ข่าวสุขภาพ
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ กิจกรรม ESG CSR Health Economy บริจาครพ.ต่างๆ
น่าสนใจไทยแลนด์
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

ชูวิทย์ รับป่วยมะเร็งตับจริง ระยะ 3 เข้า 4 ลั่น กล้าแฉ เพื่อปลดปล่อยความจริงที่ใครก็ไม่กล้า

ชูวิทย์ รับป่วยมะเร็งตับจริง ระยะ 3 เข้า 4 ลั่น กล้าแฉ เพื่อปลดปล่อยความจริงที่ใครก็ไม่กล้า Thumb HealthServ.net
ชูวิทย์ รับป่วยมะเร็งตับจริง ระยะ 3 เข้า 4 ลั่น กล้าแฉ เพื่อปลดปล่อยความจริงที่ใครก็ไม่กล้า ThumbMobile HealthServ.net

นายชูวิทย์ กมลวิสิษฎ์ เปิดใจในรายการกรรมกรข่าว คุยนอกจอ ยอมรับว่าตนป่วยเป็น"มะเร็งตับ"
จริง เข้ารับการรักษาทำคีโมมาอย่างต่อเนื่อง ลั่น "ความสุขของผมคือการที่ได้พูดแล้วให้คนอื่นๆ ได้รับรู้ความจริง ความจริงในสิ่งที่บางคนไม่กล้าพูด หรือไม่รู้ การพูดของผมคือการปลดปล่อยบางสิ่งบางอย่างในตัวผมออกมา"

หลังจากได้เปิดเผยผ่านสื่อในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2566 ในกรณีเปิดเผยข้อมูลของตัวแทนเข้ารับการคัดเลือกเป็นนายกของประเทศไทยคนที่ 30 โดยในงานได้แง้มถึง อาการป่วยของตนเองไว้ว่า 

"ผมอาจมีชีวิตอยู่อีกไม่นาน เพิ่งกลับจากการไปฉีดคีโมที่โรงพยาบาล รักษาอาการป่วยมะเร็ง"

ทำให้สังคมสงสัยและพุ่งความสนใจ เกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยของนายชูวิทย์

ล่าสุด  นายชูวิทย์ เปิดใจในรายการ รายการ กรรมกรข่าว คุยนอกจอ ถึงอาการป่วยของตัวเองว่า ตนป่วยเป็น"มะเร็งตับ" ระยะที่ 3 ย่างเข้า 4 แล้ว และมีการรักษาทำคีโมมาอย่างต่อเนื่อง  
 
 
 
ชูวิทย์ รับป่วยมะเร็งตับจริง ระยะ 3 เข้า 4 ลั่น กล้าแฉ เพื่อปลดปล่อยความจริงที่ใครก็ไม่กล้า HealthServ
 


นายชูวิทย์ กล่าวถึงชีวิตไว้ว่า  "ผมอาจจะมีชีวิตอยู่อีกไม่นาน ชีวิตเปรียบเสมือนเส้นด้าย ซึ่งอาจจะเป็นเส้นสุดท้ายนั้น นายชูวิทย์ บอกว่า อาการในระยะที่ 3 จะเข้าระยะ 4 ซึ่งหมายถึงเชื้อมะเร็งมีโอกาสจะกระจายไปยังจุดต่างๆได้ และเป็นที่ทราบกันดีว่า มะเร็ง ในระยะที่ 4 นั้นก็หมายถึงเป็นระยะสุดท้ายแล้ว "
 
 
วิธีการที่ผมดำรงชีวิตอยูในขณะนี้ก็จะเป็นเหมือนเส้นด้ายที่ถูกดึงออกจากแกนในช่วงสุดท้าย และภารกิจนี้จึงเป็นภารกิจที่สำคัญที่สุดที่ชีวิตนี้ผมมีอยู่ เรื่องที่ผมพูดเมื่อวานนี้ สุขภาพมันก็เป็นเรื่องปกติ เกิดแก่เจ็บตาย ซึ่งหลังจากที่ผมไปก็อยากจะฝากอะไรไว้บ้าง
 
 
พิธีกรในรายการ ถามนายชูวิทย์ ว่าเอาเวลาไปรักษาตัวดี อย่าเครียดดีกว่าไหม? 
 
นายชูวิทย์ ตอบชัดเจนว่า " ผมไม่เครียด ผมกำลังสนุกกับมันนะ นี่เป็นสิ่งที่ผมทำแล้วมีแพสชั่น เป็นสิ่งที่ผมมุ่งมั่น และมีความสุข ความสุขของผมคือการที่ได้พูดแล้วให้คนอื่นๆ ได้รับรู้ความจริง ความจริงในสิ่งที่บางคนไม่กล้าพูด หรือไม่รู้ การพูดของผมคือการปลดปล่อยบางสิ่งบางอย่างในตัวผมออกมา"
 
 
นายชูวิทย์ ได้เปิดเผยอาการป่วยของตนครั้งนี้ ในห้วงเวลาที่การเมืองในประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน หลังการเลือกตั้ง และสังคมจับตาแคนดิเดดตัวเลือก และการโหวตเลือกนายกคนต่อไปของประเทศไทย ที่จะทำหน้าที่ต่อจากนายกฯรักษาการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่จะพ้นตำแหน่งหลังเลือกนายกคนใหม่แล้ว 
ชูวิทย์ รับป่วยมะเร็งตับจริง ระยะ 3 เข้า 4 ลั่น กล้าแฉ เพื่อปลดปล่อยความจริงที่ใครก็ไม่กล้า HealthServ

ดนัย เอกมหาสวัสดิ์ พิธีกรรายการข่าว เจาะลึกทั่วไทย กล่าวในรายการวันที่ 4 สิงหาคม 2566 ว่า ตนเคยทราบข่าวจากหมอท่านหนึ่ง บอกไว้ว่า นายชูวิทย์ ป่วยเป็นมะเร็ง และจะตายใน 8 เดือน พิธีกรคนดังกล่าวว่า น่าแปลกใจระคนตกใจที่ทราบข่าว เนื่องจากก่อนหน้า คุณชูวิทย์ได้แสดงให้เห็นว่าสุขภาพแข็งแรงดี มีการออกกำลังกาย มีการฟิตกล้ามเนื้อ จนยากจะเชื่อว่าป่วยเป็นมะเร็ง และทิ้งท้ายว่า พักหลัง ก็เห็นสภาพร่างกายคุณชูวิทย์เปลี่ยนแปลงไปอย่างสังเกตได้ 


เปิดปากยอมรับเป็นมะเร็งจริง

 
4 สิงหาคม 2566 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า ป่วยเป็นโรคมะเร็งตับ มีเวลาเหลืออีกไม่  8 เดือน ตนจะขอใช้ชีวิตในช่วงสุดท้ายด้วยความเต็มใจ การที่ตนออกมาแฉ ออกมาพูด เนื่องจากคนอื่นไม่กล้า ซึ่งตนทำด้วยความเต็มใจ และทำด้วยความสุขของตัวเอง แม้ว่าลูกเมีย และเพื่อนฝูงอยากให้อยู่แบบสงบ ไปพักผ่อนก็ตาม
 
เป็นครั้งแรกที่ นายชูวิทย์ กล่าวถึงอาการป่วยมะเร็งของตนเองอย่างชัดเจน ต่อสาธารณะ 
 
"แต่ผมก็อยากให้ทุกคนทราบว่า ผมได้ใช้ชีวิตในช่วงสุดท้ายที่แตกต่างกับคนอื่น อาจจะนั่งในสวน หรือบนโซฟา คิดระลึกถึงสิ่งที่ผ่านมาว่าทำอะไรไป หรืออาจจะนอนอยู่ในโรงพยาบาลมีสายยางระโยงระยาง หรือไม่ วันนึงอาจจะตื่นขึ้นมาแล้วเป็นอัมพฤกษ์อัมพาต ซึ่งตนเป็นคนที่ใช้ชีวิตทุกวันให้เหมือนวันสุดท้าย ดังนั้นอะไรที่ตนทำได้ ก็จะทำ อะไรที่มีความสุขทำได้ก็ทำ" นายชูวิทย์ กล่าวกับผู้สื่อข่าว หลังจากการมายื่นเอกสารต่ออธิบดีกรมสรรพากร เพื่อตรวจสอบบริษัทอสังหาริมทรัพย์ และนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ว่ามีพฤติการณ์ในการหลบเลี่ยงการเสียภาษีมูลค่ากว่า 521 ล้านบาทหรือไม่ หลังจากเปิดแถลงข่าวกรณีไปเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2566
 
 
 
 
ชูวิทย์ รับป่วยมะเร็งตับจริง ระยะ 3 เข้า 4 ลั่น กล้าแฉ เพื่อปลดปล่อยความจริงที่ใครก็ไม่กล้า HealthServ

ชูวิทย์ ให้สัมภาษณ์ดังนี้

"ผมจะเรียนให้ทราบง่ายๆ ผมใช้ชีวิตช่วงสุดท้ายแตกต่างจากคนอื่น แตกต่างยังไง ผมกินเหล้า ผมสูบบุหรี่ ผมออกมาแฉ ผมออกมาพูด คนอื่นไม่กล้า ผมทำด้วยความเต็มใจ ผมทำด้วยความสุขของผม แน่นอนลูกเมียครอบครัวเขาอยากจะให้ผมไปพักผ่อนอยู่สงบสงบเถอะพ่อ เพื่อนฝูงก็บอกว่าเอาเบาเบาหน่อย แต่ผมเรียนให้ทราบว่า ผมใช้ชีวิตในช่วงสุดท้ายแตกต่างจากคนอื่น ผมอาจจะนั่งในสวน นั่งอยู่บนโซฟา คิดระลึกถึงสิ่งที่ผ่านมา ว่าผมทำอะไรไป หรือผมอาจจะนอนอยู่ในโรงพยาบาล มีสายยางระโยงระยาง หรือวันนึงผมอาจจะตื่นขึ้นมาเป็นอัมพฤกษ์อัมพาต ดังนั้นผมเป็นคนใช้ชีวิตทุกวันทุกวันเหมือนวันสุดท้าย แล้วเรื่องอะไรที่ผมทำได้ผมทำ อะไรที่มีความสุขผมก็ทำ หมอบอกว่าอย่าทำ ผมบอก หมอ ไม่ทำแล้วมันจะหายไหม หมอบอกไม่หาย อย่างนั้นอย่าบอกแล้วกันว่าให้ผมไม่ต้องงด ผมก็ทำของผมมีความสุข ดังนั้นการกระทำของผมเนี่ย ผมทำให้กับประเทศ ผมทำให้กับสังคม ผมมีความสุข ผมต้องการตำแหน่งมั๊ย ผมไม่ต้องการตำแหน่ง จะให้เงินผมมั๊ย ผมไม่ต้องการ คุณเคยให้ผมมาแล้วไง 6 ล้าน ผมก็เอาไปให้โรงพยาบาล ดังนั้นถ้าถามผมว่า ผมเป็นอะไรไหม สิ่งที่ผมเป็น มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสิ่งที่ผมทำเลย ผมเป็นคนใช้ชีวิตด้วยความสุข ใช้ชีวิตในวัยสุดท้าย วันเวลาสุดท้ายอย่างมีความสุข ผมเลือกวิถีชีวิตแบบนั้น  ไม่กินนู่นนะ ไม่กินนี่นะ แล้วมันหาย(ไหม) มันไม่หาย เมื่อมันไม่หาย ไวน์ขวดเท่าไหร่ ขวดละ 3 แสน มึงรีบเปิดเลยนะ มึงรีบเปิดกินวันนี้เลย ตั้งแต่วันนี้ เพราะอะไร เพราะกูไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะได้กินหรือเปล่า นั่นก็คือนิยามในการใช้ชีวิตของผม บางคนก็อาจจะไม่ได้ใช้ ดังนั้นชีวิตใครชีวิตมัน  ผมเลือกวิถีทางแบบนี้แล้ว มันเป็นวิถีทางปลายทาง บางคนอาจจะเข้าวัดเข้าวา บางคนอาจจะนั่งธรรมะธรรมโม แต่ผมเป็นคนใช้ชีวิตแบบนี้ เลือกเอาความสุขในวาระสุดท้าย ผมมีหมายกำหนดการ หมายกำหนดการของผม เค้าแมกซิมั่นผม อยู่ไม่เกินแปด เพราะฉะนั้นคุณต้องดีใจนะ คุณอาจจะคิดถึงผม ในวันที่ผมไม่อยู่ คุณอาจจะคิดถึงว่า เอ๊ะมันขาดอะไรไป ซักวันนึง วันรุ่งขึ้นทุกอย่างก็เหมือนเดิมแหละครับ มันไม่มีอะไรเปลี่ยนหรอกครับ ผมไป ผมก็ไปในที่ที่สวยงาม ผมไปในที่ที่ผมคิดว่าผมไปแล้วทุกคนมีความสุข ลูกหลานไม่ต้องไปจัดงานให้สิ้นเปลือง เพราะผมมอบร่างกาย นี่ยังดีนะที่ผมอยากมีโอกาสมาคุยกับคุณ มันดีกว่าคนบางคนซะด้วยซ้ำนะ ที่เปิดมาแล้วอัมพฤกษ์อัมพาต จำอะไรไม่ได้ ยังมีโอกาสร่ำ มีโอกาสลากัน เพราะฉะนั้นอย่าไปคิดครับ เกิดแก่เจ็บตายมันเรื่องธรรมดา ไอ้ผมนี่มันไม่กลัวไง คุณถึงกลัวผมไง เพราะถ้าคนอื่นเค้าหวังได้โน่นได้นี่ หวังว่าจะใหญ่จะโต หวังว่าจะมีตำแหน่ง แต่ผมเห็นว่าไม่เหมาะสม ผมก็เลยนำเรื่องนี้มาพูดให้พวกคุณและสังคมได้ฟัง และสังคมก็เป็นผู้พิจารณา - Nation Online
 
 

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด