เมื่อเดือนพฤษภาคม 2023 ที่ผ่านมา ในการประชุม Google I/O ประจำปี 2023 กูเกิ้ลได้เปิดตัวโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ใหม่เพื่อแข่งขันกับ ChatGPT เรียกว่า Bard รองรับมากกว่า 100 ภาษาและได้เกรด A สำหรับการทดสอบภาษาและการแพทย์
และในงานเดียวกันนี้ ได้มีการเปิดตัว PaLM 2 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม AI สำหรับวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์ มีจุดมุ่งหมาย 2 ประการที่สำคัญ คือ 1) เพื่อช่วยแพทย์จัดการงานประจำวัน (routine tasks) และ 2) หาคำตอบที่เชื่อถือได้ เพื่อตอบคำถามจากผู้ป่วย
แม้ว่า PaLM 2 จะไม่สามารถแทนที่แพทย์ได้ทั้งหมด แต่แพทย์และ PaLM 2 จะเป็นคู่ขวัญที่แนบแน่นขาดกันไม่ได้แน่นอนในอนคต นั่นเป็นเพราะเครื่องมือ AI ที่จะนำมาใช้ในด้านการแพทย์และการดูแลสุขภาพ จะทวีความสำคัญขึ้นเรื่อยๆ PaLM 2 จะเข้ามาช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน คุณภาพของการวินิจฉัยและผลการรักษา ไปจนถึงจัดการกระบวนการดูแลที่เฉพาะเจาะจง ให้เป็นไปโดยอัตโนมัติได้
AI มีความหมายอย่างไรต่อการดูแลสุขภาพ?
PaLM 2 ย่อมาจาก Pathways Language Model มีความสำคัญมากกว่า Bard สำหรับการแพทย์ ด้วยพารามิเตอร์ 540,000 ล้านพารามิเตอร์ มันดึงความรู้จากเอกสารทางวิทยาศาสตร์และเว็บไซต์ ให้คำตอบอย่างเป็นเหตุเป็นผล และยังสามารถคำนวนคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนได้
Google วางแผนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์และคุณสมบัติใหม่ 25 รายการ และ PaLM 2 ที่มีฟีเจอร์สำหรับแพทย์เป็นหนึ่งในนั้น นาย Sundar Pichai ซีอีโอของ Google ได้สาธิตวิธีที่ AI สามารถอธิบายผลจากภาพฟิล์มเอ็กเรย์ได้ เขากล่าวไว้ง่ายๆ ว่า "คุณเพียงแค่ต้องถามคำถามที่ถูกต้องกับระบบ AI เช่น อะไรอยู่ในภาพนี้ หรือ คุณช่วยเขียนรายงานการวิเคราะห์เอ็กซ์เรย์ทรวงอกนี้ให้ฉันได้ไหม" อะไรทำนองนี้
แน่นอนว่าความรู้จากผู้เชี่ยวชาญจะทำให้ AI ทำงานได้แม่นยำขึ้น
แพทย์ต้องเรียนรู้คำสั่งพร้อมต์
ในช่วงปลายฤดูร้อนปี 2023 นี้ Med-PaLM 2 จะพร้อมให้บริการแก่ลูกค้าบางกลุ่มที่ใช้ Google’s Cloud พวกเขาจะมีโอกาสทดสอบโมเดล และร่วมแสดงความเห็น เพื่อที่กูเกิ้ลจะได้นำไปปรับปรุง บริษัทตั้งเป้าว่า ในอนาคต ระบบ AI จะสามารถสังเคราะห์ข้อมูลจากภาพและเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้คำแนะนำที่เหมาะสมแก่ผู้ป่วยได้ดียิ่งขึ้น
การพัฒนานี้ย้ำถึงความสำคัญที่แพทย์จำเป็นต้องเรียนรู้การกำหนดคำสั่ง (พรอมต์) เพื่อให้สามารถสื่อสารกับปัญญาประดิษฐ์ได้อย่างลื่นไหลไร้รอยต่อ
คำสั่งพร้อมต์ที่เหมาะและใช่ มีความสำคัญในการสื่อสารกับ AI เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการหรือมีความจำเพาะเจาะจงลงไปได้ เช่น การอธิบายภาพแมมโมแกรม หรือ สร้างสรรค์ภาพในรูปแบบที่เลือกไว้
โรงพยาบาลแห่งแรกที่ประกาศรับสมัคร วิศวกร AI เพื่อทดสอบ ChatGPT และ LLM
โรงพยาบาลเด็กแห่งบอสตัน (Boston Children’s Hospital) ประกาศรับสมัครงานในตำแหน่ง "AI Prompt Engineer" ซึ่งหมายถึง ผู้เชี่ยวชาญในการจัดการข้อความค้นหาด้วย AI (AI query handling) กำหนดคุณสมบัติไว้ว่า ผู้สมัครต้องมีประสบการณ์ด้าน AI และระบบ Machine Learning หน้าที่ของเขา (หากผ่าน) คือการทดสอบการใช้ ChatGPT ในกิจกรรมด้านการดูแลสุขภาพและกิจกรรมของโรงพยาบาล
การจะใช้งานระบบโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Models - LLM) ได้นั้น จำเป็นต้องมีทักษะเฉพาะ โดยเฉพาะการเขียนชุดคำสั่ง ซึ่งส่งผลต่อ "การตอบสนองของอัลกอริทึมที่แม่นยำ"
นั่นจึงเกิดมีคำถามใหม่ต่อการเรียนแพทย์ในอนาคตว่า การเรียนรู้การใช้ภาษา AI จะเป็นหนึ่งในวิชาที่ต้องเรียนในโรงเรียนแพทย์และหลักสูตรการศึกษาต่อเนื่องในเร็วๆ นี้หรือไม่?
คำตอบตอนนี้ ก็มองกันว่า มันน่าจะต้องเป็นอย่างนั้น
โฆษณารับสมัครงานของโรงพยาบาลเด็กบอสตัน บ่งบอกถึงข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความรู้และประสบการณ์ที่จำเป็น สำหรับวิศวกรหรือผู้เชี่ยวชาญที่จะทำงานร่วมกับ AI หรือที่เรียกว่า AI Query Creation Engineer ซึ่งบทบาทของอาชีพนี้ จะรับผิดชอบหลายสิ่งเกี่ยวข้องกับ AI ต่อไปนี้:
- การออกแบบและพัฒนาแบบสอบถาม AI โดยใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (เช่น ChatGPT) และโซลูชันอื่นๆ ที่เกิดขึ้นจากการวิจัยด้านสุขภาพและการปฏิบัติทางคลินิก
- ทำงานร่วมกับนักวิจัยและแพทย์เพื่อทำความเข้าใจความต้องการของพวกเขาและออกแบบแบบสอบถาม AI สำหรับการรวบรวมข้อมูล
- การใช้โมเดลแมชชีนเลิร์นนิงในการวิเคราะห์ข้อมูล
- การปรับแต่งโมเดลภาษา
- การทดสอบและประเมินประสิทธิภาพของคิวรี AI
- การเพิ่มประสิทธิภาพไลบรารีการสืบค้นที่มีอยู่และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการเรียนรู้ของเครื่อง
- ช่วยเหลือสมาชิกในทีมคนอื่นๆ สร้างแบบสอบถาม AI
- การติดตามความก้าวหน้าของ AI ในการดูแลสุขภาพ
ซึ่งสำหรับการใช้ AI ในทางการแพทย์ในอนาคต ตัวแพทย์อาจจะต้องเป็นระดับพหูสูตร คือเป็นทั้งแพทย์และทั้งวิศวกรด้านพร้อมต์ในตัวคนๆ เดียว เพื่อจะได้ควบคุมใช้งาน AI ได้อย่างอยู่หมัดนั่นเอง
ข้อมูลจาก ICT & Health GOOGLE’S NEW AI DESCRIBES X-RAYS AND ANSWERS PATIENT QUESTIONS