คุณกฤติยา สินธุวราวรรณ และ คุณศศิธร กุวังคดิลก จากสำนักข่าวไทย อสมท. รายการครบเครื่องเรื่องข่าว ทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 100.5 วันที่ 7 ก.พ. 2566 สัมภาษณ์ทางโฟนอิน เวลา 18.10-18.30 น. กับหัวหน้าศูนย์จีโนมทางการแพทย์ ร.พ. รามาธิบดี ในหัวข้อนี้
• ระบาดไปทั่วโลกกว่า 68 ประเทศ
• พบระบาดใหญ่ในนิวซีแลนด์ จำนวนที่ถอดรหัสพันธุกรรมได้ 384 ราย ส่วนแบ่งการระบาดในประเทศคือ 3.433%
• พบมีส่วนแบ่งการระบาดภายในประเทศไทยร้อยละ 4.5 สายพันธุ์หลักของไทยยังเป็น BN.1.3
• จากสุ่มถอดรหัสพันธุกรรมทั่วโลกพบเฉลี่ยร้อยละ 10
• ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (US-CDC) แถลงว่าขณะนี้ พบโอมิครอน CH.1.1 แพร่ระบาดในสหรัฐร้อยละ 1.5%
• จากรหัสพันธุกรรมและยืนยันในหลอดทดลองพบว่าหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน (immune escape) ได้เหนือกว่าโอมิครอนลูกผสม XBB.1.5
• จากรหัสพันธุกรรมและยืนยันในหลอดทดลองพบว่ายังความสามารถในการติดเชื้อ (infectivity) ที่ด้อยกว่าโอมิครอนลูกผสม XBB.1.5
• โอมิครอน CH.1.1 ไม่ใช่ “เดลทาครอน” ที่มีการแลกเปลี่ยนบางส่วนของสายจีโนมระหว่างสายพันธุ์เดลต้าและโอไมครอน แต่เป็นรุ่นเหลนของโอมิครอน BA.2.75 เป็นตัวอย่างสำคัญของการวิวัฒนาการที่กลับมาบรรจบกัน (convergent evolution) กล่าวคือสายพันธุ์ของโควิดมีวิวัฒนาการอย่างอิสระแต่กลับมีการกลายพันธุ์ในรูปแบบเดียวกัน (ระหว่างสายพันธุ์เดลตาและโอมิครอน) อันเนื่องมาจากแรงกดดันจากภูมิคุ้มกันจากวัคซีนและการติดเชื้อตามธรรมชาติในหมู่ประชากร
• นอกจากนี้โอมิครอน XBB.1.5, BQ.1.1, CH.1.1, และ CA.3.1 ดื้อหรือหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันที่ได้จากการฉีด mRNA ดั้งเดิม (monovalent vaccine) จำนวน 3 เข็มได้อย่างสมบูรณ์ ในขณะที่ผู้ที่ได้รับวัคซีน mRNA ดั้งเดิมครบโดส 3 เข็มตามด้วยวัคซีน mRNA เข็มกระตุ้นสองสายพันธุ์ (bivalent booster) อีกหนึ่งเข็มจะมีภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอน XBB.1.5, BQ.1.1, CH.1.1, และ CA.3.1 อยู่บ้าง
• โอมิครอน CH.1.1 ดื้อต่อยาฉีดเสริมภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป “อีวูชิลด์” (Evusheld) แต่ยังไม่ดื้อต่อยาเรมเดซิเวียร์ (Remdesivir) ซึ่งเป็นยาฉีด ยาไวรัสโมลนูพิราเวียร์และแพ็กซ์โลวิด” (Paxlovid) ซึ่งเป็นยาเม็ด
• ทำไมโอมิครอน CH.1.1 ถึงน่ากังวล
เพราะมีการกลายพันธุ์บริเวณส่วนหนามที่ตำแหน่งกรดอะมิโน“L452R” ที่เหมือนกับสายพันธุ์เดลตา (โอมิครอนปรกติจะไม่มีการกลายพันธุ์ตรงตำแหน่งนี้) ซึ่งอาจก่อให้เกิดการติดเชื้ออาการรุนแรง เช่นเดียวกับสายพันธุ์เดลตา เนื่องจากการทดสอบในห้องปฏิบัติการพบว่าส่วนหนามที่กลายพันธุ์ไปสามารถจับกับผิวเซลล์ของผู้ติดเชื้อได้หลากหลายอวัยวะนอกเหนือไปจากเซลล์ปอด ก่อให้เกิดการหลอมรวมของเซลล์ที่อยู่ใกล้ชิดติดกันเป็นเซลล์ขนาดใหญ่ (fusogenicity) ดึงดูดให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายเข้ามาทำลายเกิดอาการอักเสบที่รุนแรงขึ้น
โอมิครอน CH.1.1 ไม่ใช่ “เดลทาครอน” ที่มีการแลกเปลี่ยนบางส่วนของสายจีโนมระหว่างสายพันธุ์เดลต้าและโอไมครอน แต่เป็นรุ่นเหลนของโอมิครอน BA.2.75 เป็นตัวอย่างสำคัญของการวิวัฒนาการที่กลับมาบรรจบกัน (convergent evolution) กล่าวคือสายพันธุ์ของโควิดมีวิวัฒนาการอย่างอิสระแต่กลับมีการกลายพันธุ์ในรูปแบบเดียวกัน (ระหว่างสายพันธุ์เดลตาและโอมิครอน) อันเนื่องมาจากแรงกดดันจากภูมิคุ้มกันจากวัคซีนและการติดเชื้อตามธรรมชาติในหมู่ประชากร