บริษัท ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย จำกัด (มหาชน) (UPA) ผู้ประกอบธุรกิจในกลุ่มธุรกิจพลังงาน กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภค ในภูมิภาค CLMV+T เปิดเผยว่า บริษัท ประสบความสำเร็จในการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญ จากการบรรลุข้อตกลงกับผู้ถือหุ้นใหญ่ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง
บริษัท โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล กรุ๊ป จำกัด (GTG) เป็นผู้ประกอบการต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำด้านธุรกิจกัญชง-กัญชาแบบครบวงจรในประเทศ และเป็นผู้พัฒนากัญชงสายพันธุ์ Raksa® (รักษา) โดยได้รับใบอนุญาตนำเข้าเมล็ดพันธุ์ เพาะปลูก และมีโรงสกัดสาร CBD ภายใต้มาตรฐาน GHP (Good Hygiene Practice) และ HACCP (Hazards Analysis and Critical Control Points) เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมการแพทย์ อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม และอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง เป็นต้น โดยการลงทุนครั้งนี้ คือก้าวใหม่ของบริษัท UPA สู่ธุรกิจกัญชง-กัญชาแบบครบวงจร และสร้างโอกาสเติบโตทางธุรกิจเพิ่มเติมจากธุรกิจหลักของบริษัทในปัจจุบัน ดังจะเห็นได้จากการให้การตอบรับและให้ความสนใจของธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ต้องการนำผลิตภัณฑ์ของ GTG ไปใช้ในการผลิตสินค้าของตน
อ่านทั้งหมดได้ที่เว็บไซต์
ทันหุ้น 20 กค 64
UPA ลงทุนหุ้น GTG 100% จับมือก้าวสู่ผู้นำธุรกิจกัญชา-กัญชงแบบครบวงจร ในเอเชีย
วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 คุณกฤษณ์ ธีรเกาศัลย์ (คริส) กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล กรุ๊ป จำกัด หรือ ‘GTG’ เผยว่า บมจ.ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย (UPA) ลงทุนครั้งใหญ่เข้าซื้อหุ้นของ GTG ทั้งหมด เพื่อขยายธุรกิจกัญชง-กัญชาและเตรียมสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด
ในปัจจุบัน GTG ครอบครองใบอนุญาตแทบทุกแขนงที่เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจกัญชา-กัญชงจากภาครัฐ และยังเป็นผู้พัฒนากัญชงสายพันธุ์ Raksa® (‘รักษา’) ที่เหมาะสมกับสภาพดินและอากาศของไทย ให้สารสกัด CBD ในดอกแห้งคุณภาพสูงถึง 15.8% มากกว่าค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรมกัญชา-กัญชงโลกที่อยู่เพียง 10% และให้ปริมาณ THC ต่ำกว่า 1% ตามที่กฎหมายไทยกำหนด กัญชง Raksa® สามารถนำไปสกัดเป็น RaksaCBD® Full Spectrum ที่ได้มาตรฐาน GMP รายแรกของประเทศไทย เหมาะสมที่จะนำไปใช้ในทางการแพทย์ อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง รวมถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ โดยภายในช่วงต้นปี 2565 ผลผลิตของ Raksa® จะถูกส่งให้กับตัวแทนจำหน่ายของ GTG ได้แก่ FLORA Multi Solution, Forecus และ GeTeCe เพื่อเพิ่มกำลังผลิตของตลาด CBD ในประเทศไทย
โดยก่อนหน้านี้ GTG ได้เคยทำการระดมทุนครั้งใหญ่ราว 250 ล้านบาท โดยมี UPA ผู้ประกอบธุรกิจในกลุ่มธุรกิจพลังงาน กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภค ในภูมิภาค CLMV+T เป็นหนึ่งในผู้ลงทุน ซื้อหุ้นเพิ่มทุนและเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 4% ก่อนที่จะบรรลุข้อตกลงกับผู้ถือหุ้นใหญ่ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง GTG อีกครั้ง
“ต่อมาทางบริษัทได้รับการติดต่อขอเสนอซื้อหุ้นเพิ่มเติมจาก UPA โดยขอซื้อหุ้นทั้งหมด (100%) ของ GTG ด้วยความเชื่อมั่นในธุรกิจและมองเห็นศักยภาพ โอกาสเติบโต การพัฒนาอย่างยั่งยืนของเรา แน่นอนว่าเมื่อพูดคุยแล้ว กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมเห็นว่าหลักการและเหตุผลเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งจะเสริมให้ธุรกิจกัญชง-กัญชาของ GTG โตไปได้อย่างไร้ขีดจำกัด จึงมีความยินดีและอยู่ระหว่างการดำเนินการรับคำเสนอซื้อของ UPA ตามขั้นตอนของบริษัทจดทะเบียน โดยการควบรวมครั้งนี้จะเป็นกำลังสำคัญที่ผลักดัน GTG ก้าวสู่ตลาดกัญชง-กัญชาระดับโลก ด้วยศักยภาพแบบครบวงจร” คุณกฤษณ์กล่าว
การลงทุนครั้งนี้จะช่วยให้ UPA ก้าวสู่ธุรกิจกัญชง-กัญชาแบบครบวงจร และสร้างโอกาสเติบโตทางธุรกิจเพิ่มเติมจากธุรกิจหลักของบริษัทในปัจจุบัน ดังจะเห็นได้จากการให้การตอบรับและให้ความสนใจของธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ต้องการนำผลิตภัณฑ์ของ GTG ไปใช้ในการผลิตสินค้าของตน ซึ่ง GTG มีเป้าหมายจะทำตลาดทั้งในประเทศและส่งออกต่างประเทศด้วย โดย UPA จะเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 4,224 ล้านบาท และออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 8,449.7 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น เพื่อจัดสรรให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement: PP) แก่กลุ่มผู้ถือหุ้น GTG ทุกราย นอกจากนี้ UPA ก็จะเตรียมความพร้อมด้านเงินทุนไว้ขยายธุรกิจเพิ่มเติม รวมถึงธุรกิจที่ UPA ดำเนินการอยู่แล้ว
คุณกวิน เฉลิมโรจน์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร UPA กล่าวว่า“ด้วยเป้าหมายที่ต้องการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่องค์กรเพื่อความเติบโตและการพัฒนาอย่างยั่งยืน เราจึงตัดสินใจลงทุนครั้งใหญ่ใน GTG ซึ่งเป็นผู้ประกอบการตัวจริงในวงการอุตสาหกรรมกัญชง-กัญชาของไทย ที่มีองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญ และมีโรงสกัดสาร CBD ด้วยเทคนิคการสกัด CO2 ที่ทันสมัย ซึ่งเราเชื่อมั่นว่ากลุ่มธุรกิจนี้จะมีบทบาทสำคัญต่อการผลักดันการเติบโตของ UPA ในอนาคต จากปัจจุบันที่เรามีความแข็งแกร่งในกลุ่มธุรกิจพลังงาน ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจสาธารณูปโภคในกลุ่มประเทศ CLMV+T”
ปัจจุบัน GTG กำลังเดินหน้าก่อสร้างโรงงานปลูกและสกัดกัญชง (Hemp) ที่เป็นโรงเรือนระบบปิดมาตรฐาน ISO 8 Cleanrooms เพื่อเพิ่มการเพาะปลูกกัญชงขึ้นอีก 2 แห่งใหม่ในจังหวัดเชียงราย พร้อมจะเริ่มดำเนินการปลูกได้ภายในเดือนสิงหาคม 2564 โดยจะถือเป็นโครงการที่จะเพิ่มกำลังผลิตให้ตลาด CBD ในประเทศไทยอย่างมั่นคง และในอนาคต GTG มีแผนจะสร้างโรงงานผลิตเพิ่มเติมในกรุงเทพมหานคร (ภายในปี 2564) เพื่อรองรับความต้องการเชิงพาณิชย์ต่อไปในอนาคต
GTG ยังคงมีเป้าหมายจะเป็นบริษัทชั้นนำในการส่งผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสารสกัด CBD ระดับคุณภาพให้ถึงมือของผู้บริโภคชาวไทยทุกท่าน
ภาพล่างสุด กัญชงสายพันธุ์ Raksa® (รักษา)
ข้อมูลและภาพจาก GTG