ข่าวสุขภาพ
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ กิจกรรม ESG CSR Health Economy บริจาครพ.ต่างๆ
น่าสนใจไทยแลนด์
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

สรุปมาตรการรับมือโควิด-19 (เบื้องต้น) ฤดูหนาว 2021 ของเยอรมัน - Germany Insights

สรุปมาตรการรับมือโควิด-19 (เบื้องต้น) ฤดูหนาว 2021 ของเยอรมัน - Germany Insights Thumb HealthServ.net
สรุปมาตรการรับมือโควิด-19 (เบื้องต้น) ฤดูหนาว 2021 ของเยอรมัน - Germany Insights ThumbMobile HealthServ.net

ฤดูหนาวสำหรับเยอรมันปีนี้ อาจเป็นฤดูหนาวที่ท้าทายและน่าหวั่นวิตกไม่น้อยจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่กำลังพุ่งแรงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้รัฐบาลและรัฐต่างๆ ต้องเปิดประชุมหารือหาทางรับมือ ติดตาม "รายงานสรุปมาตรการการรับมือโควิด-19 สำหรับช่วงฤดูหนาว 2021" จากเพจ Germany Insights ดังนี้

สรุปผลการประชุมสุดยอดโคโรน่า ณ วันที่ 18/11/2021 สรุปมาตรการรับมือโควิด-19 (เบื้องต้น) ฤดูหนาว 2021 ของเยอรมัน​ อย่างที่เขียนก่อนหน้าไปแล้วว่า วันนี้มีการประชุมระหว่างรัฐบาลและรัฐต่างๆ เพื่อหามาตรการที่เหมาะสมต่อสถานการณ์โควิดที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆในเยอรมนี ซึ่งมาตรการสำคัญที่ตกลงกันออกมาแล้ว ก็มีดังนี้​

9 มาตรการโคโรนาเข้มข้นของเยอรมัน

1. ต่อไปนี้มาตรการโคโรนาจะขึ้นอยู่กับค่าเกณฑ์สำหรับอัตราการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล / Hospitalisierungsrate ซึ่งค่าตัวนี้ ก็คือ ค่าบ่งชี้จำนวนผู้ป่วยโควิดต่อ 100,000 คนที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในช่วงเจ็ดวันที่ผ่านมาทั่วประเทศ และมูลค่าปัจจุบันอยู่ที่ 5.3 คน โดยต่อไปจะใช้ค่าเกณฑ์ต่างๆ ดังนี้​
  •  ​ตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป (Ab einem Wert von 3) ​ รัฐจะใช้กฎกำหนด 2G กล่าวคือ เฉพาะผู้ที่ฉีดวัคซีนครบถ้วน และผู้ที่ปลอดเชื้อไม่เกิน 6 เดือนเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวก ร้านค้า กิจกรรมและร้านอาหาร​
  • ตั้งแต่ 6 คนขึ้นไป กฎจะยิ่งเคร่งขึ้นไปอีกกลายเป็น ​ 2G-Plus ซึ่งนั่นแปลว่า ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนและปลอดเชื้อแล้วก็ยังจำเป็นจะต้องแสดงผลเทสต์ที่เป็นลบประจำวันนั้นๆ ​
  • ตั้งแต่ 9 คนขึ้นไป ทางรัฐต่างๆสามารถกำหนดการใช้มาตรการโคโรนาเพิ่มเติมได้เอง เช่น ข้อจำกัดในการติดต่อ การยกเลิกกิจกรรมสำคัญๆ เช่น ตลาดคริสต์มาส และการปิดคลับ / บาร์​
 
​*หมายเหตุ*​
A1. เพื่อความเข้าใจ ความหมายของ กฏ 2G, ​ 2G plus, 3G และ 3G plus - เป็นมาตรการป้องกันที่เข้มงวดที่รัฐต่างๆ ประกาศใช้ เพื่อรับมือกับจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รัฐต่างๆ ที่ประกาศ 2G คือ Bayern, Bawü, Sachsen, Rheinland-Pfalz (2G+), Thüringen (2G, 3G+), NRW แต่ละเกณฑ์คือ
 
  • 3G  คือ 1) ฉีดวัคซีนครบถ้วน 2) ปลอดเชื้อไม่เกิน 6 เดือน 3) ผลเทสต์ ATK ใน 24 ชม. เป็นลบ 4) ผลเทสต์ PCR ไม่เกิน 48 ชม.เป็นลบ
  • 3G plus คือ 1) ฉีดวัคซีนครบถ้วน 2) ปลอดเชื้อไม่เกิน 6 เดือน 3) ผลเทสต์ PCR ไม่เกิน 48 ชม.เป็นลบ * ไม่เอาผล ATK
  • 2G คือ 1) ฉีดวัคซีนครบถ้วน 2) ปลอดเชื้อไม่เกิน 6 เดือน
  • 2G plus คือ 1) ฉีดวัคซีนครบถ้วน และผล ATK และ PCR เป็นลบ 2) ปลอดเชื้อไม่เกิน 6 เดือน และผล ATK และ PCR เป็นลบ
  • อ้างอิงข้อมูล​  https://cutt.ly/4TEOQJz

A2. ส่วนอัตราการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล / Hospitalisierungsrate ของ RKI ตามรัฐต่างๆ สามารถเข้าไปเช็คได้ที่เวปนี้ ​
RKI.de ​(ดูตรง Bundesländer - 7-Tage-Inzidenz Hospitalisierungen)​
 
*************
 
สรุปมาตรการรับมือโควิด-19 (เบื้องต้น) ฤดูหนาว 2021 ของเยอรมัน - Germany Insights HealthServ


2. ใช้กฎ 3G ในการขนส่งสาธารณะ ทั้งในพื้นที่ท้องถิ่นและทางไกล (เดินทางข้ามเมือง) ผลทดสอบจะต้องมีอายุไม่เกิน 24 ชม โดยเริ่มนับเมื่อเริ่มต้นการเดินทาง​

3. ใช้กฎ 3G สำหรับการทำงานในบริษัท
และนายจ้างควรจะต้องตรวจสอบสิ่งนี้ ดังนั้นต่อไปนายจ้างจะมีสิทธิ์ในการถามถึงข้อมูลสถานะการฉีดวัคซีน และจะต้องเสนอการทดสอบพนักงานให้ฟรีอย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ​

4. มีการบังคับให้ทำงานที่บ้าน / Homeoffice-Pflicht ​
"ในกรณีที่ไม่มีเหตุผลที่จะต้องเข้าไปทำงานที่ทำงาน" ก็ควรจะต้องทำงานที่บ้าน​

5. มีมาตการควบคุมที่เข้มงวดยิ่งขึ้น
รัฐต่างๆ ควรจะมีการเพิ่มค่าปรับขึ้น รวมถึงเพื่อเพิ่มความถี่ในการควบคุม และลงโทษการละเมิดกฎอย่างเด็ดขาด​

6. รัฐบาลกลางและรัฐต่างๆ ต้องการเพิ่มการคุ้มครองสถานพยาบาล บ้านพักคนชราต่างๆ โดยการบังคับฉีดวัคซีน (Impfpflicht)
  สำหรับอาชีพบุคลากรทางแพทย์ โดยมีการระบุไว้ว่า “เราต้องปกป้องกลุ่มเสี่ยงโดยเฉพาะ โดยรัฐต่างๆ เห็นพ้องกันว่า มีความจำเป็นที่กลุ่มวิชาชีพการรักษาและการพยาบาล และพนักงานทุกคนในโรงพยาบาล รวมถึงสถานอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ทุพพลภาพ บ้านพักคนชรา จำเป็นต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกัน coronavirus เนื่องจากพวกเขาใกล้ชิดกับกลุ่มเสี่ยงโดยตรง”​  พนักงานทุกคนในบ้านพักคนชรา และสถานพยาบาล  ที่พักสำหรับผู้ทุพพลภาพและกลุ่มเสี่ยงอื่นๆ พนักงานจะต้องทำการทดสอบทุกวัน แม้แต่ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบแล้วก็ตาม

 
7. ปรับปรุงกรอบเงื่อนไขการทำงานของอาชีพพยาบาล และผู้ดูแลต่างๆ (Pflegebereich)  มุ่งปรับให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน โดยรัฐบาลกลางและรัฐต่างๆ จะต่ออายุการให้โบนัสของผู้ดูแล (Pflegebonus)​ เป็นจำนวนเท่าไหร่ยังไม่แน่ชัด
8. แผนรณรงค์ฉีดวัคซีนกระตุ้นขนานใหญ่ หลักการคือ พลเมืองทุกคน ทุกวัย ควรได้รับการฉีดวัคซีน "บูสเตอร์" หากการฉีดวัคซีนครั้งที่สองผ่านไปแล้ว 5-6 เดือน ตามคำแนะนำของ STIKO  เป้าหมายการรณรงค์ คือ การฉีดวัคซีนกระตุ้นเป็นจำนวน 27 ล้านโดสใน 5 สัปดาห์ข้างหน้า  ด้วยเหตุนี้ รัฐต่างๆ จึงควรใช้ทีมฉีดวัคซีนเคลื่อนที่และศูนย์ฉีดวัคซีนมากขึ้น และควรจะให้โรงพยาบาลเข้ามามีบทบาทหน้าที่ตรงนี้ด้วยด้วยเหตุนี้ รัฐบาลกลางจะให้การสนับสนุนทางการเงินจนถึงเดือนเมษายน ​ 2022 ​ นอกจากนี้กำลังทำการตรวจสอบว่า ผู้ที่ไม่ใช่แพทย์อาจสามารถเข้ามาช่วยฉีดวัคซีนได้ในอนาคตหรือไม่ โดย Merkel ได้มีการเสนอให้พิจารณากลุ่มเภสัชกร
 
9. เงินช่วยเหลือในช่วงวิกฤตโคโรนาของรัฐ โดยเฉพาะ "Überbrückungshilfe III Plus / Bridging Aid III Plus" รวมถึง "Neustarthilfe / Restart Aid" จะขยายเวลาออกไปอีกสามเดือนจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2022 เพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการระบาดใหญ่​
 

การประชุมครั้งต่อไปมีกำหนดไว้ ณ วันที่ 9 ธันวาคม​ 2021

​กฎเกณฑ์ใหม่ที่ออกมานี้ ก็เพราะทั้งรัฐบาลและรัฐต่างๆ ต้องการที่จะคลี่คลายสถานการณ์โคโรนาที่เลวร้ายลง สถาบัน Robert Koch Institute (RKI) รายงานว่ามีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 65,000 รายในวันพฤหัสบดี อุบัติการณ์เจ็ดวันเพิ่มขึ้นเป็น 319.6 และขณะนี้มีผู้ป่วยโคโรนามากกว่า 3,300 รายกำลังรับการรักษาในหอผู้ป่วยหนัก​
“เราไม่เคยกังวลเท่าตอนนี้” Lothar Wieler หัวหน้าของสถาบัน RKI ออกมาเตือนเมื่อเย็นวันพุธ โดย Wieler ได้ย้ำเตือนถึง "เหตุฉุกเฉินร้ายแรง" และ "คริสต์มาสที่เลวร้าย"​
จำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ป่วยหนักเพิ่มขึ้นนี้ส่งผลกระทบให้กับผู้ป่วยโรคอื่นอีกมาก โดยขณะนี้บางแห่งต้องใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมงในการหาเตียงว่างให้สำหรับผู้ที่เป็นโรคเส้นเลือดในสมองแตกสมองและผู้ป่วยหนักอื่นๆ ​ Wieler กล่าวเพิ่มเติมว่า "การทำงานของระบบสาธารณสุขในหลายๆรัฐไม่ได้เป็นไปตามสถานการณ์ที่ควรจะเป็นอีกต่อไป" และสถานการณ์เช่นนี้จะยิ่งเพิ่มขึ้นอีก​

เร่งฉีดวัคซีน​

อีกเรื่องที่เป็นที่ถกเถียงกันในการประชุม ก็คือ ​ คำถามที่ว่า จะทำอย่างไรให้ความเร็วในการฉีดวัคซีนครั้งแรกและครั้งที่สามเร็วขึ้นได้? โดยเมื่อวันนี้เองที่คณะกรรมการด้านการฉีดวัคซีน (Stiko) ได้ออกมาให้คำแนะนำอย่างเป็นทางการสำหรับการฉีดวัคซีนกระตุ้นให้แก่ผู้ใหญ่ทุกคนที่ได้รับการฉีดวัคซีนครั้งที่สองไปแล้วอย่างน้อย 6 เดือนก่อน หรืออาจจะดึงเข้ามาเป็น 5 เตือนก็ได้ หากไม่มีสถานการณ์ขาดแคลนวัคซีนเข้ามาเป็นอุปสรรค​
ด้วยคำแนะนำใหม่นี้ จำนวนการฉีดวัคซีนคั้งที่ 3 ในประเทศได้เพิ่มขึ้นอีกหลายล้านคน ถ้าสมมติกันว่า ประชาชนจะต้องฉีดวัคซีนกระตุ้นหลังผ่าน โดส 2 ไปเป็นระยะเวลา 6 เดือนนั้น ​ นั่นก็แปลว่า จะมีผู้คนราวๆ 30 ล้านคนที่จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนกระตุ้นภายในสิ้นปีนี้ ​ และแน่นอนว่า ก็ต้องหักลบเอาช่วงวันหยุดทางการต่างๆช่วงคริสต์มาสออกไปด้วย นั่นก็ยิ่งส่งผลให้ต้องมีการฉีดวัคซีนมากขึ้นในแต่ละวัน ​ เรียกว่า มากที่สุดเลยน่าจะถูกกว่า เพราะหากคำนวณกันจริงๆก็จะต้องฉีดให้ประชาชนต่อวันมากกว่าช่วงที่เคยฉีดได้สูงสุดมาแล้ว ซึ่งก็คือ มากกว่า 1 ล้านคนต่อวัน​
กว่าจะไปถึงจุดหมายนั้นก็เรียกได้ว่าหนทางยังอีกยาวไกล ​ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีการรายงานถึงจำนวนผู้ที่สนใจจะฉีดวัคซีนโดส 3 นี้มากขึ้น ซึ่งหลายๆคนก็โดนส่งกลับไป หรือไม่ก็ไม่ได้รับการนัดหมายในระยะเวลาอันใกล้ กล่าวคือ อีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าก็มี ​
 ​

18/11/2021 อินทรีล่าสาร
เยอรมันอินไซต์ - Germany Insights.
 


บทสรุป / มุมบ่นของอินทรี 

 ข้อส่วนใหญ่ก็เป็นไปอย่างที่คาดคิดไว้อยู่แล้วแต่แรก จริงๆแล้วต่อให้รัฐประกาศออกมาแค่ 2G แต่ผมแนะนำว่า ช่วงนี้เทสต์มันกลับมาฟรีเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นถ้าใครจะไปไหนที่จะต้องเจอผู้คน ร้านอาหารอะไรแบบนั้น ไปเทสต์ก่อนเถอะครับ ให้ชัวร์ทั้งตัวเองและคนอื่นก็ไม่ได้เสียหายอะไร เสียเวลานิดหน่อย แถมเดี๋ยวนี้ผลเทสต์มันส่งเข้าไปใน Corona Warn App ได้แล้วนะครับ สะดวกมากๆเลย ​ แต่จริงๆแล้วพวกนักวิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เค้าก็มองว่า มาตรการที่รัฐออกมานี้ยังไม่พอแน่นอน เพราะฉะนั้นซักพักก็จะต้องมีการออกมาตรการอื่นมาเพิ่ม จะถึงขั้น Lockdown มั้ย แต่เดิมน่ะ ผมคิดว่าไม่ ตอนนี้ผมว่าไม่แน่แล้วล่ะ เพราะตัวเลขมันพุ่งไปเร็วมากๆ วันนี้ตัวผู้ติดเชื้อใหม่ไปที่มากกว่า 65,000 คนแล้ว เพราะฉะนั้นก็ขอให้ทุกคนรักษากฎ AHA ใส่แมสก์ รักษาระยะห่าง ล้างมือกันดีๆเช่นเดิม ใครที่ทำงานที่บ้านได้ ก็ขอให้ทำงานที่บ้านนะครับ จะได้ไม่ต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงด้วย จริงๆมันก็สถานการณ์วน ก็ต้องทนกันไปอีก 3-4 เดือน จนถึงราวๆสิ้นเดือน 3 ให้อากาศอุ่นขึ้นเช่นเดิม และใครที่ได้นัดฉีดโดส 3 แล้วก็ไปตามนัดนะครับ ใครที่กำลังจะครบ 6 เดือนในไม่ช้า ก็ขอให้รีบทำนัดกับหมอแต่เนิ่นๆเลยนะครับ เพราะตอนนี้ก็ต้องใช้เวลากว่าจะกลับมาค่อยๆเปิดศูนย์ฉีดวัคซีนอีกครั้ง กลายเป็นว่า หมอบ้าน / หมอประจำครอบครัวรับงานหนักเลยในการฉีดวัคซีนรอบนี้ คิวบางแห่งเต็มกันไปจนถึงปีหน้าแล้ว ส่วนตัวผม คงรอฉีดที่ทำงานเช่นเคย ใจเย็นๆ รักษาตัวเองกันดีๆ เช่นเคยครับ ?
 อีกอย่างทิ้งไว้ให้ว่า จากประสบการณ์คนในครอบครัวที่ตอนนี้ทำงานในวอร์ดโควิดอยู่ที่ รพ ก็ยืนยันมาจากประสบการณ์หน้างานครับว่า มีทั้งคนไข้ที่เป็นผู้ที่ฉีดและไม่ฉีดวัคซีน แต่ข้อแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างผู้ที่ได้และไม่ได้วัคซีนและติดเชื้อ คือ แม้ว่าจะถึงขั้นต้องรักษาตัวที่ รพ บ้าง แต่ส่วนใหญ่ผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วอาการไม่ได้หนักหนา พักรักษาตัวที่ รพ ไม่นาน และท้ายที่สุดจะถูกส่งกลับบ้านก่อนผู้ไม่ฉีดวัคซีนเร็วกว่าอย่างเห็นได้ชัด อันนี้คนหน้างานยืนยันมาด้วยตัวเองเลยว่า วัคซีนได้ผลจริงๆ ครับ เพราะฉะนั้นใครยังไม่ฉีดวัคซีน ก็ไปเถอะครับ สงสารบุคลากรทางแพทย์ที่เค้าต้องทำงานหนักกันตอนนี้เถอะครับ... ​?
​​​
​​
อ้างอิง:
https://cutt.ly/nTEXHGR
​https://cutt.ly/pTEOifx

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด