัวอย่างรายงานการเสียชีวิต ยกตัวอย่างเช่นในผู้สูงวัย ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงของโควิด และเป็นกลุ่มเป้าหมายที่จะต้องฉีดวัคซีน ทุกๆวันก็จะต้องมีผู้สูงวัยเสียชีวิต ซึ่งเป็นเหตุการณ์ธรรมชาติ ดังนั้นเมื่อมีการฉีดวัคซีน ทุกวันๆ ก็ย่อมจะมีเหตุการณ์ที่เผอิญไปใกล้เคียงกับจังหวะเวลาที่ท่านเสียชีวิตพอดีด้วยเหตุการณ์ต่างๆ อันนี้ก็เช่นกัน ดังนั้นจึงต้องมีการสืบสวน และในการสืบสวนทุกครั้งที่ผ่านมาก็สร้างมั่นใจให้กับการใช้วัคซีนมากขึ้น ว่ามันไม่เกี่ยวกัน อันนี้ก็เป็นอีกเหตุการณ์นึงที่จำเป็นต้องมีการสืบสวนเช่นกัน เผอิญว่าเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เรากำลังเริ่มมีการใช้วัคซีน ดังนั้นก็ถือว่าเป็นความระมัดระวังที่ดีเยี่ยม เพื่อที่จะได้มั่นใจในข้อมูล และรอข้อมูลสืบสวนให้เสร็จสิ้นก่อนที่จะเริ่มประกาศใช้ 
 
อยากเรียนให้ทุกท่านสบายใจว่า ในคณะผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย เมื่อฟังเหตุการณ์แล้ว ก็คิดตรงกันว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับวัคซีน เพราะเหตุการณ์ภาวะแข็งตัวของหลอดเลือดผิดปกติ ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เป็นผลข้างเคียงของวัคซีนที่เคยพบมาในอดีตของการใช้วัคซีนต่างๆ ในโลกนี้เลย ไม่ว่าจะในวัคซีนไข้หวัดใหญ่ เด็กๆ เล็กๆ ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งโต ที่ได้รับทั้งวัคซีน คอตีบ บาดทะยัก ไอกรน โปลิโอ  วัคซีน(ไวรัส)ตับเอ ตับบี มากมาย เหตุการณ์ที่เลือดแข็งตัวผิดปกติ ไม่เคยเป็นปัญหาของวัคซีนใดๆ มาก่อนเลย ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนชนิดมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่กังวลใจที่เผอิญอาจเกิดใกล้กัน จึงต้องสืบสวนไว้ก่อน นับว่าเป็นสิ่งดี ทั้งนี้ในหมู่นักวิชาการก็แทบจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เกี่ยวกัน แต่เราก็จะไม่บอกก่อนจนกว่าผลสืบสวนจะออกมา 
 
อีกอันที่สำคัญคือระบบการเฝ้าระวังอาการข้างเคียงหลังได้รับวัคซีน เป็นระบบที่อาจจะสร้างความกังวลให้หลายคน แท้จริงแล้วเป็นระบบที่ทำให้เรามั่นใจและปลอดภัยสูง ในประเทศไทยเราก็มี ทั้งซิโนแวคและแอสตร้าเซนเนก้า โดยกระทรวงสาธารณสุขและอย. ผ่านทางแอป หมอพร้อม ฉีดแล้วมีอาการใดๆ ก็ตาม รายงานเข้ามาด้วยตัวเองได้ และทางสถานพยาบาลได้มีการจัดระบบที่จะสังเกตอาการหลังฉีด และรายงานภาวะใดๆ ที่มีความผิดปกติหลังฉีด พร้อมคณะผู้เชียวชาญ ที่จะลงตรวจในรายละเอียดว่าเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับวัคซีน ไม่เฉพาะวัคซีนตัวนี้ แต่ทุกๆวัคซีนที่จะนำมาใช้ อยากให้ทราบว่าระบบหลังบ้านของเราดีงามและเข้มแข็ง ทางฝั่งยุโรปเขาเข้มแข็งมานานแล้ว จึงได้มีรายงานเช่นเหล่านี้มา การที่หยุดชั่วคราว นั้นเกิดบ่อยๆ เป็นเรื่องปกติ ในประเทศไทยเราก็ทำมาในหลายวาระ ที่ผ่านมาทั้งในไทยและทั่วโลก ไม่พบว่าเหตุการณ์รุนแรงเกิดจากวัคซีน

ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา

ในนามของแพทยสภา และแพทย์กว่า 7 หมื่นราย เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากภาวะแทรกซ้อนนี้ ยังไม่เป็นที่แน่ชัด จึงเห็นด้วยอย่างยิ่งในการชะลอไว้ก่อน เพราะทุกท่านที่เกี่ยวข้องในที่นี่ได้กลั่นกรองมาแล้วอย่างดี เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง

 ศ.เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร
ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์และแผนงานการบริหารจัดการ การให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19
 

อยากสรุปว่า ความปลอดภัยของประชาชนคือเป้าหมายสูงสุดของสธ. วัคซีนแอสตร้า ไม่ใช่วัคซีนที่ไม่ปลอดภัยนะ ขณะฉีดไปแล้ว 34 ล้านโดส ทั่วโลก มีผลข้างเคียงบ้าง ระหว่างที่สืบสวน เราก็ชะลอไปได้ คิดว่าไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ ถ้าผลออกมาถูกต้อง ยิ่งจะช่วยยืนยัน สร้างความมั่นใจว่าปลอดภัยในการฉีดให้ประชาชน การฉีดวัคซีนขณะนี้ไม่ได้หยุด การฉีดวัคซีนซิโนแวคยังคงดำเนินต่อไป 

ถาม-ตอบ

หมายความว่าของซิโนแวคยังคงดำเนินต่อไป?
นพ.เกียรติภูมิ - ชิโนแวค เราได้มา 2 แสนโดส วันนี้ฉีดไปเกือบ สี่หมื่นแล้ว ขณะนี้ก็กำลังฉีดคนที่มีความจำเป็นในแผนอยู่
 
สภาพปัจจัยคนไทยที่แตกต่างกับคนยุโรป แล้วเมื่อได้รับการฉีดแอสตร้าหรือชิโนแวค จะอยู่ในภาวะเสี่ยงหรืออาการไหนไหมคะที่จะเข้าข่ายว่าอาจจะไม่ได้รับการฉีดวัคซีนตัวนี้
นพ.ยง - ถ้าพูดถึงอาการนี้ คือการแข็งตัวของเลือด ที่บอกว่าขึ้นเครื่องบินแล้วต้องระวังอะไรต่างๆ เหล่านี้ ปัจจัยที่สำคัญอันนึงคือ เชื้อชาติ ว่าทำไมคนยุโรป กับคนแอฟริกา เป็นมากกว่าคนเอเซีย อันนี้ก็คือพันธุกรรม ถ้าศึกษาลงลึกไปในเรื่องพันธุกรรมแล้ว พันธุกรรมมีส่วนเกี่ยวข้องแน่นอน แต่เหตุการณ์แบบนี้ ที่มีการแข็งตัวของเลือด อย่างอจ.กุลกัญญาพูด ไม่เคยเกี่ยวข้องกับวัคซีนตัวใดๆ ในโลกมาก่อน ไม่เคยเลย แต่เนื่องจากวัคซีนตัวนี้ เป็นวัคซีนใหม่ หรือถ้ามาดูส่วนผสมในตัวยา ส่วนผสมในนั้น ไม่มีตัวยาตัวไหนที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ที่จะไปคล้ายๆ กระตุ้น ทำให้ระบบการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ คือไม่มี แต่เป็นการศึกษาทางด้านระบาดวิทยาเท่านั้น ที่อยู่ดีๆ มีคนไข้ขึ้นมา แน่นอนเค้าต้องไปศึกษาเปรียบเทียบว่าในภาวะปกติ ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน อุบัติการณ์มันต่างกันหรือไม่ ถ้าไม่ต่างกัน มันก็คล้ายเป็นโรคร่วมที่เกิดขึ้นขณะที่ฉีดวัคซีน
 
หากการสอบสวนของไทยเรามั่นใจว่าเชื้อชาติไม่ได้อันตราย เราจะเดินหน้าฉีดก่อนยุโรปใน 5-6 ประเทศที่เค้าชะลอ 
นพ.ยง - ในคนไทยเราจะไปสอบสวนอะไร เพราะมันไม่ได้เกิดในบ้านเรา ถ้าเกิดในเดนมาร์ค ก็ต้องรอให้เดนมาร์คและออสเตรียสอบสวนก่อน ถ้าไม่เกี่ยวก็จบ ถ้าเกี่ยวก็เกี่ยวด้วยปัจจัยอะไรบ้าง แล้วปัจจัยนั้นมาเกี่ยวข้องกับบ้านเรามั๊ย แล้วค่อยว่ากัน ปัจจัยนั้นในบ้านเรามี เราก็ต้องดูว่าความเสี่ยงนั้น เสี่ยงแค่ไหน ขณะนี้สำหรับประเทศไทย ไม่ต้องทำอะไร ดูข้อมูลเขาก่อน ซึ่งเชื่อว่าจะออกมาใน 1-2 วันนี้ ค่อนข้างจะเร็วมาก แล้วมาคุยกันอีกที
 

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด