นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยในการใช้บริการขนส่งสาธารณะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้หารือร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และเห็นชอบให้มีการวัคซีนเข็มที่ 3 เข็มกระตุ้น (Booster dose) ด้วยวัคซีน AstraZeneca ให้กับกลุ่มบุคลากรด่านหน้าในระบบขนส่งสาธารณะ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อสูง ได้แก่ ผู้ให้บริการในระบบขนส่งสาธารณะทุกประเภท ทั้งรถโดยสารประจำทาง รถโดยสารไม่ประจำทาง รถแท็กซี่ รถจักรยานยนต์สาธารณะ รถยนต์สี่ล้อเล็กรับจ้าง และรถยนต์รับจ้างสามล้อ
ผู้ที่จะได้รับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็มที่ 3 นี้ เป็นกลุ่มที่ได้ฉีดวัคซีนเข็มซิโนแวค ที่ 1 และเข็มที่ 2 จากศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา
วัคซีนเข็มที่ 3 นี้ จัดสรรให้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และจะจัดฉีดที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อเช่นเดิม
ผู้ที่จะได้สิทธิการฉีด จะได้รับ SMS แจ้งนัดหมายวันเวลาฉีดวัคซีนล่วงหน้า จากกรมการขนส่งทางบก ตามหมายเลขโทรศัพท์ที่เคยลงทะเบียนไว้
หรือสามารถตรวจสอบวันเวลานัดหมายฉีดวัคซีนด้วยตนเองผ่านแอปพลิเคชัน “Vaccine บางซื่อ”
ก่อนฉีดวัคซีนควรพักผ่อนและดื่มน้ำให้เพียงพอ เลือกใส่เสื้อผ้าที่สะดวกต่อการรับการฉีดวัคซีน เตรียมบัตรประจำตัวประชาชน และเดินทางมาที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อตามวันและเวลานัดหมาย โดยไปที่ประตูทางเข้า 1 - 4 แสดงบัตรประจำตัวประชาชน และ SMS หรือ แอปพลิเคชัน “Vaccine บางซื่อ” ต่อเจ้าหน้าที่และสามารถไปที่จุดฉีดวัคซีนได้โดยไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนใหม่โดยศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ จะเปิดให้บริการฉีดวัคซีนทุกวันไม่เว้นวันหยุดในเวลา 9.00 - 17.00 น. จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง
ติดฉากกั้นผู้ขับรถและผู้โดยสาร
อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการขนส่งทางบก มุ่งสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้รับบริการรถโดยสารสาธารณะ โดยกำหนดมาตรการป้องกันให้ผู้ประกอบการขนส่งคัดกรองผู้โดยสาร ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเข้มงวด มีการตรวจวัดอุณหภูมิ ต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดการเดินทาง จัดที่นั่งหรือที่ยืนสำหรับผู้โดยสารตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม และจัดเก็บบันทึกข้อมูลเพื่อใช้ในการตรวจสอบ
นอกจากนี้ ได้จัดให้มีการติดตั้งฉากกั้นระหว่างผู้ขับรถและผู้โดยสารสำหรับรถแท็กซี่ เพื่อป้องกันละอองฝอยจากการพูดคุย ไอ จาม ช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 และยังช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจในการใช้บริการรถสาธารณะอีกด้วย
โดยในระยะแรกจะนำร่องติดตั้งฉากกั้นในรถแท็กซี่ที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 3,000 คัน ซึ่งช่วยสนับสนุนให้ผู้ขับรถแท็กซี่สามารถประกอบอาชีพได้ภายใต้มาตรการ Social distancing แบบ New normal รองรับการเปิดประเทศและส่งเสริมเศรษฐกิจภาพรวมต่อไป