ปลัดอำเภอจังหวัดตรัง ฝ่ายความมั่นคง สนธิกำลังกองอาสารักษาดินแดนจ.ตรัง เข้าตรวจค้นร้านค้าบน ถ.รัษฎา อ.เมืองตรัง จ.ตรัง หลังได้รับแจ้งจากผู้ปกครองและโรงเรียน ว่ามีการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าให้กับนักเรียน
เจ้าของร้านเป็นชายอายุ 31 ปี พบสินค้าเป็นบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า อุปกรณ์สำหรับเปลี่ยนหัวบุหรี่ไฟฟ้า รวม 11 รายการ มีกล่องบุหรี่ไฟฟ้าตั้งโชว์ มีแผ่นป้ายโฆษณาเพื่อจำหน่าย เจ้าของร้านให้การรับสารภาพ เจ้าหน้าที่นำส่งสภ.อ.เมืองตรัง ดำเนินคดีตามกฏมาย
ระหว่างตรวจค้นในร้าน มีเด็กนักเรียน 5 คน เข้ามาที่ร้านเพื่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้า เจ้าหน้าที่จึงตักเตือนและทำโทษโดยให้วิดพื้น นักเรียนให้การว่ามาซื้อหลายครั้ง ไม่ทราบว่ามีร้านอื่นหรือไม่ เพราะซื้อที่ร้านนี้ร้านเดียว โรงเรียนได้ทำการลงโทษพักการเรียน
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาทกกิจ ประธานมูลนิธิเพื่อการรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ ระบุว่า ปัจจุบันมีผู้ร้องเรียนพบเห็นการขายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างโจ่งแจ้ง ในท้องที่ต่างๆ ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด การจำหน่ายและให้บริการบุหรี่ไฟฟ้าถือว่าผิดกฏหมายชัดเจน เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกท้องที่สามารถจับกุมได้ทันที เพื่อลดการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าเยาวชนได้ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชุมอย่างเร่งด่วน กำหนดแนวทางที่ชัดเจนเพื่อบังคับใช้กฏหมาย ห้ามนำเข้า ห้ามขาย กำหนดแนวทางปฏิบัติที่สมเหตุผล และประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศ ได้รับทราบว่า บุหรี่ไฟฟ้านั้นผิดกฏหมายในประเทศไทย เพื่อแก้ไขภาพลักษณ์ที่เสียหายไป และลดความรุนแรงของการระบาดบุหรี่ไฟฟ้าในเยาชนไทย
กฏหมายเกี่ยวกับความผิด "บุหรี่ไฟฟ้า"
เจ้าหน้าที่ระดับสูง สคบ.ชี้ การจับผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า จะแบ่งการกระทำความผิดออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้
ผู้จำหน่าย มีความผิดตามคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ห้ามจำหน่าย ห้ามให้บริการ บารากุไฟฟ้า บุหรี่ไฟฟ้า และน้ำยาเติม โทษจำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้นำเข้า ประกาศกระทรวงพาณิชย์ พ.ศ.2557 กฏหมายศุลกากร ม.244 ห้ามนำเข้า บุหรี่ไฟฟ้า หรือน้ำยาบุหรี่ โทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับเป็นเงิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้ครอบครอง มีสินค้าต้องห้ามไว้ มีความผิดตามกฏหมายศุลกากร ม.246 ห้ามผู้ใดซื้อ รับจำนำ ช่วยซ่อนเร้น โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับ 4 เท่าของราคาสินค้า
ข่าว PPTV HD36