นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า กระบวนการนำเข้าวัคซีนโควิด -19 ต้องเป็นผู้ที่รับอนุญาตนำเข้าและมีทะเบียน รวมทั้งต้องผ่านด่านอาหารและยาเพื่อนำเข้าอย่างถูกต้อง ซึ่งขณะนี้ วัคซีนโควิด-19 ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนขณะนี้มี 3 ราย ได้แก่ วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า โดยบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด และที่ผลิตในประเทศโดย บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด วัคซีนโคโรนาแวค ของบริษัท ซิโนแวค นำเข้า โดยองค์การเภสัชกรรม รวมถึงวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน โดยบริษัท แจนเซ่น- ซีแลค จำกัด สำหรับวัคซีนโมเดิร์นนา โดยบริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด อยู่ระหว่างประเมินคำขอขึ้นทะเบียน และยังมีอีก 2 ราย อยู่ระหว่างทยอยยื่นเอกสารคำขอขึ้นทะเบียนต่อเนื่อง ได้แก่ วัคซีนโควัคซีน โดยบริษัท ไบโอจีนีเทค จำกัด และวัคซีนสปุตนิค วี โดยบริษัท คินเจน ไบโอเทค จำกัด ส่วนวัคซีนไฟเซอร์ยังไม่ได้มายื่นเอกสารขึ้นทะเบียนกับ อย
จากกระแสข่าวว่ามีการนำเข้าวัคซีนของไฟเซอร์ โดยยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นั้น อย. ได้ตรวจสอบจากด่านอาหารและยาแล้ว ยืนยันไม่พบมีการนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์แต่อย่างใด รวมทั้ง อย. ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงการนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์จากบริษัทผู้ผลิตแล้ว ได้รับการยืนยันจากบริษัทว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริงเช่นกัน หากมีการนำเข้าวัคซีนแต่ไม่มีการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากมีข้อสงสัยเรื่องวัคซีนที่มีการนำเข้า ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ของ อย. www.fda.moph.go.th จะได้รับข้อมูลที่เป็นจริงและเป็นทางการ อย. ตระหนักถึงความสำคัญของวัคซีนโควิด-19 และได้เร่งรัดดำเนินการพิจารณาเพื่อให้ประชาชนได้รับวัคซีนโดยเร็ว