ประเด็นที่สาม
ปัจจุบันกัญชาไม่ได้เสรี แต่ขาดกฎหมายในระดับพระราชบัญญัติมาควบคุม
แม้นักการเมืองที่ขัดขวางไม่ให้มีกฎหมายในระดับพระราชบัญญัติในการควบคุมกัญชาเพื่อหวังให้เกิดกัญชาเสรี โดยหวังสร้างเงื่อนไขเอาไว้เพื่อประโยชน์ในการโจมตีทางการเมืองในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งก็ตาม
แต่ในความเป็นจริงกระทรวงสาธารณสุข ได้ระดมออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขจำนวนมาก โดยอาศัยอำนาจตาม พระราชบัญญัติหลายฉบับ เช่นพระราชบัญญัติอาหาร พระราชบัญญัติผลิตภัณฑ์สมุนไพร พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย มาประยุกต์ใช้ในการควบคุมกัญชา รวมประกาศกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอื่นๆไม่ต่ำกว่า 12 ฉบับ
ผลที่ตามมาคือ ปัจจุบันประเทศไทยกัญชาไม่ได้เสรี ดังตัวอย่างเช่น ประกาศกระทรวงสาธารณสุขได้ห้ามใส่ช่อดอกกัญชาในอาหาร ห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์สมุนไพรกัญชาจากต่างประเทศ, กำหนดหลักเกณฑ์ในการจำหน่ายอาหารที่มีผสมกัญชาในร้านอาหาร, กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อาหารที่มีกัญชาเป็นส่วนผสม, การขายช่อดอกกัญชาต้องได้รับอนุญาตทุกกรณี, ห้ามจำหน่ายให้กับเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี นิสิต นักเรียน นักศึกษา, ห้ามขายในวัดและศาสนสถาน หอพัก สวนสาธารณะ สวนสนุก, ห้ามสูบทำให้เกิดกลิ่นและควันในที่สาธารณะทำให้เกิดความรำคาญ ห้ามขายออนไลน์ ห้ามเร่ขาย ห้ามขายผ่านเครื่องขาย ฯลฯ
ผู้ใดกระทำความผิด เช่น การจำหน่ายหรือให้กับเด็กเยาวชน หรือการลักลอบใส่สารสกัดหรือช่อดอกในอาหารเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายทั้งสิ้น โดยประกาศกระทรวงสาธารณสุขทั้งหมดมีการบังคับใช้ได้จริง และมีการตรวจ จับ ปรับ และดำเนินคดีความกับผู้กระทำความผิด โดยมีการจับกุมดำเนินคดีไปแล้ว 43 ราย เป็นกรณีพักใช้ใบอนุญาตไปแล้ว 12 ราย มีผู้ถูกดำเนินคดีจนศาลตัดสินจำคุกแล้ว 23 ราย (แต่ศาลให้รอลงอาญา) ตลอดจนมีการปรับและริบของกลาง 20 ราย
ดังนั้นการหาเสียงโจมตีทางการเมืองอ้างว่าประเทศไทยไม่มีกฎหมายควบคุม หรือโจมตีว่ากฎหมายคลุมเครือบังคับใช้ไม่ได้ เพราะประเทศไทยมีนโยบายกัญชาเสรีเพราะต้องการมอมเมเยาวชนและต้องนำกลับไปเป็นยาเสพติดนั้นเป็นความเท็จทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตามบทลงโทษตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่มีกฎหมายอยู่ ก็ยังไม่รุนแรงเท่ากับ กฎหมายที่ได้เตรียมเอาไว้ใน พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ที่มีการควบคุมทั้งระบบในกฎหมายฉบับเดียวกัน
ดังนั้นการเล่นการเมืองของพรรคการเมืองต่างๆโดยการไม่เข้าประชุมสภาผู้แทนราษฎรจนทำให้องค์ประชุมไม่ครบครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ไม่ให้มี พ.ร.บ.กัญชา กัญชง มาใช้ประโยชน์ ควบคุม และมีบทลงโทษที่สามารถนำใช้บังคับได้ในวันนี้ ย่อมต้องเป็นความรับผิดชอบของพรรคการเมืองที่เล่นการเมือง เพราะไม่เข้าประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณากฎหมายให้แล้วเสร็จทั้งสิ้น
ประเด็นที่สี่
มีกฎหมายอย่างเดียวไม่พอ ทุกภาคส่วนของสังคมต้องช่วยกันทำให้นิเวศน์ของกัญชาเป็นไปเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ในประเทศอย่างเหมาะสม
แม้กฎหมายของประเทศไทยจะมีมากน้อยเพียงใดทั้งในอดีต ปัจจุบัน และในอนาคต หากเจ้าหน้าที่รัฐไม่บังคับใช้กฎหมายก็จะทำให้เกิดการกระทำผิดกฎหมายอยู่ต่อไป ซึ่งเป็นประเด็นเรื่องของการมีผู้ฝ่าฝืนกฎหมาย และเรื่องของการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ใช่เพราะประเทศไทยไม่มีกฎหมายควบคุม
ซึ่งปัจจุบันก็ยังพบผู้กระทำความผิดต่อกฎหมายอยู่เช่นกัน โดยเฉพาะการลักลอบนำเข้าและจำหน่ายช่อดอกกัญชาจากต่างประเทศอย่างผิดกฎหมาย อันเป็นการทำลายเศรษฐกิจผู้ปลูกกัญชาในประเทศ
ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกภาคส่วนของสังคมทั้งภาครัฐและเอกชนจะต้องช่วยกันมีส่วนร่วมเพื่อทำให้เกิดการปฏิบัติตามกรอบของกฎหมาย และตรวจสอบเพื่อนำไปสู่การบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
ถึงเวลาที่จะต้องมีการบูรณาการทุกเครือข่ายกัญชา กัญชงของประชาชนเพื่อทำให้เกิดความร่วมมือในการสร้างมาตรฐานและการตรวจสอบ เพื่อรวมตัวกันเรียกร้องการปรับปรุงแก้ไขกฎกติกาให้เหมาะสม ตอบโต้ข้อมูลอันเป็นเท็จ ตลอดจนร่วมมือกับภาครัฐเพื่อบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่กระทำความผิดในเรื่องกัญชา กัญชงต่อไป
จากการชี้แจงประเด็นการโกหกบิดเบือนของนักการเมืองดังที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมด แสดงให้เห็นว่าการหาเสียงในการเลือกตั้งครั้งนี้ ได้มีการบิดเบือนโกหกเรื่องกัญชาจำนวนมากต่อประชาชนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการโจมตีทางการเมืองเพื่อที่จะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอีกนั้น
เครือข่ายประชาสังคมกัญชา กัญชง เพื่อประชาชน เห็นว่าปัญหาดังกล่าวนี้จะนำไปสู่ความสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้เกิดปัญหาของกัญชา กัญชงในอนาคต สร้างความเสียหายทั้งต่อผู้ป่วย ประชาชน เกษตรกร ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องอย่างใหญ่หลวง
ดังนั้นในการเลือกตั้งครั้งนี้มีความจำเป็นที่ภาคประชาชนจะต้องกำหนดทิศทางการเลือกตั้งให้เป็นไปอย่างมียุทธศาสตร์ เพื่อทำให้นโยบายที่ภาคประชาชนต้องการสามารถบรรลุวัตถุประสงค์อย่างเป็นเอกภาพ จึงมีมติขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนที่รักความเป็นธรรมในเรื่องกัญชาให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 และให้เลือก ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อย่างพร้อมเพรียงดังต่อไปนี้
- ประการแรก ขอให้ช่วยกันรณรงค์ไม่เลือกพรรคการเมืองใดก็ตามที่จะเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอีก
- ประการที่สอง ขอให้ช่วยกันรณรงค์ให้เลือกพรรคการเมืองใดก็ตามที่มีจุดยืนว่าจะสนับสนุนให้มีกฎหมายสำหรับกัญชา กัญชงในรัฐบาลชุดหน้าให้แล้วเสร็จ เพื่อทำให้ประเทศไทยได้มีกฎหมายระดับพระราชบัญญัติในการใช้ประโยชน์และการควบคุมกัญชา กัญชงอย่างเป็นระบบ ตลอดจนมีบทลงโทษที่เหมาะสมสอดคล้องกับข้อห่วงใยของสังคม
- ประการที่สาม ขอให้ช่วยกันรณรงค์ให้เลือกพรรคการเมืองใดก็ตามที่มีนโยบายว่าจะให้รักษาสิทธิของประชาชนในการปลูกกัญชา กัญชง เพื่อการพึ่งพาตนเอง เพื่อความมั่นคงทางยาในครัวเรือนได้ต่อไป
ด้วยจิตคารวะ
เครือข่ายประชาสังคมกัญชา กัญชง เพื่อประชาชน
7 พฤษภาคม 2566
แถลงไว้ ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์