Skynews รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อโอมิครอนในอังกฤษ 633 ราย (11 ธันวาคม) ทำสถิติสูงสุดหลังจากที่พบ 448 ราย เมื่อวันศุกร์ (10 ธันวาคม) ทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อโอมิครอนรวมแล้ว 1,898 ราย ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า สหราชอาณาจักร (UK) จะมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนมากกว่า 1 ล้านรายภายในสิ้นเดือน ธ.ค.นี้ จะทำมีผู้เสียชีวิตในอังกฤษ 25,000-75,000 ราย หากทางการไม่มีมาตรการพิเศษมาสกัด
สำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพแห่งสหราชอาณาจักร (UKHSA) เปิดเผยว่า หากแนวโน้มในปัจจุบันยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่ระบุว่า การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจะช่วยป้องกันการติดเชื้อแบบแสดงอาการได้ 70-75% UKHSA ระบุในแถลงการณ์ว่า "ข้อมูลเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่า ประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงแรกหลังจากการฉีดบูสเตอร์ โดยสามารถป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการได้ประมาณ 70-75%" หัวหน้าฝ่ายการสร้างภูมิคุ้มกันที่ UKHSA ได้เรียกร้องให้ประชาชนฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน การประมาณการขั้นต้นเหล่านี้ควรได้รับการพิจารณาด้วยความระมัดระวังแต่บ่งขี้ว่า ไม่กี่เดือนหลังจากการฉีดวัคซีนเข็มที่สองนั้น ก็มีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะติดเชื้อโอมิครอนเมื่อเทียบกับสายพันธุ์เดลตา
สอดคล้องกับที่ WHO ยืนยันก่อนหน้านี้ว่าวัคซีนโควิดที่มีอยู่ สามารถป้องกันโอมิครอนได้
ออสเตรเลีย ย่นระยะห่างเข็มกระตุ้นจากเข็มที่สองเหลือเพียง 5 เดือน จากเดิม 6 เดือนจะฉีดให้กับทุกคนที่อายุเกิน 18 ปีขึ้นไป ทางการอ้างอิงข้อมูลจากอิสราเอลระบุว่า วัคซีนเข็มกระตุ้นจะช่วยลดอัตราการติดเชื้อลงได้ รวมทั้งลดการเจ็บป่วยรุนแรงในกลุ่มอายุ 40 ปีขึ้นไปและลดอัตราการเสียชีวิตในกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไปได้ ออสเตรเลียเป็นผู้นำโลกในการฉีดวัคซีน โดยมีประชากรที่ได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้วสูงถึง 90% แต่กระนั้น มีรายงานพบผู้ติดเชื้อล่าสุด 1,556 รายเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 64 เป็นตัวเลขที่สูงสุดต่อวันในรอบ 6 สัปดาห์