8 กรกฎาคม 2564 แถลงข่าว ณ กระทรวงสาธารณสุข โดยนพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับอธิบดีกรมควบคุมโรคและอธิบดีกรมอนามัย ประเด็น มาตรการควบคุมสถานการณ์โควิด 19 โดยใช้มาตรการทางสังคม
จากการประชุมคณะกรรมการเสนอออก 5 มาตรการ ดังนี้
1. การใช้ Rapid Antigen Test แต่เดิมใช้ RT-PCR ตรวจ SWAP ใช้เวลาหลายชั่วโมงในการทราบผล และยิ่งมีจำนวนมากทำให้ทราบผลล่าช้า การตรวจแบบนี้ มี 2 แบบ คือให้บุคคลากรแพทย์ช่วย หรือแบบประชาชนทำเองได้ ขึ้นกับ Antigen Test นั้น ช่วงแรกจะอนุญาตให้ใช้ในสถานพยาบาลก่อน อนาคตจะทำเป็น home use ใช้งานที่บ้านได้
2. การทำ Home Isolation กักตัวที่บ้าน เพื่อลดความแออัดในสถานพยาบาล หากตรวจแล้วเป็นบวก ต้องกักตัวที่บ้าน โดย สธ.ร่วมกับ สปสช. จะเข้าดูแลเป็นครอบครัว สนับสนุนทั้งเครื่องมือ เครื่องวัดไข้ การติดตาม
3. เน้นมาตรการบุคคลต่างๆ อย่างเข้มงวด เรียกว่า Bubble & Seal ตัวเอง ขอให้สวมหน้ากาก รักษาระยะห่าง ล้างมือ ในชุมชน การทานอาหารร่วมกันทำให้ระบาดได้ เน้น WFH
4.วัคซีน จะทำการเร่งฉีดในพื้นที่และกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ กลุ่มเสี่ยงคือ 60+ และ 7 โรค ซึ่งได้จัดสรรวัคซีนไม่ต่ำกว่า 80% ให้กับกลุ่มนี้ก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่เสี่ยง สัปดาห์หน้าจะเทวัคซีนให้กับพื้นที่นี้ จำนวนมากกว่า 1 ล้านโดสขึ้น ขณะนี้กทม.ฉีดไปแล้วกว่า 4 ล้านโดส สธ.จะระดมบุคคลากรเข้าไปช่วย กทม.
5. สธ.เสนอศบค. ยกระดับมาตรการทางสังคม จำกัดการเดินทางและสถานที่เสี่ยง
5.1 จำกัดการเดินทาง อยู่บ้าน ไม่ออกบ้านไม่จำเป็น ยกเว้นออกไปซื้ออาหาร พบแพทย์ ฉีดวัคซีน และเสนอห้ามเดินทางข้ามจังหวัดต่อไป
5.2 การปิดสถานที่มีความเสี่ยงทั้งหมด สถานที่จะทำกิจกรรมร่วมกัน หรือไม่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน ให้เปิดได้ เช่น ตลาด ซุปเปอร์มาร์เก็ต มาตรการนี้ จะใช้ในพื้นที่เสี่ยงและพื้นที่กันชน เป็นเวลา 14 วัน หวังว่าจะ ลดการระบาด ในพื้นที่กทม.และปริมณฑล