ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

5 ความเชื่อที่ผิดเรื่องโรคต้อหิน

5 ความเชื่อที่ผิดเรื่องโรคต้อหิน HealthServ.net
5 ความเชื่อที่ผิดเรื่องโรคต้อหิน ThumbMobile HealthServ.net

คุณรู้จักโรคต้อหินหรือไม่ หลายคนไม่ทราบว่าตัวเองป่วยเป็นโรคต้อหิน และหลายคนยังมีความเชื่อที่เข้าใจผิดๆเกี่ยวกับโรคต้อหิน

5 ความเชื่อที่ผิดเรื่องโรคต้อหิน HealthServ
ความจริงแล้วโรคต้อหิน เป็นโรคความเสื่อมขั้วประสาทตาทำให้สูญเสียการมองเห็น ซึ่งผู้ป่วยมักไม่ทราบว่าตนเองป่วย และหลายคนมีความเชื่อผิดๆที่เกี่ยวกับโรคต้อหินดังนี้
 
1. ต้อหิน คือมีหินในลูกตา
ซึ่งความจริงต้อหินเกิดจากความเสื่อมของขั้วประสาทตา ส่วนใหญ่เกิดจากความดันลูกตาสูง กดทำลายเซลล์ในขั้วประสาทตาเรื่อยๆ ในช่วงแรกมักไม่มีอาการ จนลานสายตาบริเวณที่มองเห็นแคบและบอดในที่สุด ตาจะมีอาการแข็งเหมือนหินจึงเรียกว่าต้อหิน
 
2.ต้อหิน ต้องมีอาการปวดตา
ส่วนใหญ่ผู้เป็นต้อหินมักไม่มีอาการ จนขั้วประสาทตาถูกทำลายไปมาก ตาเริ่มมัวลง แต่หากเป็นต้อหินเฉียบพลัน จะมีอาการตาแดง ปวดตา ตามัวอย่างรวดเร็ว ต้องรีบพบแพทย์
 
3. การนวดรักษาต้อหินได้ 
ไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์ และยังทำให้เกิดโทษ สำหรับผู้ป่วยต้อหินระยะสุดท้ายการนวดสามารถทำให้ต้อหินแย่ลงและกระตุ้นตาให้บอดเร็วขึ้น
 
4.วิตามิน อาหารเสริมบำรุงสายตาช่วยรักษาต้อหิน
ปัจจุบันไม่มีอาหารเสริมรักษาต้อหินหากรับประทานอาหารเสริมที่ไม่ทราบส่วนประกอบยังอาจให้เกิดโทษได้อีก เช่นหากมีสารเสตียรอยด์ เป็นสารที่ผลต่อระบบร่างกายทุกระบบ ถ้าใช้อย่างไม่ถูกต้อง อาจจำไปสู่อันตรายต่อร่างกายได้
 
5.ต้อหินสามารถรักษาให้มองชัดขึ้นได้
ต้อหินเกิดจากความเสื่อมของเซลล์ขั้วประสาทตา เมื่อขั้วประสาทตาตายแล้วไม่สามารถสร้างขึ้นใหม่ได้ จึงไม่สามารถทำให้มองเห็นดีขึ้นได้ มีแต่ทรงหรือทรุด แต่สามารถชะลอยั้บยั้งต้อหินด้วยการให้ยาหยอด เลเซอร์หรือผ่าตัดเพื่อลดความดันลูกตา โดยต้องทำการวินิจฉัยจากจักษุแพทย์เท่านั้น
 
หากใครที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป มีญาติหรือคนใกล้ชิดเป็นโรคต้อหิน ควรไปพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจลูกตาอยู่สม่ำเสมอ เพื่อป้องกันโรคต้อหิน แต่เนิ่นๆ เพื่อการรักษาได้ตามอาการ หากปล่อยให้อาการมากขึ้น อาจทำให้ตาบอด เกินที่จะรักษาได้
 
 
 
ที่มา : ชมรมต้อหินแห่งประเทศไทย 
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด