ตัวเลขผู้ติดเชื้อโรคฝีดาษลิงในสหรัฐ ตามรายงานของ CDC ล่าสุด (
4 สิงหาคม 65) มีจำนวนเกิน 7,100 รายไปแล้ว โดยรัฐที่พบมากที่สุดในลำดับต้นๆ ได้แก่ นิวยอร์ค (>1,700) แคลิฟอร์เนีย (>800) ฟลอริดา (>570) อิลลินอยส์ (>570) จอร์เจีย (>540)
มีเพียง 2 รัฐเท่านั้นที่ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อ คือ มอนทาน่าและไวโอมิ่ง
การประกาศนี้มีขึ้น ภายหลังจากที่องค์การอนามัยโลกได้ประกาศในให้โรคฝีดาษลิงเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องเฝ้าระวังในระดับนานาชาติ (PHEIC) ไปเมื่อ 23 กรกฎาคม 65 และนับเป็นเวลาเกือบ 3 เดือนหลังจาก พบเคสแรกในสหรัฐเมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ปธน.ได้แต่งตั้ง โรเบิร์ต เฟนตัน เป็นหัวหน้าทีมผู้ประสานงานด้านโรคฝีดาษลิงของทำเนียบขาว บูรณาการการบริหารสถานการณ์ทั่วสหรัฐร่วมกับผู้เชี่ยวชาญของ CDC และ ศูนย์ป้องกัน HIV/AIDS
รัฐบาลกลางสหรัฐถูกวิพากษ์วิจารณ์พอสมควรว่าล่าช้ากับการรับมือสถานการณ์ และไม่ให้ความสำคัญกับการระบาดมากพอ
หลายเมืองและหลายรัฐได้ประกาศภาวะฉุกเฉินต่อโรคฝีดาษลิงในก่อนหน้านี้แล้ว อาทิ นิวยอร์ค ซานฟรานซิสโก แคลิฟอร์เนีย อิลลินอยส์
การระบาดของโรคนี้ในสหรัฐ ส่วนใหญ่พบอยู่ในกลุ่มชายรักชาย เกย์และชายไบเซกส์ช่วล รวมถึงบางรายเป็นชายแปลงเพศด้วย ซึ่งการแพร่ระบาดจะเกิดจากการใกล้ชิดกันมากๆ และการมีเพศสัมพันธุ์
CDC ได้สั่งการให้นำเอาวัคซีนจากคลังยุทธศาสตร์เพื่อแจกจ่ายให้กับกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่อาจสัมผัสกับผู้ที่มีเชื้อโรคฝีดาษลิง เช่น คู่รัก ญาติ หรือสมาชิกในครอบครัวผู้ป่วย รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาลด้วย ขณะที่รัฐบาลได้พยายามกระจายวัคซีนไปยังกลุ่มชายรักชาย ที่เป็นกลุ่มประชากรเสี่ยงติดเชื้อและแพร่กระจายเชื้อโรคนี้มากที่สุด และอาจขยายไปยังกลุ่ม LGBTQ ทั้งหมดให้ได้ด้วย