ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

25 พฤศจิกายน วันรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล

25 พฤศจิกายน วันรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล HealthServ.net
25 พฤศจิกายน วันรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล ThumbMobile HealthServ.net

องค์การสหประชาชาติกำหนดให้วันที่ 25 พฤศจิกายน ของทุกปี เป็นวันรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล (International Day for the Elimination of Violence against Women 25 November) ประเทศไทยมีความรุนแรงต่อสตรีสูงมาก ข้อมูลพบว่าระหว่างปี 2562 – 2564 มีผู้หญิงถูกทำร้ายบาดเจ็บรุนแรงกว่าปีละ 8,577 ราย สธ.ชูแคมเปญ “Zero Tolerance for SEAH” กระตุ้นจิตสำนึกและสร้างความตระหนักแก่บุคลากร ไม่ยอมรับ ไม่เพิกเฉย และไม่อดทนต่อการแสวงหาประโยชน์ทางเพศ การล่วงละเมิดทางเพศ และการคุกคามทางเพศในการทำงานทุกรูปแบบ

25 พฤศจิกายน วันรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล HealthServ

สธ. ร่วมแสดงพลัง “ต่อต้านการแสวงหาประโยชน์ทางเพศ การล่วงละเมิดและคุกคามทางเพศในการทำงาน” เนื่องในวันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล

 
          25 พฤศจิกายน 2565 ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.จอส ฟอนเดลาร์ ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทยเป็นประธานเปิดกิจกรรมรณรงค์ “Zero Tolerance for SEAH” เนื่องในวันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล โดยมี นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ หัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวง (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ 11) บุคลากรกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมงาน

 

กิจกรรมรณรงค์ “Zero Tolerance for SEAH”




          กิจกรรมรณรงค์ “Zero Tolerance for SEAH” เนื่องในวันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต กระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกับองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย จัดขึ้นเพื่อกระตุ้นจิตสำนึกและสร้างความตระหนักแก่บุคลากรองค์การอนามัยโลกและกระทรวงสาธารณสุขให้ไม่ยอมรับ ไม่เพิกเฉย และไม่อดทน ต่อการแสวงหาประโยชน์ทางเพศ การล่วงละเมิดทางเพศ และการคุกคามทางเพศทุกรูปแบบ เป็นหน่วยงานที่เป็นที่เชื่อมั่น ศรัทธาของประชาชน รวมถึงสนองต่อมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำงาน ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2563 เรื่อง มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำงาน ตลอดจนเป็นไปตามอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ 
 

25 พฤศจิกายน วันรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล HealthServ
 

 
          นายแพทย์โอภาส กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแสวงหาประโยชน์ทางเพศ การล่วงละเมิดทางเพศ และการคุกคามทางเพศในการทำงาน ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อบุคลากรที่เป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมาย และยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนที่มีต่อองค์กรด้วย จึงได้เริ่มนโยบายและมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหาดังกล่าว ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2560 โดยกำหนดกลไกและมาตรการให้หน่วยงานและบุคลากรในสังกัดถือปฏิบัติ ซึ่งปัจจุบันมีการขับเคลื่อนแนวปฏิบัติในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำงานทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคและมีระบบกำกับติดตามอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้บุคลากรทุกคนได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพในศักดิ์ศรี ปราศจากการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ พร้อมที่จะมุ่งสู่เป้าหมายของกระทรวงสาธารณสุข คือ “ประชาชนแข็งแรง เศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง ประเทศไทยแข็งแรง”

 
           นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขยังแต่งตั้งคณะกรรมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท กรณีการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำงาน มีขั้นตอนการดำเนินการทางวินัยที่ยึดผู้ถูกกระทำเป็นศูนย์กลาง คำนึงถึงความต้องการของผู้ถูกกระทำ มีกระบวนการจัดการปัญหาที่เป็นมิตร ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อชื่อเสียงของทั้งผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ รวมถึงมีระบบให้ความช่วยเหลือ โดยขับเคลื่อนมาตรการดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพ
25 พฤศจิกายน วันรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล HealthServ

ผู้หญิงถูกทำร้ายยังคงสูงมากในไทย


           กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เผยข้อมูลการเฝ้าระวังความรุนแรงในผู้หญิงระหว่างปี 2562 – 2564 จากระบบเฝ้าระวังการบาดเจ็บ (Injury Surveillance : IS) ใน โรงพยาบาล 51 แห่งทั่วประเทศ ของกองป้องกันการบาดเจ็บ กรมควบคุมโรค พบว่า ผู้หญิงบาดเจ็บรุนแรงจากการถูกทำร้ายกว่าปีละ 8,577 ราย กลุ่มอายุที่ถูกทำร้ายมากที่สุดคือ 20 – 24 ปี (ร้อยละ 15) วิธีการถูกทำร้ายมากที่สุดคือ การถูกทำร้ายด้วยกำลังกาย (ร้อยละ 60) สถานที่ถูกทำร้ายเป็นบริเวณบ้าน (ร้อยละ 63.4) ซึ่งเป็นบ้านผู้บ้านเจ็บเองกว่า (ร้อยละ 79.7) มีความเกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ร้อยละ 11.3)
 
 
          สำหรับความรุนแรงทางเพศพบว่า ผู้หญิงอายุ 10-14 ปี ถูกทำร้ายทางเพศด้วยกำลังกายมากที่สุด (ร้อยละ 31.4) สถานที่เกิดเหตุคือที่บ้าน (ร้อยละ 62) เป็นบ้านตนเอง (ร้อยละ 45.8) และเป็นบ้านคู่กรณี (ร้อยละ 23.7) ช่วงเวลาที่เกิดเหตุมากที่สุดคือ 18.00 - 20.59 น. มีความเกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ร้อยละ 8) ประเด็นที่ต้องเฝ้าระวัง คือการถูกทำร้ายในเด็กแรกเกิด - 4 ปี  พบสาเหตุจากการถูกทำร้ายแรงทางเพศเฉลี่ยปีละ 19 ราย หรือคิดเป็น (ร้อยละ 34.8) จากสาเหตุการถูกทำร้ายที่มารับการรักษาในโรงพยาบาลที่เฝ้าระวัง การถูกทำร้ายด้วยกำลังกาย (ร้อยละ 32.9) และการถูกทำร้ายด้วยวัตถุไม่มีคม (ร้อยละ 10.4)


 

มาตรการในการป้องกันความรุนแรง

          มาตรการในการป้องกันความรุนแรงจากการถูกทำร้ายนั้น ต้องเริ่มจากระดับบุคคล ต้องไม่เพิกเฉยต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้น การเคารพสิทธิและความเท่าเทียมกันของตนเองและคนรอบข้าง หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการใช้สารเสพติด ระดับครอบครัวคือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว ทำกิจกรรมร่วมกัน เรียนรู้การควบคุมอารมณ์ และการแก้ไขปัญหาโดยไม่ใช้กำลังหรือความรุนแรงระดับชุมชน ควรเพิ่มความเข้มงวดมาตรการควบคุมการใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสารเสพติด รณรงค์การไม่เพิกเฉยต่อความรุนแรงเมื่อพบเห็นการกระทำความรุนแรง ให้รีบแจ้งหน่วยงานที่รับผิดชอบทันที หรือโทรแจ้งสายด่วนศูนย์ช่วยเหลือสังคม 1300

 

25 พฤศจิกายน วันรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล HealthServ
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด