คนไทยหนีทัวร์ ลักลอบทำงานในเกาหลีใต้
10 สิงหาคม 2565 สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ได้เผยแพร่ ประกาศเรื่อง "
ข้อควรรู้ก่อนเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวเกาหลีใต้" โดยสาระสำคัญคือ แจ้งให้ผู้ที่ประสงค์จะเดินทางเข้าประเทศเกาหลีใต้ จะต้องดำเนินการและปฏิบัติตามกฏหมายอย่างเคร่งครัด รวมถึงระบุถึงโทษสำหรับการตรวจพบการกระทำผิดกฏหมายแม้จะได้รับอนุมัติให้เข้าประเทศในเบื้องต้นแล้วก็ตาม
ทั้งนี้ ประกาศฉบับออกมาหลังจากปรากฏข่าวจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีใต้ว่า "นักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวน 55 คน จาก 280 คนที่เดินทางเข้ามายังเกาหลีใต้ในฐานะกรุ๊ปทัวร์ หนีทัวร์ไปอย่างไร้ร่องรอย" [
ไทยรัฐ] และปรากฏว่ามี 55 รายในกลุ่มนี้ แยกตัวออกจากกลุ่มทัวร์และหายตัวไป คาดเป็นการหลบหนีเข้าไปทำงานอย่างผิดกฏหมายในเกาหลีใต้ ขณะนี้ทางการเกาหลีใต้ กำลังติดตามตัวอย่างเร่งด่วน
สถานการณ์คนไทยพำนักผิดกฏหมายในเกาหลี
บยอง ชอล คิม เลขานุการเอกและกงสุล สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลี กล่าวถึงสถานการณ์การเดินทางเข้าไปทำงานอย่างผิดกฏหมายในเกาหลีใต้ของคนไทย พบว่า
- ปัจจุบันมีคนไทยราว 140,000 คน ที่อยู่ในเกาหลีอย่างผิดกฏหมาย จากจำนวนคนไทยทั้งหมดราว 180,000 คน คิดเป็น 77%
- ในเกาหลีใต้ มีคนต่างชาติที่อยู่อย่างผิดกฏหมาย ราว 390,000 คน โดยคนไทยเป็นชาติที่มีจำนวนมากที่สุด คิดเป็น 35%
ภาพลักษณ์ของแรงงานไทยในเกาหลีใต้ มีภาพลักษณ์ที่ดีในการเป็นคนขยันขันแข็ง และมีวัฒนธรรมที่ใกล้เคียงกับคนเกาหลี ต่างจากแรงงานของประเทศอื่นๆ ดังนั้นหากสามารถลดจำนวนผู้อยู่อาศัยอย่างผิดกฏหมายได้ จะเป็นการดีและเพิ่มโอกาสให้กับแรงงานไทยในการเข้ามาทำงานในเกาหลีอย่างถูกกฏหมายได้มากขึ้น
ทำไมถึง K-ETA ถึงยกเว้นบังคับใช้กับเกาะเชจู
ก่อนที่จะมีการปรับใช้ K-ETA เกาะเชจูถือเป็นพื้นที่พิเศษ ไม่ว่าจะสัญชาติไหนก็ตาม สามารถเดินทางเข้าไปได้โดยไม่ต้องมีวีซ่า แต่ในปัจจุบันจำนวนคนเดนทางเข้าเกาะเชจูมากขึ้น เนื่องจากไม่สามารถเดินทางเข้าในพื้นที่อื่นได้ เหตุการณ์การปฏิเสธการเข้าเกาะเชจูที่ปรากฏในข่าว เกิดจากปัญหาดังกล่าวเช่นกัน มีผู้โดยสารจำนวน 697 คน เดินทางมาเกาะเชจู ในวันที่ 2 ถึง วันที่ 5 สิงหาคม ในระยะเวลา 4 วันนี้ ประมาณ 53% หรือ 367 คน คือผู้ที่ไม่ผ่านการอนุมัติ K-ETA อีกทั้งในจำนวนผู้ที่ได้รับการอนุมัติเข้าประเทศแล้ว 280 คน มี 55 คน ที่ไม่ได้เดินทางกลับในวันที่กำหนด
เนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้น ทางรัฐบาลเกาหลีจึงกำลังพิจารณาการขอ K-ETA เดินทางเข้าเกาะเชจู ย้ำไม่ต้องการให้การเดินทางเข้าประเทศอย่างผิดกฏหมายของนักเดินทางบางราย ทำให้เกิดผลกระทบต่อการท่องเที่ยวระหว่างทั้งสองประเทศ
"ตั้งแต่ช่วงก่อนโควิด-19 นักท่องเที่ยวไทยมาเที่ยวเกาหลีใต้มากที่สุดในอาเซียน เกาหลีใต้รู้สึกยินดีและขอบคุณเป็นอย่างมากที่คนไทยให้ความสนใจ และมาเที่ยวเกาหลี แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัญหาเกี่ยวกับผู้ที่มาพำนักอยู่อย่างผิดกฏหมาย ซึ่งไม่อยากให้เรื่องนี้กลายเป็นอุปสรรคในการแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวของสองประเทศนี้" นาย บยอง ชอล คิม กล่าวทิ้งท้าย
เตรียมนำ K-ETA กลับมาใช้ที่เชจูด้วย
K-ETA (Korea Electronic Travel Authorization) คือ ระบบอนุมัติการเดินทางทางอิเล็กทรอนิกส์ของเกาหลีใต้ สำหรับ 112 ประเทศที่ได้ทําข้อตกลงการยกเว้นวีซ่ากับสาธารณรัฐเกาหลี มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่ 1 ก.ย. 2021 (การดําเนินการนําร่อง 3 พ.ค. 2021 - 31 ส.ค. 2021) ระยะเวลาที่มีผลบังคับใช้ 2 ปีนับจากวันที่อนุญาต (ในกรณีที่เปลี่ยนแปลงข้อมูลสําคัญ เช่น ข้อมูลหนังสือเดินทาง จําเป็นต้องสมัครใหม่) วิธีการแจ้งความจำนง : สมัครผ่านทางหน้าแรก/แอปของ K-ETA ในมือถือได้ตลอด 72 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง (
www.k-eta.go.kr) ค่าธรรมเนียม 10,000 KRW (ประมาณ $9~10) ค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมแยกต่างหาก (300 KRW)
มีข้อมูลระบุว่าคนไทย 367 ราย จากจำนวนทั้งหมด 697 ราย เคยถูกปฏิเสธผ่านระบบคัดกรอง K-ETA (ระบบคัดกรองนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ยกเว้นวีซ่า 112 ประเทศ รวมไทย) [ไทยรัฐ] นักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวนหนึ่งเลือกที่จะเดินทางเข้าประเทศเกาหลีใต้ ผ่านทางเกาะเชจู เนื่องจากอาจเคยมีประวัติการถูกปฏิเสธการเข้าประเทศทางสนามบินอื่นๆ เช่น สนามบินนานาชาติอินชอน
การลงทะเบียนระบบ K-ETA
ดาวน์โหลดแอป K-ETA
ติดตามข่าวสารจากทางการเกาหลีใต้ ได้ที่