ข่าวสุขภาพ
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ กิจกรรม ESG CSR Health Economy บริจาครพ.ต่างๆ
น่าสนใจไทยแลนด์
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

เริ่มแล้วโครงการ Quick Win ภายใต้นโยบาย 30 บาทพลัส

เริ่มแล้วโครงการ Quick Win ภายใต้นโยบาย 30 บาทพลัส Thumb HealthServ.net
เริ่มแล้วโครงการ Quick Win ภายใต้นโยบาย 30 บาทพลัส ThumbMobile HealthServ.net

เริ่มแล้วโครงการ Quick Win ภายใต้นโยบาย 30 บาทพลัส "หมอชลน่าน"ประกาศชัด เร่งฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกให้หญิง 11 - 20 ปี ทั่วประเทศ 1 ล้านโดส ภายใน 100 วัน หลังตัวเลขสาวไทยป่วยปีละ กว่า 6,000 ราย

นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า มะเร็งปากมดลูก เป็นโรคที่พบมากในหญิงไทยเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งเต้านม  มีผู้เสียชีวิตปีละประมาณ 2,000 รายโดยมะเร็งชนิดนี้ เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Human papillomavirus (HPV) ที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีนที่ต้องฉีดตั้งแต่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ 


นายแพทย์ชลน่านกล่าวต่อว่า ประเทศไทยได้กำหนดให้บริการฉีดวัคซีน HPV จำนวน 2 เข็ม เป็นสิทธิประโยชน์สำหรับนักเรียนหญิงชั้นป. 5 ตั้งแต่ พ.ศ. 2560 (ปัจจุบันมีอายุ 17 ปี) ดังนั้น ผู้หญิงอายุ 18 ปีขึ้นไป จึงยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนนี้ ประกอบกับในปี 2562-2565 ทั่วโลกประสบปัญหาวัคซีนขาดชั่วคราวในช่วงโควิดระบาด ทำให้กลุ่มเป้าหมาย ป.5 ในปีนั้น ซึ่งปัจจุบันอายุ 13-15 ปีไม่ได้รับการฉีดวัคซีน จึงได้กำหนดให้การฉีดวัคซีน HPV เป็นหนึ่งในนโยบาย Quick win “มะเร็งครบวงจร” โดยเร่งรัดการฉีดวัคซีนสำหรับหญิงอายุ 11-20 ปี ซึ่งได้มอบหมายให้กรมควบคุมโรคเร่งกำหนดแนวทางการให้วัคซีน และให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดประเมินจำนวนกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งมอบให้ สปสช. เร่งจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม 
 

“การฉีดจะมี 2 ส่วน คือ กลุ่มเด็ก ป.5 - ม.6 จะฉีดผ่านสถานศึกษา (School-based program) โดยร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการฉีดเป็นกลุ่มเหมือนกับที่เคยฉีดวัคซีนโควิด ส่วนอีกกลุ่มที่เป็นเด็กนอกระบบการศึกษา รวมถึงหญิงอายุ 18-20 ปี ที่จบชั้น ม.6 แล้ว จะได้รับการฉีดที่สถานพยาบาล ตั้งเป้าหมายว่าต้องฉีดวัคซีน HPV ให้ได้อย่างน้อย 1 ล้านโดสภายในเวลา 100 วัน” นายแพทย์ชลน่าน กล่าว







 

นโยบาย Quick Win 12 ประเด็น ที่รัฐมนตรี สธ. ให้นโยบายไว้ ได้แก่

1.โรงพยาบาล กทม. 50 เขต 50 โรงพยาบาล และปริมณฑล
2.สุขภาพจิต/ยาเสพติด
3.มะเร็งครบวงจร
4.สร้างขวัญกำลังใจบุคลากร
5.การแพทย์ปฐมภูมิ
6.สาธารณสุขชายแดนและพื้นที่เฉพาะ
7.สถานชีวาภิบาล
8.พัฒนาโรงพยาบาลชุมชนแม่ข่าย
9.ดิจิทัลสุขภาพ
10.ส่งเสริมการมีบุตร
11.เศรษฐกิจสุขภาพ
12.นักท่องเที่ยวปลอดภัย 

ร่วมกับ 2 นโยบายหลัก คือ การพัฒนางานสาธารณสุขตามแนวพระราชดำริและโครงการเฉลิมพระเกียรติของพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ และยกระดับ 30 บาทพลัส


“ใน 100 วันแรก กระทวงสาธารณสุขและหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้อง จะร่วมกันผลักดันนโยบายเรื่องต่างๆ ให้เห็น Quick Win ที่เป็นรูปธรรม เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ขณะเดียวกันก็จะไม่ละเลยการดูแลบุคลากรสาธารณสุขทุกคน เพราะเชื่อว่า เมื่อผู้ให้บริการมีความสุข ย่อมส่งผลถึงประชาชนผู้รับบริการด้วยเช่นกัน และหวังว่าเราจะมีระบบสาธารณสุขที่เหมาะสมสำหรับทุกคนบนผืนแผ่นดินไทยต่อไป”  นพ.ชลน่านกล่าว 


สปสช.พร้อมรับนโยบาย Quick Win บัตรปชช.ใบเดียวรักษาทุกที่ ทำได้รวดเร็ว LINK

สปสช.พร้อมรับนโยบาย Quick Win บัตรปชช.ใบเดียวรักษาทุกที่ ทำได้รวดเร็ว เริ่มแล้วโครงการ Quick Win ภายใต้นโยบาย 30 บาทพลัส
สปสช.พร้อมรับนโยบาย Quick Win บัตรปชช.ใบเดียวรักษาทุกที่ ทำได้รวดเร็ว เริ่มแล้วโครงการ Quick Win ภายใต้นโยบาย 30 บาทพลัส
 เลขาธิการ สปสช. เผยความพร้อมการเดินหน้าตามนโยบายรัฐบาลและ รมว.สธ. “บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่” เชื่อเป็น Quick Win ที่สามารถทำได้รวดเร็ว หลังเทคโนโลยีมีความพร้อม-นำร่องบางส่วนมาแล้ว ยันไม่กังวลประชาชนมุ่งเข้ารับบริการ รพ.ใหญ่ มองต่อไปจะเกิดความสมดุลจากหน่วยบริการใกล้บ้านที่ถูกยกระดับมากขึ้น

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยถึงความพร้อมในการดำเนินตามนโยบายยกระดับ “30 บาทรักษาทุกโรค” ของรัฐบาล และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ว่า รมว.สธ.ได้มอบนโยบายการใช้ “บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่” ซึ่งเป็น 1 ในนโยบาย Quick Win ที่สามารถดำเนินการได้ในไม่ช้า หรืออาจเร็วกว่า 100 วันแรก โดยอาจมีการนำร่องในบางพื้นที่ก่อน หากยังไม่สามารถดำเนินการได้พร้อมกันในทั่วประเทศ ... อ่านต่อ

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด