ผู้ที่เป็นโรคลำไส้แปรปรวนมักจะมีอาการ ดังนี้
- อาการปวดท้อง อาจจะปวดตรงกลางหรือปวดบริเวณท้องน้อย โดยทั่วไปจะปวดท้องน้อยด้านซ้ายมากกว่าด้านขวา ลักษณะอาการปวดมักจะปวดแบบปวดเกร็ง
- อาการแน่นท้อง ท้องอืด มักจะไม่สัมพันธ์กับอาหาร
- หน้าท้องโตขึ้นเหมือนมีลมในท้อง อาจมีอาการเรอ หรือผายลมมากขึ้น
- การถ่ายอุจจาระไม่ปกติ บางรายมีอาการท้องผูก บางรายท้องเสีย หรือในบางรายอาจมีอาการท้องผูกสลับท้องเสียก็ได้ ผู้ป่วยบางรายมีความรู้สึกเหมือนถ่ายไม่สุด บางรายปวดเบ่งแต่เมื่อถ่ายอุจจาระแล้วอาการดีขึ้น มักจะอุจจาระเป็นมูก (Mucous) อาการต่างๆ เหล่านี้มักเป็นๆ หายๆ มีอาการมากน้อยสลับกันไป โดยมีอาการนานเกิน 3 เดือนในระยะเวลา 1 ปี
สาเหตุของโรคลำไส้แปรปรวน (IBS)
ในปัจจุบันยังไม่พบสาเหตุที่แน่นอน แต่จากการศึกษาพบว่าปัจจัยที่เป็นสาเหตุของโรคนี้มี 3 อย่างที่สำคัญได้แก่
- การบีบตัวของลำไส้ใหญ่ผิดปกติ เป็นผลมาจากการหลั่งสารหรือฮอร์โมนที่ผิดปกติบางอย่างในผนังลำไส้ ทำให้เกิดอาการปวดแน่นท้อง ท้องผูก หรือท้องเสียได้
- ระบบประสาทที่ผนังลำไส้ไวต่อสิ่งเร้า หรือตัวกระตุ้นมากผิดปกติ ตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการ ได้แก่ อาหารเผ็ด, กาแฟ, แอลกอฮอล์ทุกชนิด, ช็อกโกแลต เป็นต้น รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ ได้แก่ ความเครียด ความวิตกกังกล เมื่อมีสิ่งเร้ามากระตุ้นก็ทำให้ผนังลำไส้บีบตัวผิดปกติ ทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องผูก หรือท้องเสียได้
- เป็นผลหลังมีการติดเชื้อในลำไส้ ปัจจัยนี้พบในผู้ป่วย IBS ในเขตร้อน เช่น ประเทศไทย ซึ่งหลังจากทุเลาจากภาวะลำไส้อักเสบแล้ว หนึ่งในสามของผู้ป่วยจะมีอาการของลำไส้แปรปรวนกำเริบ
การรักษา
ยังไม่มียาชนิดใดที่สามารถรักษาโรคนี้ให้หายขาดได้ เนื่องจากผู้ป่วยโรคนี้มักจะมีอาการหลายระบบรวมกัน ยาที่ใช้มีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้อาการดีขึ้นเท่านั้น แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาให้ยาที่เหมาะสมกับอาการของผู้ป่วยและแนะนำการปฏิบัติตัวเพื่อให้อาการของโรคนี้ดีขึ้นได้
การปฏิบัติตัว ที่ผู้ป่วยโรคลำไส้แปรปรวนควรปฏิบัติมีดังต่อไปนี้
- ควรรับประทานอาหารช้าๆ และไม่ควรรับประทานมากจนเกินไป (รับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ)
- หลีกเลี่ยงอาหารไขมัน โดยเฉพาะมื้อเย็นและมื้อค่ำ เนื่องจากไขมันจะเป็นตัวกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้
- ถ้าผู้ป่วยมีอาการท้องผูกร่วมด้วย ควรเพิ่มการรับประทานอาหารที่มีใยอาหาร(Fiber) ให้มากขึ้น ดื่มน้ำให้เพียงพอ และฝึกนิสัยการขับถ่ายให้เป็นเวลา
- หลีกเลี่ยงการดื่มนมโยเกิร์ตในผู้ป่วยโรค IBS ชนิดท้องเสีย
- หลีกเลี่ยงอาหารที่จะกระตุ้นอาการของโรคให้เป็นมากขึ้น ได้แก่ กาแฟ อาหารรสจัด แยม ช็อกโกแลต ผลไม้รสเปรี้ยวบางชนิด อาหารรสเผ็ด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด และน้ำอัดลม เป็นต้น
- หากผู้ป่วยมีภาวะเครียดร่วมด้วย ควรหาทางผ่อนคลายหาเวลาพักผ่อนให้เพียงพอ ควรออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ อาจจำเป็นต้องพบจิตแพทย์ในบางรายที่มีปัญหาทางจิตใจค่อนข้างมาก
โรคลำไส้แปรปรวนจะกลายเป็นมะเร็งหรือไม่
โรคนี้ไม่พบว่า เพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งแม้จะเป็นอาการเป็น ๆ หาย ๆ มานาน แต่พึงระมัดระวังในผู้ป่วยสูงอายุที่มีการเปลี่ยนแปลงของการขับถ่าย มีอาการท้องผูกมากขึ้น หรือมีอาการท้องเสียเกิดขึ้น จำเป็นต้องได้รับการตรวจโดยละเอียด เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดต่อไป