หอการค้าไทยปลื้ม ปิดโครงการ "ไทยร่วมใจ"
ช่วยกระจายวัคซีนให้คนกรุงเทพฯ กว่า 3 ล้านโดส
เตรียมพร้อมเปิดเมือง รับเศรษฐกิจฟื้นตัว
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทยรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับความไว้วางใจจาก พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้มาร่วมมือกันจนเกิดเป็นศูนย์ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล 25 แห่ง ให้กับประชาชน และกระจายไปยัง 4 มุมเมืองทั่วกรุงเทพมหานคร ซึ่งตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา ได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการ ห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีกค้าส่งขนาดใหญ่ ธนาคาร สถาบันการศึกษา รวมถึงองค์กรต่าง ๆ รวมแล้วกว่า 60 หน่วยงาน ที่ให้ความอนุเคราะห์ทั้งสถานที่ วัสดุอุปกรณ์ และอาสาสมัครช่วยงาน ซึ่งเสียสละเวลา และโอกาสทางธุรกิจ เพื่ออำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ จนเกิดเป็นผลสำเร็จในวันนี้
ความสำเร็จของโครงการ "ไทยร่วมใจ กรุงเทพฯ ปลอดภัย" จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากขาดการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน อาทิ ทีมงาน IT ที่จัดทำและพัฒนาระบบการลงทะเบียน ภายใต้การนำของ คุณปฐมา จันทรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ IBM ประเทศไทย และ ทีมงานผู้พัฒนาระบบเป๋าตัง จากธนาคารกรุงไทย ทีมบุคลากรทางการแพทย์จากสถานพยาบาล 19 แห่ง ที่ได้ทำหน้าที่อันสำคัญยิ่ง ในการเป็นด่านหน้าของระบบสาธารณสุข เพื่อให้ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนอย่างมั่นใจและปลอดภัย รวมถึงความร่วมมือจากร้านสะดวกซื้อ อาทิ เซเว่นอีเลฟเว่น/ Big C mini/ Tops Daily และ Family Mart ที่เข้ามาเติมเต็มเรื่องการลงทะเบียน อำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่ไม่สะดวกในการใช้เทคโนโลยี ตลอดจนเครือข่ายมือถือที่ให้บริการ Call Center ทั้ง TRUE AIS และ DTAC ที่เปิดให้ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลและคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการใช้บริการศูนย์ฉีดวัคซีน
นอกจากการร่วมจัดตั้งศูนย์ฉีดวัคซีนแล้ว หอการค้าไทยยังได้จัดทำโครงการ "ครัวหอการค้าไทย" เพื่อสนับสนุนอาหาร สินค้าอุปโภคบริโภค และเงินบริจาค เพื่อมอบแก่อาสาสมัครและบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่ในศูนย์และแหล่งชุมชนต่างๆ รวมทั้งการสนับสนุนรถวัคซีนเคลื่อนที่ BMV สำหรับกลุ่มเสี่ยงในชุมชน 608 และผู้ที่เดินทางไม่สะดวก ได้รับวัคซีนทั่วถึงในพื้นที่ชุมชนต่าง ๆ อีกด้วย
"ขณะนี้ ประชาชนในกรุงเทพมหานครเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้วเกินกว่า 100% โดยเป็นการฉีดผ่านโครงการไทยร่วมใจกว่า 3 ล้านโดส นำมาสู่การเปิดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว หรือ BANGKOK SANDBOX ซึ่งถือเป็นความสำคัญกับระบบเศรษฐกิจ และนำไปสู่การเปิดประเทศ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ส่งผลให้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ซึ่งการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง 2 เดือนสุดท้ายนี้มีความจำเป็นอย่างมาก เพราะจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชน ในการจับจ่ายใช้สอยเพื่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้า จะเห็นได้ว่าเทศกาลลอยกระทงที่ผ่านมาเริ่มมีความคึกคักทางเศรษฐกิจมากขึ้น และภาครัฐน่าจะทยอยผ่อนคลายมาตรการต่างๆ เพิ่มมากขึ้น เช่น การขยายเวลาให้ดื่มสุราในสถานประกอบการที่ได้รับมาตรฐาน จาก 3 ทุ่ม เป็นเที่ยงคืน เป็นต้น เพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัวกลับมาเพิ่มมากขึ้น แต่ยังคงเน้นย้ำและขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนให้ปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดด้วย" นายสนั่น กล่าว
อย่างไรก็ตาม หอการค้าไทยเป็นห่วงประชาชนที่ยังไม่ได้มารับการฉีดวัคซีน ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยมีปริมาณวัคซีนที่เพียงพอสำหรับทุกคน เชื่อมั่นได้ในความปลอดภัย และสามารถป้องกันการแพร่ระบาดของโควิดได้ แม้ว่าศูนย์ฉีดวัคซีนของโครงการไทยร่วมใจจะปิดตัวลงแล้ว แต่ทางกรุงเทพมหานครยังคงเปิดให้บริการฉีดวัคซีนที่ศูนย์เยาวชน ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ไม่ว่าจะเป็นเข็ม 1 เข็ม 2 หรือเข็ม 3 โดยสามารถใช้บริการได้ทั้งคนไทยและต่างชาติ
"การทำงานของหอการค้าไทยภายใต้แนวทาง Connect the Dots นี้ พิสูจน์แล้วว่าเป็นแนวทางที่ประสบความสำเร็จ โดยมีโครงการไทยร่วมใจเป็นตัวอย่างที่ดี ซึ่งจังหวัดต่าง ๆ สามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในจังหวัดของตน โดยหอการค้าจังหวัดทั่วประเทศจะร่วมกันรณรงค์ สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ได้ออกมาฉีดวัคซีนให้มากที่สุด เพื่อร่วมกันสร้างภูมิคุ้มกันและสร้างเศรษฐกิจของประเทศให้กลับมาฟื้นตัวและเข้มแข็งได้อย่างยั่งยืนในอนาคต" นายสนั่น กล่าวทิ้งท้าย