ข่าวสุขภาพ
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ กิจกรรม ESG CSR Health Economy บริจาครพ.ต่างๆ
น่าสนใจไทยแลนด์
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

กรมควบคุมโรค ลุ้นได้วัคซีนแอสตร้าเซเนก้า 7.2 ล้านโดสในเดือนกันยายน และเพิ่มขึ้นในเดือนถัดไป

กรมควบคุมโรค ลุ้นได้วัคซีนแอสตร้าเซเนก้า 7.2 ล้านโดสในเดือนกันยายน และเพิ่มขึ้นในเดือนถัดไป Thumb HealthServ.net
กรมควบคุมโรค ลุ้นได้วัคซีนแอสตร้าเซเนก้า 7.2 ล้านโดสในเดือนกันยายน และเพิ่มขึ้นในเดือนถัดไป ThumbMobile HealthServ.net

คาดปีนี้จะได้วัคซีน แอสตร้าเซนเนก้า 61 ล้านโดส ไฟเซอร์ 30 ล้านโดส ซิโนแวคอีก 30 ล้านโดส

กรมควบคุมโรค ลุ้นได้วัคซีนแอสตร้าเซเนก้า 7.2 ล้านโดสในเดือนกันยายน และเพิ่มขึ้นในเดือนถัดไป HealthServ
กระทรวงสาธารณสุข ย้ำการส่งมอบวัคซีนให้กับไทยทั้งไฟเซอร์และแอสตร้าเซนเนก้า ยังคงเป็นไปตามที่ระบุในสัญญาของปี 2564 แยกส่วนกับการส่งมอบในปี 2565 ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาทำข้อตกลงสัญญาฉบับใหม่ แนะกลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์ รับวัคซีนสูตรไขว้ ปลอดภัย ได้ภูมิคุ้มกันสูงและเร็ว
 

สรุปภาพรวมการฉีดวัคซีน

          วันนี้ (21 สิงหาคม 2564) ที่ศูนย์แถลงข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วยนายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์โควิด 19 และการติดตามฉีดวัคซีน ดังนี้
  • ตั้งแต่ 28 กุมภาพันธ์ - 20 สิงหาคม 2564 ไทยฉีดวัคซีนแล้ว 26,428,101 โดส สัปดาห์ที่ผ่านมาฉีดได้วันละ 5-6 แสนโดส
  • โดยกลุ่มบุคลากรการแพทย์ทุกคนฉีดครบ 2 เข็มแล้ว
  • ส่วนเจ้าหน้าที่ด่านหน้าและ อสม. ฉีดเข็มแรกแล้ว 50-60 %
  • กลุ่มเสี่ยงได้แก่ ผู้มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ฉีดเข็มแรกแล้วกว่า 30 %
  • ที่สำคัญคือกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ที่ยังฉีดได้น้อยเพียง 4 % จึงขอให้ไปรับการฉีดวัคซีน ซึ่งราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทยยืนยันว่ามีความปลอดภัย สามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป

ย้ำตามแผนจัดหาวัคซีนปี 2564

กล่าวในส่วนวัคซีนโควิด 19 ตามแผนการจัดหา 2564 ได้สั่งจองแอสตร้าเซนเนก้า 61 ล้านโดส ไฟเซอร์ 30 ล้านโดส รวมทั้งซิโนแวคอีก 30 ล้านโดส ที่นำมาฉีดในสถานการณ์ระบาดและสูตรฉีดไขว้เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันระดับสูงในเวลารวดเร็ว ทำให้ปีนี้มีวัคซีนมากกว่าแผนเดิมที่กำหนดไว้ 100 ล้านโดส

โดยในส่วนของวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เป็นการลงนามสัญญาจองล่วงหน้าตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2563 ก่อนการผลิตวัคซีนจะสำเร็จ เงื่อนไขในสัญญาจึงระบุว่า จะเริ่มส่งมอบตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2564 เป็นต้นไป โดยต้องเจรจาจำนวนที่ต้องการเป็นรายเดือน และขึ้นกับจำนวนวัคซีนที่บริษัทผลิตได้ ซึ่งตั้งแต่มิถุนายน - สิงหาคม ได้รับเฉลี่ยเดือนละ 5 - 6 ล้านโดส

ทั้งนี้ ไทยได้แสดงเจตจำนงต้องการวัคซีนมากขึ้น และบริษัทมีแนวโน้มจะส่งวัคซีนเพิ่มเป็น 7.2 ล้านโดสในเดือนกันยายน และคาดว่าจะได้รับวัคซีนเพิ่มขึ้นในเดือนต่อไป
 

แผนจัดหาวัคซีนปี 2565

สำหรับปี 2565 ศบค.เห็นชอบแผนจัดซื้อวัคซีนเพิ่มเป็น 120 ล้านโดสเพื่อฉีดให้ครอบคลุมกลุ่มเด็ก และฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 ให้ประชาชนเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน ขณะนี้ สถาบันวัคซีนแห่งชาติได้เจรจากับบริษัทผู้ผลิตวัคซีนทุกรูปแบบ ทั้ง mRNA, Viral vector, เชื้อตาย และอื่น ๆ โดยจะนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์อย่างน้อย 50 ล้านโดส แอสตร้าเซนเนก้าอีก 50 ล้านโดส โดยหากบริษัทผลิตวัคซีนรุ่นที่ 2 สำเร็จ มีข้อมูลรับรองประสิทธิภาพและความปลอดภัย จะให้ส่งมอบเป็นวัคซีนรุ่นที่ 2 ซึ่งทั้งปริมาณ กำหนดการส่ง และราคา อยู่ในขั้นตอนการเจรจา และทำข้อตกลงสัญญาฉบับใหม่ ซึ่งสัญญาของปี 2564 ไม่เกี่ยวเนื่องกับปี 2565 และไม่เกี่ยวข้องกันตามที่สื่อโทรทัศน์บางแห่งได้กล่าวอ้าง
 
 

สถานการณ์การติดเชื้อในประเทศไทย

ด้านนายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โควิด 19 ของไทยช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาแนวโน้มค่อนข้างคงที่ วันนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 20,571 ราย เสียชีวิต 261 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้สูงอายุ 175 ราย คิดเป็น 67% ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 55 ราย คิดเป็น 21% หญิงตั้งครรภ์ 1 ราย และผู้ช่วยเหลือผู้ป่วย 1 ราย เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลผู้เสียชีวิตพบว่า ในกลุ่มที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มจำนวน 5.9 ล้านคน มีผู้เสียชีวิตจากโควิด 26 ราย ระหว่างเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม อัตราการเสียชีวิตคิดเป็น 4.4 ต่อประชากรล้านคนที่ได้วัคซีนครบ 2 เข็ม
 

วัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ต้องฉีดให้ครบ 2 เข็ม จึงจะกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดี ซึ่งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้ทำการศึกษาระดับภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลต้าพบว่า ผู้ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคไขว้กับแอสตร้าเซนเนก้า (S+A) มีภูมิคุ้มกัน 78 หน่วย มากกว่าฉีดแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม (A+A) ที่ได้ภูมิคุ้มกัน 76.52 หน่วย จึงขอให้ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์ เข้ารับการฉีดวัคซีนโดยเร็ว โดยขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขใช้สูตรซิโนแวคไขว้กับแอสตร้าเซนเนก้า (S+A) ห่างกันประมาณ 3 สัปดาห์ เพราะจะทำให้ภูมิคุ้มกันขึ้นได้เร็วและสูงมาก ส่วนการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ในผู้ที่ฉีดซิโนแวค 2 เข็มแล้ว คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญกำลังเตรียมการหารือในประเด็นนี้ คาดว่าจะฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเป็นแอสตร้าเซนเนก้าหรือไฟเซอร์ให้กับกลุ่มที่มีความเสี่ยงก่อนในช่วงปลายปีนี้ที่จะมีวัคซีนเข้ามามากขึ้น
 
21 สิงหาคม 2564

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด