2 มกราคม 2565 เวลา 12.40 น. ณ ทำเนียบรัฐบาล พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค ในฐานะผู้ช่วยรองโฆษก ศบค. ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนในการแถลงข่าวศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ต่อกรณีความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนให้เด็กอายุ 5-11 ปี
จากที่ก่อนหน้านี้ทางองค์การอาหารและยาได้อนุญาตให้ใช้วัคซีนไฟเซอร์ในเด็กอายุ 5-11 ปีได้ ซึ่งวัคซีนไฟเซอร์ดังกล่าวจะแตกต่างจากวัคซีนไฟเซอร์ที่ใช้ในกลุ่มผู้ใหญ่ โดยบรรจุภัณฑ์ของวัคซีนจะเป็นฝาสีส้ม (Orange cap) ในปริมาณ 10 ไมโครกรัม/โดส แตกต่างจากวัคซีนไฟเซอร์ที่ใช้ในกลุ่มผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นฝาสีม่วง (Purple cap) ในปริมาณ 30 ไมโครกรัม/โดส ซึ่งไม่สามารถใช้ทดแทนกันได้ (ไม่สามารถนำวัคซีนฝาสีม่วงมาแบ่งใช้ 3 คน) เนื่องจากต้องใช้ให้ตรงตามกลุ่มอายุเท่านั้นเพื่อความปลอดภัย
ทั้งนี้ สำหรับวัคซีนไฟเซอร์ของเด็กอายุ 5-11 ปี (ฝาสีส้ม) จะเริ่มทยอยเข้ามาในช่วงปลายเดือนมกราคมหรือภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 นี้ ซึ่งถือว่าเร็วมากเพราะวัคซีนโดสเด็กเป็นที่ต้องการ ไทยจะเป็นอันดับสองในทวีปเอเชีย โดยได้เตรียมแผนการฉีดในเด็กอายุ 5-11 ปีแล้ว โดยจะมีการฉีดในรูปแบบ School base คือเริ่มการฉีดในกลุ่มเด็กอายุ 11 ปีและไล่ลงมาตามลำดับอายุ
สำหรับกรณีวัคซีนเชื้อตายที่ประชาชนสนใจฉีดเพิ่มเติม เนื่องจากกังวลต่อผลข้างเคียงของวัคซีน mRNA ในเด็ก ขณะนี้ทางคณะอนุกรรมการองค์การอาหารและยาอยู่ระหว่างการเร่งขึ้นทะเบียนวัคซีนเชื้อตายให้ใช้ในเด็ก ซึ่งต้องรอผ่านการอนุมัติจากมติคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันด้วย โดยเป็นการทำคู่ขนานกันให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ซึ่งเมื่อได้รับการอนุมัติแล้ว ผู้ปกครองจะสามารถเลือกสูตรการฉีดวัคซีนให้กับบุตรหลานได้โดยความสมัครใจ