“ตำรวจสอบสวนกลาง” จึงขอแนะนำขั้นตอนการตรวจสอบว่าหมายเรียกที่ท่านได้รับเป็นของจริงหรือของปลอม ดังนี้
1. ตั้งสติ ไม่ต้องตกใจ เพราะหมายเรียกนั้นเป็นแค่การเรียกท่านไปพบพนักงานสอบสวน ยังไม่ได้หมายความว่าท่านเป็นผู้ต้องหา (ตราบใดที่ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหา) แต่ถึงแม้ว่าท่านจะได้รับหมายเรียกในฐานะผู้ต้องหา ท่านก็มีสิทธิที่จะปฏิเสธข้อกล่าวหาได้ เมื่อไปพบพนักงานสอบสวน
2. ตรวจสอบหมายเรียกที่อยู่ในมือท่านว่ามีรายละเอียดครบถ้วนตามนี้หรือไม่
- สถานที่ออกหมาย,
- วันที่ที่ออกหมาย,
- ชื่อและที่อยู่ของพนักงานสอบสวนที่ออกหมาย,
- สาเหตุที่เรียกไปพบ,
- สถานที่และวันเวลาที่นัดหมายให้ไปพบ,
- ลายมือชื่อพร้อมตำแหน่งของพนักงานสอบสวน (ป.วิ.อาญา ม.53)
3. เพื่อให้มั่นใจว่า พนักงานสอบสวนที่อยู่ในหมายเรียกนั้นเป็นตำรวจจริง ให้ท่านติดต่อไปยังหน่วยงานต้นสังกัด เช่น สถานีตำรวจที่พนักงานสอบสวนประจำอยู่ เพื่อสอบถามว่ามีพนักงานสอบสวนคนนี้อยู่ที่สถานีตำรวจจริงหรือไม่ โดยสามารถค้นหาเบอร์สถานีตำรวจได้จาก
royalthaipolice.go.th/station.php
4. หากทางสถานีตำรวจยืนยันว่ามีพนักงานสอบสวนที่ออกหมายเรียกปฏิบัติหน้าที่อยู่ในสถานีตำรวจจริง ให้ขอเบอร์ติดต่อจากสถานีตำรวจนั้น เพื่อติดต่อไปตรวจสอบว่าพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกท่านไปจริงหรือไม่ ถ้าเป็นหมายเรียกจริง ก็พูดคุยเพื่อนัดหมายวันและเวลาที่จะเข้าไปพบพนักงานสอบสวนต่อไป
แต่หากพบว่าเป็นหมายเรียกปลอม ให้ท่านนำหมายเรียกปลอม ติดต่อเข้าแจ้งความสถานีตำรวจที่รับผิดชอบพื้นที่ที่ท่านได้รับหมายเรียกปลอมนั้น เพื่อดำเนินคดีกับมิจฉาชีพเกี่ยวกับ ”การใช้เอกสารราชการปลอม” ต่อไป
อย่างไรก็ตาม หากท่านตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นหมายเรียกจริง แต่ไม่ยอมไปพบพนักงานสอบสวนตามวันและเวลาที่กำหนด กรณีเป็นหมายเรียกพยานอาจมีความผิดที่ไม่มาตามหมายเรียก แต่ในกรณีที่เป็นหมายเรียกผู้ต้องหาอาจเป็นเหตุให้พนักงานสอบสวนร้องขอต่อศาลเพื่ออนุมัติออกหมายจับต่อไปได้ (ป.วิอาญา ม. 66)