ข่าวสุขภาพ
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ กิจกรรม ESG CSR Health Economy บริจาครพ.ต่างๆ
น่าสนใจไทยแลนด์
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

พิธีพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2563 และ 2564

พิธีพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2563 และ 2564 Thumb HealthServ.net
พิธีพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2563 และ 2564 ThumbMobile HealthServ.net

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ แทนพระองค์ในพิธีพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2563 และ 2564

 
 
          27 มกราคม 2565 เวลา 17.30 น. ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประธานมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ในพิธีพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2563 และประจำปี 2564


         ผู้เข้ารับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลประจำปี 2563 ได้แก่
  1. ศ.ดร.นพ.วาเลนติน ฟูสเตอร์ (Valentin Fuster, M.D., Ph.D.) ผู้อำนวยการศูนย์โรคหัวใจ และนายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลเม้าท์ไซนาย นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ในสาขาการแพทย์ 
  2. นพ.เบอนาร์ด พีคูล (Bernard Pécoul, M.D., MPH.) ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการบริหารองค์กรจัดหายาสำหรับโรคที่ถูกละเลย Drugs for Neglected Diseases initiative (DNDi) สาธารณรัฐฝรั่งเศส ในสาขาสาธารณสุข

 
         สำหรับผู้เข้ารับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2564 มีเฉพาะสาขาการแพทย์ ได้แก่
  1. ศ.ดร.กอตอลิน กอริโก  (Katalin Karikó, Ph.D.) รองประธานอาวุโส บริษัทไบโอเอ็นเทค อาร์เอนเอ ฟาร์มาซูติคอล สหพันธรัฐเยอรมนี
  2. ศ.ดร.นพ.ดรู ไวส์แมน (Drew Weissman, M.D., Ph.D.) ผู้อำนวยการแผนกวิจัยวัคซีนโรคติดเชื้อ และศาสตราจารย์ภาควิชาอายุรศาสตร์คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย ฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา
  3. ศ.ดร.ปีเตอร์ คุลลิส (Pieter Culllis, Ph.D.)  ศาสตราจารย์ภาควิชาชีวเคมีและชีววิทยาโมเลกุล มหาวิทยาลัยบริทิชโคลัมเบีย แวนคูเวอร์ แคนาดา 

ซึ่งทั้ง 3 ท่านได้ร่วมกันศึกษาวิจัยวิธีการนำเมสเซนเจอร์ อาร์เอนเอ (mRNA) มาใช้ในทางการแพทย์ โดยในปี 2549 ได้ร่วมกันค้นพบว่า การใช้นิวคลิโอไซด์ดัดแปลงช่วยลดปฏิกิริยาของเซลล์ต่อ RNA แปลกปลอมในการตรวจจับและยับยั้งการแปลรหัสจาก RNA ที่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบได้ ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการนำ mRNA มาใช้ประโยชน์เพื่อการป้องกันหรือรักษาโรค และเป็นรากฐานสำคัญในการนำเทคโนโลยี mRNA มาใช้ในการพัฒนาวัคซีนโควิด 19 ได้อย่างรวดเร็ว
 

 
         ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้จัดงานเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2563 และประจำปี 2564 เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2565 ณ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯโดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน พร้อมด้วย ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล, ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมทั้งผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุขร่วมงาน

ผู้ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี พ.ศ.2564

 

ศาสตราจารย์ ดร.กอตอลิน กอริโก (Katalin Karikó, Ph.D.)

รองประธานอาวุโส บริษัทไบโอเอ็นเทค อาร์เอนเอ ฟาร์มาซูติคอล สหพันธรัฐเยอรมนี
รองศาสตราจารย์สมทบ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย ฟิลาเดลเฟีย
สหรัฐอเมริกา / ฮังการี

ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ ดรู ไวส์แมน (Drew Weissman, M.D., Ph.D.)

ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ ดรู ไวส์แมน (Drew Weissman, M.D., Ph.D.)
ผู้อำนวยการแผนกวิจัยวัคซีนโรคติดเชื้อ และศาสตราจารย์ ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย ฟิลาเดลเฟีย
สหรัฐอเมริกา 
รองศาสตราจารย์ ดร.กอตอลิน กอริโก สำเร็จการศึกษาดุษฎีบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยเซเก็ด ประเทศฮังการี
 
ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ ดรู ไวส์แมน สำเร็จการศึกษาแพทยศาสตร์บัณฑิต และดุษฎีบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยบอสตัน สหรัฐอเมริกา  หลังจากนั้นฝึกอบรม ณ สถาบันสุขภาพแห่งชาติ รัฐแมรี่แลนด์  สหรัฐอเมริกา กับนายแพทย์ แอนโทนี ฟอซี  (Dr. Anthony Fauci) ผู้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2556 สาขาการแพทย์
 
รองศาสตราจารย์ ดร.กอตอลิน กอริโก และศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ ดรู ไวส์แมน ได้ร่วมกันศึกษาวิจัยวิธีการนำเมสเซนเจอร์ อาร์เอนเอ มาใช้ในทางการแพทย์ โดยในปี พ.ศ.2549 ได้ร่วมกันค้นพบว่าการใช้นิวคลิโอไซด์ดัดแปลงช่วยลดปฏิกิริยาของเซลล์ต่ออาร์เอนเอแปลกปลอมได้ ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการนำเมสเซนเจอร์อาร์เอนเอมาใช้ประโยชน์ ทั้งนี้เนื่องจากตามธรรมชาติแล้ว เมสเซนเจอร์อาร์เอนเอแปลกปลอมที่ให้เข้าไปจากภายนอกเซลล์จะถูกกลไกต่อต้านไวรัสของเซลล์ตรวจจับ และเมื่อพบอาร์เอนเอแปลกปลอมก็จะกระตุ้นกลไกต่างๆที่จะยับยั้งการแปลรหัสจากอาร์เอนเอและกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ซึ่งกลไกเหล่านี้เป็นอุปสรรคสำคัญในการนำเมสเซนเจอร์อาร์เอนเอมาใช้ฉีดเข้าในร่างกายเพื่อการป้องกันหรือรักษาโรค การค้นพบดังกล่าวรวมทั้งการศึกษาวิจัยต่อๆ มาของ   รองศาสตราจารย์ ดร.กอตอลิน กอริโก และศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ ดรู ไวส์แมน ที่ทำให้มีการนำซูโดยูริดีนมาใช้ในการสร้างเมสเซนเจอร์อาร์เอนเอ และการคิดค้นวิธีการในการทำเมสเซนเจอร์อาร์เอนเอที่มีซูโดยูริดีนให้บริสุทธิ์ เป็นรากฐานสำคัญในการนำเทคโนโลยีเมสเซนเจอร์อาร์เอนเอมาใช้ในการพัฒนาวัคซีนต่อต้านโควิด-19  รองศาสตราจารย์ ดร.กอตอลิน กอริโก และศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ ดรู ไวส์แมน  ยังเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาวัคซีนโควิด-19  ด้วยเทคโนโลยีใหม่นี้ได้อย่างรวดเร็ว
 
ผลงานของรองศาสตราจารย์ ดร.กอตอลิน กอริโก และศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ ดรู ไวส์แมน  ทำให้เกิดวัคซีนโควิด-19 ชนิดเมสเซนเจอร์อาร์เอนเอ   ซึ่งเป็นวัคซีนที่ได้ถูกพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วตอบสนองกับการระบาด ทำให้สามารถลดการติดเชื้อและการเจ็บป่วยรุนแรง อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการควบคุมการระบาดในประเทศต่างๆ ทั่วโลก  เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพอนามัย และชีวิตผู้ป่วยหลายร้อยล้านคนทั่วโลก 

ศาสตราจารย์ ดร. ปีเตอร์ คุลลิส (Pieter Culllis, Ph.D.)

ศาสตราจารย์ ดร. ปีเตอร์ คุลลิส (Pieter Culllis, Ph.D.)
ศาสตราจารย์ ภาควิชาชีวเคมีและชีววิทยาโมเลกุล มหาวิทยาลัยบริทิชโคลัมเบีย, แวนคูเวอร์
แคนาดา
 
ศาสตราจารย์ ดร. ปีเตอร์ คุลลิส สำเร็จการศึกษาดุษฎีบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยบริทิชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา และทำงานวิจัยด้านชีวเคมีของไขมันที่มหาวิทยาลัยนี้ตลอดมาจนปัจจุบัน
 
ศาสตราจารย์ ดร. ปีเตอร์ คุลลิส เป็นผู้บุกเบิกงานด้านอนุภาคไขมัน ลิปิดนาโนพาร์ติเคิล ซึ่งมีการใช้ในทางการแพทย์ในลักษณะต่างๆ เช่นการนำส่งยาต้านมะเร็งไปยังเนื้อเยื่อมะเร็งโดยไม่ทำให้เกิดพิษต่อเนื้อเยื่อปกติ และอนุภาคไขมันที่ศาตราจารย์คุลลิสพัฒนาที่น่าสนใจมากที่สุดได้แก่ อนุภาคไขมันที่มีไขมันที่สามารถทำให้มีประจุบวกได้ โดยไขมันดังกล่าวไม่มีประจุเมื่ออยู่ในสภาพความเป็นกรดด่างที่เป็นกลาง แต่จะมีประจุบวกเมื่ออยู่ในสภาพเป็นกรด อนุภาคไขมันเหล่านี้ไม่ทำปฏิกิริยาและไม่เป็นพิษต่อเซลล์เนื่องจากไม่มีประจุ แต่เมื่อถูกนำเข้าสู่เซลล์ภายในเอนโดโซมซึ่งมีสภาพเป็นกรดก็จะเปลี่ยนเป็นมีประจุบวก ซึ่งจะทำให้หลอมเชื่อมกับเยื่อไขมันของเซลล์ที่มีประจุลบ การหลอมเชื่อมของเยื่อไขมันดังกล่าวทำให้มีการนำส่งส่วนประกอบภายในของอนุภาคไขมันเช้าสู่ไซโตปลาสซึมของเซลล์ วิธีการดังกล่าวได้มีการนำมาใช้ในการพัฒนาวัคซีนชนิดเมสเซนเจอร์อาร์เอนเอ ซึ่งกำลังใช้ในการควบคุมการแพร่จะบาดของโรคโควิด 19 อยู่ในปัจจุบัน
 
ผลงานของศาสตราจารย์ ปีเตอร์ คุลลิส นอกจากจะทำให้มีการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ได้สำเร็จแล้ว ยังทำให้มีวิธีการที่จะนำกรดนิวคลิอิกเข้าสู่เซลล์ได้อย่างปลอดภัย ซึ่งเปิดความเป็นไปได้อีกมากมายในการนำเทคโนโลยีกรดนิวคลิอิคมาใช้ในการป้องกันและรักษาโรคต่างๆ ในอนาคต  ก่อประโยชน์ต่อสุขภาพอนามัย และชีวิตของมนุษย์หลายร้อยล้านคนทั่วโลก

ผู้ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี พ.ศ.2563 สาขาการแพทย์

 

ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ วาเลนติน ฟัสเตอร์ (Valentin Fuster, M.D., Ph.D.)

ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ วาเลนติน ฟัสเตอร์  (Valentin Fuster, M.D., Ph.D.)
ผู้อำนวยการศูนย์โรคหัวใจ และนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลเม้าท์ไซนาย นครนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา
ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคหัวใจและหลอดเลือดแห่งชาติ กรุงมาดริด ประเทศสเปน
หัวหน้ากองบรรณาธิการ วารสารวิทยาลัยโรคหัวใจแห่งอเมริกา
สหรัฐอเมริกา 
 ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ วาเลนติน ฟัสเตอร์   สำเร็จการศึกษาแพทยศาสตร์บัณฑิต จากมหาวิทยาลัยบาเซโลน่า ประเทศสเปน  และดุษฎีบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยเอดินเบอระ สหราชอาณาจักร
 
ตั้งแต่ปี พ.ศ.2513 เป็นต้นมา ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์วาเลนติน ฟัสเตอร์  ได้ทำการศึกษาวิจัยถึงบทบาทของเกล็ดเลือดในกระบวนการเกิดการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจ รวมถึงประโยชน์ของการให้ยาต้านเกล็ดเลือดในการป้องกันการอุดตันของหลอดเลือดที่นำมาใช้เป็นทางเบี่ยงภายหลังจากการผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ  โดยเริ่มในสัตว์ทดลอง และต่อมาได้ต่อยอดมาเป็นการศึกษาวิจัยในผู้ป่วย  ได้แสดงให้เห็นเป็นครั้งแรกถึงประโยชน์ของการให้ยาต้านเกล็ดเลือดในการป้องกันการอุดตันของหลอดเลือดที่นำมาใช้เป็นทางเบี่ยงภายหลังจากการผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจในผู้ป่วย อีกทั้งองค์ความรู้ที่ได้นี้มีส่วนทำให้เกิดการพัฒนาแนวคิดในการสร้างขดลวดค้ำยันชนิดเคลือบยา เพื่อนำมาใช้ในผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยการขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนและใส่ขดลวด   องค์ความรู้ที่ได้จากงานวิจัยของ  ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ฟัสเตอร์  ได้ช่วยทำให้อัตราการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตในผู้ป่วยลดลงอย่างมาก    และยังช่วยปรับปรุงให้การดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
 
จากผลงานของศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์ วาเลนติน ฟัสเตอร์ ที่เชื่อมโยงนำเอาองค์ความรู้ที่ได้จากงานวิจัยพื้นฐาน ไปต่อยอดจนกระทั่งเกิดเป็นองค์ความรู้ใหม่ที่ถูกนำไปใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่มีหลอดเลือดหัวใจตีบตัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยชน์ของการให้ยาต้านเกล็ดเลือดในการป้องกันการอุดตันของหลอดเลือดที่นำมาใช้เป็นทางเบี่ยงภายหลังจากการผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดที่ตีบตัน ผลงานนี้ได้ช่วยชีวิตผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันนับล้านคนทั่วโลก

ผู้ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี พ.ศ.2563 สาขาการสาธารณสุข

 

นายแพทย์เบอนาร์ด พีคูล (Bernard Pécoul, M.D., MPH.)

นายแพทย์เบอนาร์ด พีคูล  (Bernard Pécoul, M.D., MPH.)
ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการบริหาร องค์กรจัดหายาสำหรับโรคที่ถูกละเลย
Drugs for Neglected Diseases initiative (DNDi)
สาธารณรัฐฝรั่งเศส 
นายแพทย์เบอนาร์ด พีคูล  สำเร็จการศึกษาแพทยศาสตร์บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยเคลมองท์ เฟอร่องด์ (Clermont-Ferrand University) สาธารณรัฐฝรั่งเศส และสาธารณสุขศาสตร์มหาบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยทูเลน  สหรัฐอเมริกา
 
ก่อนที่ นายแพทย์พีคูล จะเข้ามามีบทบาทในการจัดตั้งองค์กรจัดหายาสำหรับโรคที่ถูกละเลย (Drugs for Neglected Diseases initiative, DNDi) นั้น นายแพทย์พีคูล เป็นผู้อำนวยการบริหารในองค์กรแพทย์ไร้พรมแดน (Médecins Sans Frontières) ซึ่งเป็นองค์กรสาธารณประโยชน์ที่ก่อตั้งเพื่อให้ความช่วยเหลือในการเข้าถึงยาจำเป็นของกลุ่มประเทศในแอฟริกา ลาตินอเมริกา และเอเซีย
 
ในขณะที่ทำงานในประเทศยูกันดา นายแพทย์พีคูล   พบมีการใช้ยา เมลาโซพรอล (Melarsoprol)   ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของสารหนู ในการรักษาผู้ป่วยที่เป็น โรคแอฟริกัน ทริปาโนโซมิเอซิส (African trypanosomiasis) หรือ โรคเหงาหลับ (Sleeping sickness) และพบผู้ป่วย 1 ราย ใน 20 รายที่ได้รับอนุพันธ์นี้เสียชีวิต จากเหตุการณ์ที่มีการขาดยารักษาที่มีประสิทธิภาพและมีผลข้างเคียงที่รุนแรงนี้ ทำให้ นายแพทย์พีคูล ตัดสินใจจัดทำ โครงการจัดหายาสำหรับโรคที่ถูกละเลย (Drugs for Neglected Diseases initiative – DNDi) ขึ้นในปี พ.ศ.2546 โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาการรักษาที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ ราคาไม่แพง สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคที่ถูกละเลย
 
ภายใต้การบริหารของ นายแพทย์พีคูล โครงการจัดหายาสำหรับโรคที่ถูกละเลย ได้ขยายเป็นองค์กรวิจัยและพัฒนาที่ไม่แสวงหาผลกำไร สร้างความร่วมมือกับองค์กรพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนหลากหลายองค์กร   อาทิ มูลนิธิบิลเกตส์, เวลคัม ทรัส, หน่วยงานในยุโรปและบริษัทยาหลายแห่ง   จนถึงปัจจุบันก่อให้เกิดวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคที่ถูกละเลย  รวม 8 ชนิด รักษาโรคมาลาเรีย โรคเหงาหลับ โรค Visceral leishmaniasis  และโรค Chagas disease
 
ยาเหล่านี้ถูกบรรจุให้เป็นแนวทางในการรักษาโรค   ที่องค์การอนามัยโลกแนะนำให้เป็นยารักษาตัวแรกสำหรับโรคที่ถูกละเลย (Neglected tropical diseases) ในหลายประเทศ ขณะนี้มีการพัฒนาสารใหม่มากกว่า 20 ชนิด  และมีการศึกษาทดลองทางคลินิกมากกว่า 20 การศึกษา
 
ในฐานะผู้อำนวยการ นายแพทย์พีคูล ได้ประสานงานวิจัยและร่วมมือพัฒนา ริเริ่มและบริหารจัดโครงการวิจัย ซึ่งประกอบ ด้วยทีมงานและนักวิทยาศาสตร์ที่ดำเนินโครงการในส่วนต่างๆ ของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแอฟริกาและลาตินอเมริกา โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งมอบการรักษาใหม่ที่มีประสิทธิภาพจำนวน 16 ชนิดจาก 18 ชนิด สำหรับโรคที่ถูกละเลยให้แก่ผู้ป่วย ภายในปี พ.ศ.2566 จนถึงปัจจุบัน DNDi ได้ส่งมอบยาใหม่ถึง 8 ชนิด ซึ่งช่วยรักษาชีวิตของผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก
 
ผลงานของนายแพทย์เบอนาร์ด พีคูล  ได้มีส่วนสำคัญในการลดอัตราการเสียชีวิตและยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับประชากรนับล้านคนทั่วโลก  โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชากรในประเทศกลุ่มกำลังพัฒนาหรือประเทศที่มีรายได้น้อย ที่เจ็บป่วยด้วยโรคที่ถูกละเลย

มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ LINK

มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ พิธีพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2563 และ 2564
มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ พิธีพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2563 และ 2564
มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้รับพระบรมราชานุญาตให้จัดตั้งขึ้น เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2534 ด้วยการริเริ่มของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ในวโรกาสเฉลิมฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพ ในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ครบ 100 ปี ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2535 เพื่อดำเนินการมอบรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ถวายเป็นพระราชอนุสรณ์ และเพื่อเผยแพร่พระราชเกียรติคุณ แห่งสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ”องค์บิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันและการสาธารณสุขของไทย”
 
เมื่อแรกตั้งใช้ชื่อมูลนิธิว่า “มูลนิธิรางวัลมหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์” และได้เปลี่ยนแปลงเป็น “มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์” เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 


รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประกอบด้วย
  • เหรียญรางวัล
  • ประกาศนียบัตร
  • เงินรางวัลๆ ละ 100,000 เหรียญสหรัฐ

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด