สถานการณ์โควิดในกรุงเทพมหานครในรอบ เดือนมิถุนายน เริ่มประสบกับภาวะที่ค่อนข้างวิกฤต ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ในจำนวไม่น้อยกว่า 3000-4000 รายต่อวัน ในรอบสองสัปดาห์หลัง และในวันนี้ 28 มิถุนายน 64 ปรากฏยอดผู้ป่วยรายใหม่ 5,406 ราย เป็นจำนวนที่มากที่สุดต่อวัน ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยในกรุงเทพ 1,678 ราย ทำให้ยอดรวมผู้ป่วยยืนยันสะสม 220,990 ราย
วันเดียวกันนี้ เอิร์ธ พงศกร ขวัญเมือง โฆษกของกรุงเทพมหานคร ได้
โพสต์บนเพจ เกี่ยวกับการรับมือและแนวทางการแก้ไขสถานการณ์ของกรุงเทพมหานคร ดังนี้
การรับมือกับสถานการณ์วิกฤติของ กทม.
ในตอนนี้สถานการณ์เตียงใน รพ. ของ กทม.อยู่ที่ 96.06% ซึ่งผู้ป่วยเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยสีเหลืองและสีแดง จากเดิมการจัดการด้านเตียงผู้ป่วยโควิดของ ศบค. โรงพยาบาลสังกัด กทม. (10 รพ.) มีหน้ารับผิดชอบรับผู้ป่วยโควิดอาการระดับสีเขียวทั้งหมดจากการตรวจเชิงรุก กทม. จึงได้ขยายจำนวนเตียงที่สามารถรับผู้ป่วยโควิด ได้จาก 1,934 เตียง เป็น 2,946 เตียง
ในส่วนของผู้ป่วยโควิดระดับอาการสีแดงและสีเหลือง จะเป็นการรับโดย รพ. ใหญ่ ๆ ซึ่งมีศักยภาพสูงในการรักษาผู้ป่วยวิกฤติ แต่ตอนนี้สถานการณ์ข้อเท็จจริง รพ.นอกสังกัดกรุงเทพมหานครเหล่านี้ ได้รับผู้ป่วยเต็มศักยภาพแล้ว
โรงพยาบาล กทม.ทั้งหมด จึงต้องเปลี่ยนเป็น การรับผู้ป่วยจากผู้ป่วยอาการสีเขียว เป็นรับผู้ป่วยอาการสีเหลืองและสีแดง โดยในส่วนผู้ป่วยสีเขียวได้ใช้โรงพยาบาลสนามทั้ง 3 แห่ง และโรงพยาบาลโรงแรม (Hospitel) รับแทน รวมทั้งสิ้น 1,346 เตียง
แต่ด้วยสถานการณ์วิกฤตินี้ ทำให้ กทม. ตั้งแต่ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา กทม. เตรียมพร้อมรับสถานการณ์วิกฤติที่จะเกิดขึ้น ในส่วนผู้ป่วยสีเขียว กทม. ร่วมกับโรงพยาบาลเอกชน ช่วยกันขยายเตียง จะเปิดให้ได้มากขึ้นอีก 1,694 เตียง ซึ่งบางส่วนได้เปิดเพิ่มขึ้นแล้ว เช่น
- โรงแรม The Bazaar รัชดาร่วมกับโรงพยาบาลปิยะเวท จำนวน 300 เตียง
- โรงแรม Two Three และโรงแรม The green hotel ร่วมกับโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ จำนวน 1,250 เตียง
- ศูนย์การเรียนรู้มหานคร สถาบันพัฒนาข้าราชการ กทม. ร่วมกับ หมอแล๊ป และ รพ. สหวิทยาการมะลิ 144 เตียง
และ กทม. มีแผนจะเพิ่มเตียงเหลืองและแดงให้ได้อีก 526 เตียง ซึ่งในอาทิตย์นี้จะเริ่มเปิดรับผู้ป่วยวิกฤติเหล่านี้ได้มากขึ้น ได้แก่ รพ.สนามกองทัพบก มทบ. 11 เปิดรับผู้ป่วยได้ในวันที่ 2 ก.ค. รพ. สนาม ราชพิพัฒน์ 1 เปิดได้ในวันที่ 10 ก.ค. โดยใช้นวัตกรรม Modular ICU ที่ได้รับความร่วมมือจาก SCG ในการสร้างห้องความดันลบ และร่วมบริจาค และยังได้รับความร่วมมือในการสนับสนุนทีมบุคลากรทางการแพทย์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์เอกชน จาก รพ. ธนบุรี ที่มาช่วยในการบริหารจัดการและดูแลผู้ป่วย ทั้งที่ มทบ. 11 และที่ รพ. สนาม ราชพิพัฒน์ 1
รวมทั้งสิ้นจะสามารถรับผู้ป่วยโควิดอาการสีเขียว 3,040 เตียง และผู้ป่วยโควิดอาการสีเหลือง-แดงได้ 886 เตียง
การมีเตียงเพิ่ม เตียงเหล่านี้จะสามารถเร่งแก้ไขปัญหาผู้ป่วยตกค้างได้ ซึ่งแม้ปัจจุบันศูนย์เอราวัณจะทำงานอย่างเต็มที่ ส่งไปรับการรักษาทั้งหมด ตั้งแต่การระบาดระลอกเดือนเมษายนมา 15,893 ราย แต่ก็ยังมีการตกค้างอยู่
ถึงแม้ว่าสุดท้าย การดำเนินการดังกล่าว จะสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องเตียงและลดการระบาดได้ แต่ก็เป็นการแก้ปัญหาได้ชั่วคราวเหมือนที่เราเคยแก้ไขได้เมื่อการระบาดในครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2
แต่วัคซีนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการแก้ไขวิกฤตนี้ได้ในระยะยาว ซึ่ง กทม.ร่วมกับ หอการค้าไทย ภาคเอกชน และ รพ.ต่างๆ ในกทม. เตรียมพร้อมศูนย์ฉีดนอก รพ. 25 ศูนย์ ที่มีศักยภาพในการฉีด 50,000-70,000 คน/วัน
ซึ่งหากได้รับวัคซีน ศูนย์เหล่านี้สามารถที่จะฉีดให้พี่น้องชาว กทม. ได้ถึง 70% ภายในเดือนกว่า ๆ และจะทำให้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กทม. จะทำทุกอย่าง ทุกวิถีทางที่จะแก้วิกฤตินี้ให้สำเร็จอีกครั้งให้ได้ครับ