ข่าวสุขภาพ
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ กิจกรรม ESG CSR Health Economy บริจาครพ.ต่างๆ
น่าสนใจไทยแลนด์
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

สธ.ตั้ง คกก.สืบข้อเท็จจริงรอง นพ.สสจ.โคราช กรณีจัดโครงการอบรมเท็จ

สธ.ตั้ง คกก.สืบข้อเท็จจริงรอง นพ.สสจ.โคราช กรณีจัดโครงการอบรมเท็จ Thumb HealthServ.net
สธ.ตั้ง คกก.สืบข้อเท็จจริงรอง นพ.สสจ.โคราช กรณีจัดโครงการอบรมเท็จ ThumbMobile HealthServ.net

ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 9 เผย การตรวจสอบรอง นพ.สสจ.นครราชสีมา กรณีจัดโครงการอบรมเท็จ คงให้เป็นหน้าที่ของตำรวจและปปท. ส่วนการดำเนินการทางวินัยข้าราชการมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงแล้ว และอาจมีคำสั่งไม่ให้ปฏิบัติงานที่มายุ่งเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยหากมีมูลจะเข้าสู่การสอบสวนทางวินัยต่อไป


         16 มีนาคม 2566 นายแพทย์ภูวเดช สุระโคตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 9 กล่าวถึงข่าวเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) ตรวจสอบคดีทุจริตโครงการจัดอบรมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขตำบลและอำเภอ 32 อำเภอในจังหวัดนครราชสีมา แต่ไม่ได้มีการจัดอบรมจริงโดยมีการเข้าตรวจบ้านพักของ นายสันติ ทวยมีฤทธิ์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ว่า เรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการทางคดีของหน่วยงานด้านการปราบปรามทุจริตแล้ว ดังนั้น ในทางคดีจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระทรวงสาธารณสุข ผู้ต้องสงสัยต้องชี้แจงพิสูจน์ตนเองภายใต้กระบวนการยุติธรรม ส่วนการดำเนินการทางวินัยข้าราชการ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยราชการต้นสังกัดนั้น เบื้องต้น นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมาได้รายงานข้อมูลมายังปลัดกระทรวงสาธารณสุขแล้ว และจะต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาทางวินัยก่อนจึงจะสรุปได้ว่ามีความผิดทางวินัยราชการหรือไม่ โดยเริ่มจากการแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง หากพบว่ามีมูลตามข้อกล่าวหา จะแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยต่อไป ซึ่งการพิจารณาส่วนหนึ่งจะใช้ข้อมูลจากการสืบสวนของตำรวจและเจ้าหน้าที่ ปปท.ด้วย เมื่อได้ผลสรุปแล้ว คณะกรรมการจะรายงานต่อปลัดกระทรวงสาธารณสุขโดยโทษทางวินัยราชการจะมี 2 ระดับ คือ โทษวินัยไม่ร้ายแรง คือ ภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน ลดขั้นเงินเดือนและโทษวินัยร้ายแรง คือ การปลดออกและไล่ออก
 
          สำหรับกรณีดังกล่าวเป็นการจัดโครงการอบรมในช่วงปีงบประมาณ 2562 ขณะนี้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงแล้ว และระหว่างที่ตรวจสอบอาจมีคำสั่งไม่ให้ปฏิบัติงานที่มายุ่งเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเพื่อประโยชน์ในการสืบสวน รวมถึงอาจให้มีการตรวจสอบโครงการจัดอบรมในพื้นที่ย้อนหลัง ส่วนโครงการปัจจุบันให้ดำเนินการอย่างรัดกุมไม่ให้ผิดหรือละเมิดระเบียบ ยืนยันว่า กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญกับการป้องกันและป้องปรามการทุจริต ตรวจสอบการดำเนินการต่างๆ ให้เป็นไปตามระเบียบ หากมีความผิด มีโทษทางราชการจะเสนอเข้าสู่กระบวนการของ อ.ก.พ.กระทรวงสาธารณสุข ในการตัดสินเอาผิดทางวินัยต่อไป ทั้งนี้ ขอย้ำให้ข้าราชการและบุคลากรกระทรวงสาธารณสุขทุกคน ทุกตำแหน่ง ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรอบคอบและระมัดระวังยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ
สธ.ตั้ง คกก.สืบข้อเท็จจริงรอง นพ.สสจ.โคราช กรณีจัดโครงการอบรมเท็จ HealthServ

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เปิดปฏิบัติการปูพรมตรวจค้นยึดทรัพย์สิน มูลค่ารวมกว่าสองล้านบาท ภายใต้ “แผนปฏิบัติการตรวจค้นคนสาธารณสุข”

 
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) สืบเนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ท. มีมติให้ไต่สวนข้อเท็จจริงการทุจริตจัดโครงการอบรมเท็จของสาธารณสุขอำเภอด่านขุนทด โดยจากพยานหลักฐานพบว่า มีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงถึงเจ้าหน้าที่สังกัดสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา สำนักงาน ป.ป.ท. ในฐานะฝ่ายเลขานุการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.)
 
จากการสืบสวนพบว่า มีสาธารณสุขอำเภอ อีกจำนวน 28 แห่ง มีพฤติการณ์เชื่อได้ว่ามีการจัดอบรมเท็จเช่นกัน และพบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงบุคคลต้องสงสัย เบื้องต้นพบความเสียหายจากการทุจริตจัดอบรมเท็จ ประมาณกว่า 4 ล้านบาท
 
 
 
สธ.ตั้ง คกก.สืบข้อเท็จจริงรอง นพ.สสจ.โคราช กรณีจัดโครงการอบรมเท็จ HealthServ
 เมื่อวันที่ 15 มี.ค.66 ตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 4 จุด ประกอบด้วย บ้านพักของเจ้าหน้าที่ระดับสูง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา และบ้านพักของอดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ สามารถยึดทรัพย์สินได้หลายรายการ เช่น รถยนต์ พระเครื่อง นาฬิกา เงินสด กระเป๋าแบรนด์เนม และเครื่องประดับหลายรายการซึ่งอยู่ระหว่างการประเมินราคาทรัพย์สิน มูลค่าการตรวจยึดทรัพย์สินดังกล่าวมีมูลค่ารวมกว่าสองล้านบาท 
 
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จะบูรณาการการทำงานร่วมกับ ปปง ,ป.ป.ท. และ ป.ป.ช. ดำเนินการสืบสวนสอบสวนโครงการของรัฐมีการทุจริต ซึ่งทำให้ราชการได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก โดยจะมีการเชื่อมโยง แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินคดีกับเจ้าพนักงานของรัฐที่กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมาย รวมถึงการตรวจค้น ตรวจยึด อายัดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องการกระทำความผิดอันเป็นการตัดวงจรอาชญากรรมเกี่ยวกับการกระทำความผิดมูลฐานและตัดเส้นทางการเงินของผู้กระทำผิดตามกฎหมายต่อไป

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด