กระเป๋าสตางค์ บัตร ATM กุญแจบ้าน กุญแจรถ แล้วอะไรอีกนะ?
ก่อนออกจากบ้าน หลายคนมักใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีในการทบทวนสิ่งของที่สำคัญๆ สำหรับพกพาออกไปนอกบ้าน และนอกจากสิ่งของข้างต้นที่กล่าวไปแล้วนั้น ในช่วงนี้สิ่งสำคัญมากๆ ที่ลืมไม่ได้ ถ้าลืมก็ต้องรีบเปิดประตูเข้ามาหยิบไปสวมโดยทันที นั่นคือ “หน้ากาก” นั่นเอง
ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด – 19 สิ่งที่เน้นย้ำกันตลอด คือ สวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ เว้น ระยะห่างทางสังคม และสแกนไทยชนะ ซึ่งเป็นข้อปฏิบัติพื้นฐานที่ต้องขอความร่วมมือให้ทุกคนปฏิบัติโดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อลดการแพร่กระจายและป้องกันโควิด-19
ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 เป็นวิกฤตของมนุษยชาติที่ สสส. ต้องทำงานหนักอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงที เร่งการทำงานให้เกิดนวัตกรรมสุขภาพ สร้าง ความตระหนักรู้ให้คนไทยมีพฤติกรรมการดูแลสุขภาพอย่างถูกต้อง ที่ผ่านมา ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข พัฒนา ระบบสื่อสารข้อมูลสุขภาพ ไทยรู้สู้โควิด สร้างกระแสสังคมให้ทุกคนลดความเสี่ยงติดเชื้อ-แพร่เชื้อ สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ รักษาระยะห่าง รวมทั้งลดพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำลายสุขภาพโดยเฉพาะบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เมื่อพูดถึงหน้ากาก เราจะเห็นว่าตามท้องตลาดหรือแม้แต่ร้านค้าออนไลน์ก็มีการจำหน่ายหน้ากากให้เลือกซื้อกัน ได้ง่ายขึ้น และมีตัวเลือกที่หลากหลาย ทั้งสี ลวดลาย ชนิดของผ้า รูปแบบว่าเลือกที่จะคล้องคอ หรือจะสวมคล้องหูเฉยๆ ก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้น เรายังสามารถเลือกไซส์หรือขนาดให้เหมาะกับใบหน้าได้อีกด้วย และตอนนี้ไม่เฉพาะผู้ใหญ่เท่านั้นที่ต้องปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันโควิด-19 เด็กๆ ก็เช่นเดียวกัน เพราะพวกเขาก็มีโอกาสรับเชื้อดังกล่าวได้เช่นเดียวกับกลุ่มคนวัยอื่นๆ
ใกล้จะถึงวันเด็กแล้ว สสส.จึงขอหยิบยกแนวทางในการสวมหน้ากากอนามัยให้กับเด็ก เพื่อป้องการติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) และยูนิเซฟ (UNICEF) ได้ร่วมกันปรับปรุงขึ้น ดังนี้
- เด็กที่มีสุขภาพปกติ สามารถสวมหน้ากากที่ไม่ใช่หน้ากากทางการแพทย์หรือหน้ากากผ้าได้
- เด็กควรทำตามหลักการเดียวกับผู้ใหญ่ในการสวมหน้ากาก รวมถึงล้างมือก่อนสวมหน้ากากด้วย
- ผู้ใหญ่ต้องมั่นใจว่าหน้ากากที่เตรียมไว้ให้เด็กมีขนาดเหมาะสม สามารถปิดจมูก ปาก และคางของเด็กได้มิดชิด และสอนวิธีใส่ ถอด และการสวมหน้ากากอย่างปลอดภัยให้เด็ก รวมถึงสอนเด็กไม่ให้เอามือไปสัมผัสหน้ากากด้านหน้า และไม่ดึงลงมาไว้ใต้คางหรือในปาก
- ควรเก็บหน้ากากไว้ในกระเป๋าหรือภาชนะอื่นที่เหมาะสม และไม่ใช้หน้ากากร่วมกับผู้อื่น
- ก่อนให้เด็กสวมหน้ากาก ต้องประเมินการใช้หน้ากากของเด็กทุกวัยที่มีพัฒนาการผิดปกติ ความพิการ หรือมีปัญหาสุขภาพอื่น โดยพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครู และผู้ให้บริการทางการแพทย์ของเด็กคนนั้น
- เด็กที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหลอดลมโป่งพอง หรือมะเร็ง ควรสวมหน้ากากทางการแพทย์ โดยปรึกษาแพทย์ก่อน
- เด็กที่มีอาการของโควิด-19 ควรสวมหน้ากากทางการแพทย์ แยกเด็กออกจากผู้อื่น รวมทั้งสมาชิกครอบครัว ในส่วนของผู้ดูแลที่ต้องใกล้ชิดเด็กป่วย ในระยะต่ำกว่า 1 เมตร ที่บ้านก็ต้องสวมหน้ากากเช่นกัน
- หากมีผู้ป่วยในบ้าน และสมาชิกต้องเข้าใกล้ในระยะต่ำกว่า 1 เมตร ควรสวมหน้ากากทางการแพทย์ตลอดเวลาทั้งเด็ก และผู้ใหญ่
- เด็กไม่ควรสวมหน้ากากระหว่างเล่นกีฬาหรือออกแรงอื่นๆ เช่น วิ่ง กระโดด เล่นในสนามเด็กเล่น เพื่อจะได้ไม่ขัดขวางการหายใจ เมื่อจัดกิจกรรมเหล่านี้ให้เด็ก ควรมีมาตรการทางสาธารณสุขที่สำคัญ ได้แก่ การรักษาระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร จำกัดจำนวนเด็กที่เล่นด้วยกัน และเตือนให้เด็กล้างมือบ่อยๆ
- ถ้าเด็กจำเป็นต้องใส่เฟซชิลด์ ควรปิดคลุมทั้งหน้า โค้งปิดด้านข้างใบหน้า ยาวลงไปใต้คาง ขณะใส่ควรระวังไม่ให้เกิดการบาดเจ็บที่ทำให้เฟซชิลด์แตกหัก และเป็นอันตรายต่อดวงตาหรือใบหน้าได้
พ่อแม่ผู้ปกครองถือเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยดูแลและปลูกฝังให้เด็กๆ มีสุขอนามัยที่ดี ซึ่งการปฏิบัติตามชีวิตวิถี ใหม่ ได้แก่ การล้างมือ การเว้นระยะห่าง และการสวมหน้ากาก นอกจากช่วยป้องกันโควิด-19 แล้ว ยังสามารถป้องกันโรคอื่นๆ ได้อีกด้วย นอกจากนี้แล้ว สิ่งที่ สสส.รณรงค์และย้ำเตือนมาตลอด คือ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลด หวาน มัน เค็ม เพิ่มผักผลไม้ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ และงดปัจจัยเสี่ยงอย่างเหล้าและบุหรี่ เพื่อสุขภาวะที่ดีนั่นเอง
รู้อย่างนี้แล้ว ก่อนออกจากบ้าน นอกจาก กระเป๋าสตางค์ บัตร ATM กุญแจบ้าน กุญแจรถ คุณพ่อคุณแม่ อย่าลืมสวมหน้ากากให้ตัวเองและหนูๆ กันด้วย เพื่อความปลอดภัยของทุกคน
ขอขอบคุณ