ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า ธุรกิจด้านการแพทย์และความงาม ถือเป็นธุรกิจที่มาแรงติดอันดับ 1 ใน 3 ของประเทศไทย ด้วยพฤติกรรมของประชาชนที่เริ่มหันมาใส่ใจและดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้ง กระแสสังคมปัจจุบันที่ให้ความสำคัญต่อรูปลักษณ์ และความงาม ทำให้มีผู้รับบริการชาวไทยและชาวต่างประเทศหลั่งไหลเข้ามารับบริการทางการแพทย์ ด้านการเสริมความงามกับสถานพยาบาลไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วยสถานพยาบาลของประเทศไทยมีชื่อเสียงในเรื่องคุณภาพ มาตรฐาน และราคาที่สมเหตุผล
ดังนั้น กรม สบส. จึงได้ดำเนินโครงการพัฒนาเชิงวิชาการให้แก่สถานพยาบาล โดยมุ่งเน้นการให้ความสำคัญในการส่งเสริมอุตสาหกรรมการแพทย์และบริการสุขภาพ ด้วยการพัฒนาระบบประกันภัยเสริมความงามของประเทศไทย โดย คปภ.ได้พัฒนากรมธรรม์ประกันภัยจากการเสริมความงาม
ในเบื้องต้นจะมีรูปแบบผลิตภัณฑ์ 3 ประเภท ได้แก่
1) กรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองการทำศัลยกรรมเสริมความงามและอุบัติเหตุ ให้การคุ้มครองภาวะแทรกซ้อนหรือผลข้างเคียงจากการทำศัลยกรรมเสริมความงาม โดยมีการจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ตามจริงทั้งในกรณีเป็นผู้ป่วยใน หรือผู้ป่วยนอกที่เป็นการรักษาต่อเนื่องจากผู้ป่วยใน ตามจำนวนเงินที่ระบุในกรมธรรม์
2) กรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายผู้ประกอบการวิชาชีพแพทย์ สำหรับแพทย์ผู้ทำการรักษา ให้ความคุ้มครองในกรณีที่แพทย์เกิดความผิดพลาดจากการให้บริการ จนก่อให้เกิดการบาดเจ็บทางร่างกาย จิตใจ หรือเกิดการเสียชีวิตของผู้รับบริการ ซึ่งจะมีการจ่ายค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดี และชดใช้ค่าเสียหายแทน หากแพทย์มีความรับผิดตามกฎหมาย ไม่เกินจำนวนเงินที่ระบุในกรมธรรม์ และ
3) กรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดจากวิชาชีพ สำหรับผู้ปฏิบัติงานด้านความงาม ซึ่งจะคุ้มครองกรณีเกิดความรับผิดตามกฎหมายจากการบริการทางวิชาชีพ โดยจ่ายชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้รับบริการ หากผู้เอาประกันภัยต้องมีความรับผิดตามกฎหมาย โดย คปภ.จะหารือร่วมกับสมาคมประกันภัยภาคเอกชน เพื่อออกแบบและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่อไป
ทพ.อาคมฯ กล่าวต่อว่า นอกจากผลิตภัณฑ์ 3 ประเภทข้างต้นแล้ว กรม สบส. ยังได้สนับสนุนเนื้อหาวิชาการ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ คปภ. สภาองค์กรของผู้บริโภค และสมาคมประกันภัยภาคเอกชน ในการพัฒนากรมธรรม์ประกันภัย ประเภทที่ 4 คือ กรมธรรม์ประกันภัยผลกระทบจากการเสริมความงาม (Aesthetic Liability Insurance) ในการคุ้มครองผู้รับบริการทั้งชาวไทยและต่างประเทศ โดยอาจจะมีมาตรการให้ชาวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามารับบริการทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการเสริมความงาม ซื้อกรมธรรม์ประเภทดังกล่าว เพื่อสร้างความสะดวกและความมั่นใจในการรับบริการทางการแพทย์หรือบริการเสริมความงามจากสถานพยาบาลไทย และขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็น Aesthetic Medical Hub