เรื่องราวเป็นอย่างไร เชิญติดตาม
โควิด ติดแล้ว (จะ)หายแล้วจ้า (ตอนที่ 1)
มาเล่าปสก.ติดโควิดของบ้านเราให้ฟัง มีบางแง่มุมอาจมีประโยชน์บ้าง ขอแบ่งเป็นตอนๆ นะ
ตอนที่ 1: การตรวจโควิด
เราเพิ่งกลับถึงนอร์เวย์วันที่ 5 ม.ค. พอมาถึงก็เจอลูกสาวไอค่อกๆ แค่กๆ ก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะเด็กนร.ต้องตรวจ ATK อาทิตย์ละ 2 ครั้งอยู่แล้ว แต่พอหยุดเสาร์อาทิตย์ เธอเริ่มทั้งไอและมีอาการอื่น เลยเริ่มแยกตัวเข้าห้อง ตรวจ ATK อีกทีได้ผลเป็นบวก ไปตรวจซ้ำ PCR ก็เป็นบวก คนในบ้านที่เหลือก็อึ้งเล็กน้อย ว่าก่อนหน้านี้อยู่ใกล้ชิดกันตามปกติ ใครจะติดเป็นรายต่อไปเนี่ย
พอวันจันทร์ที่ 10 เราเริ่มเจ็บคอ แล้วก็รู้สึกเหนื่อยฮวบฮาบ ก็รู้ตัวว่านี่มาละ อาการแนวไข้หวัดใหญ่ที่คุ้นเคย รีบตรวจ ATK แบบน้ำลายวันนั้น ได้ผลก้ำกึ่ง เส้นที่สองแบบจางมากๆๆๆ เลยรีบไปตรวจ pcr เค้าตรวจแค่จมูก ไม่ได้ตรวจคอ เราก็นึกในใจว่า ผลมันจะเชื่อได้แค่ไหน เพราะตอนนี้แค่เจ็บคอ ยังไม่มีน้ำมูก
ระหว่างรอผล เราก็มีอาการตามๆ ลูกสาวมาเลย เลยแน่ใจว่าเป็นแล้วหละ แต่ผล pcr ดันออกมาเป็นลบ เกิดความไม่เชื่อ เลยไปตรวจ pcr ใหม่วันที่ 12 (ห่างกันสองวัน) ผลเป็นบวกจ้า
นี่เป็นข้อยืนยันว่า การตรวจทั้ง ATK หรือ pcr ตอนที่เชื้อยังไม่มากพอ ก็สามารถได้ผลเป็น false negative ได้นะ (ตรวจ pcr ต่างกันสองวันได้ผลต่างกัน)
สรุปอีกข้อก็คือ เราติดหลังจากเดินทางมาถึงที่นี่แน่ๆ ดูทั้งจากระยะฟักตัว และความเป็นไปได้อื่นๆ (ตอนนี้ในห้องเรียนลูกสาวมีการระบาดอยู่เลย) แปลว่าติดจากลูกสาวแน่ๆ ตอนต่อๆไปจะมาเล่าเรื่องการรักษาตัว และอื่นๆนะคะ
โควิด ติดแล้ว (จะ) หายแล้วจ้า
ตอนที่ 2: พอรู้ว่าติด
วันแรกที่รู้ว่าคนในบ้านเริ่มติด ก็คิดในใจว่า อุตส่าห์รอดกันมาได้นานขนาดนี้ก็นับว่าโชคดีมากแล้ว เพราะ 2 ปีกว่านี่ลูกๆ ก็ไปรร.เกือบตลอด มีช่วงเรียนจากบ้านน้อยมาก และที่รร.ก็ไม่เคยมีการใส่หน้ากากกันอยู่แล้ว และที่รร.ก็มีระบาดเป็นระยะๆ เป็น new normal จริงๆ
พอรู้ว่าติด ก็ไม่ได้กังวลมาก เพราะหนนี้เพิ่งไปขนยาสารพัดมาจากไทย และก็ได้รับวัคซีนกันมาบ้างแล้ว (เด็กๆได้คนละเข็ม เราสองเข็ม สามีเพิ่งได้เข็มสาม) เลยออกแนวเตรียมยา เตรียมตัวว่าถ้าคนอื่นๆ ติดเพิ่ม จะดูแลกันในบ้านยังไง เพราะเวลาติดโควิด ที่นี่ให้กักตัวอยู่บ้านเท่านั้น ดูแลตัวเอง ไม่มีการช่วยเรื่องยาหรืออาหารสามมื้อ ไม่มีระบบติดตามอาการจากหมอ
เราเริ่มสั่งอาหารตุนจากซูเปอร์เป็นพวกที่กินง่ายๆ หรืออุ่นแล้วกินได้เลย เพราะถ้าพ่อแม่ป่วย ลูกๆจะได้อุ่นข้าวกินเองระหว่างสัปดาห์ และดูแลพ่อแม่ด้วย
นอกจากนี้ต้องคิดเรื่องแยกบริเวณในบ้าน อพาร์ทเมนท์เรามี 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ อยู่กัน 4 คน คนป่วยให้อยู่ในห้อง และต้องใส่หน้ากากถ้าต้องออกไปเข้าห้องน้ำ ที่เหลือให้นอนห้องรับแขกไป
ตอนแรกคือลูกคนโตป่วยก่อน แม่ยังพอดูแลอาหารและจัดยาให้ได้
จากนั้นแม่เริ่มป่วยตามมา พ่อเลยดูแลอาหารมาส่งหน้าห้องคนป่วย
จากนั้นพ่อก็เริ่มป่วย คราวนี้เหลือลูกคนเล็ก (12 ขวบ) ที่ต้องคอยช่วยเอาน้ำกับอาหารมาวางไว้ให้ ยังดีว่าทยอยกันป่วย ทยอยกันดีขึ้น ก็ยังพอดูแลกันได้
โควิด ติดแล้ว (จะ)หายแล้วจ้า
ตอนที่ 3: อาการและการรักษา เข้าใจว่าทุกคนในบ้านติดเชื้อตัวเดียวกัน (ภายหลังพบว่าเป็นโอมิครอน)
ลูกสาวคนโต (ฉีดวัคซีนไปแล้ว 1 เข็ม) - ตอนนี้หายแล้ว นางมีอาการอยู่ประมาณ 7-8 วัน เริ่มจากไอ เจ็บคอ เหนื่อย มีช่วงที่มีน้ำมูกมากอยู่ 2-3 วัน เราให้ลูกเริ่มยาโฮมิโอ (Bryonia) และฟ้าทลายโจรตั้งแต่วันแรกๆ และกินพาราเมื่อจำเป็น
เราเอง (กำลังจะได้ฉีดเข็มสาม แต่ไม่ทัน) - เริ่มมีอาการตั้งแต่วันที่ 10 ตอนนี้น่าจะใกล้หายแล้ว(วันที่ 16) เริ่มจากเจ็บคอเหมือนกัน แล้วเหนื่อยวูบ วันต่อมาก็ครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดเมื่อย หนาวสั่น ปวดหัว แน่นจมูก ไอตอนกลางคืน เป็นอยู่ 2-3 วัน(แต่ไม่ได้อาการแย่ตลอดเวลา) จากนั้นเริ่มดีขึ้น เหลือแค่ยังเจ็บคอและเหนื่อยนิดหน่อยในวันนี้ อาการโดยรวมเป็นมากกว่าไข้หวัดธรรมดา แต่ก็เบากว่าไข้หวัดใหญ่ที่เคยเป็น เราเริ่มยาโฮมิโอ (Bryonia) กับฟ้าทลายโจร ตั้งแต่เริ่มมีอาการ วันที่แย่หน่อยก็เริ่มหยอดยาห้ารากด้วย ช่วงเหนื่อยๆก็วัดออกซิเจน ก็ยังโอเค คือเมื่อเทียบกับเมื่อ 2 ปีก่อนที่คิดว่าตัวเองเคยเป็นโควิดหนนั้น งวดนั้นอาการหนักกว่าและยาวนานกว่านี้มาก หนนี้เลยไม่ค่อยกังวล แค่ดูอาการไปเรื่อยๆ
สามี - เพิ่งฉีดเข็มสามไม่กี่วันก่อนติด ตั้งแต่ฉีดก็มีอาการเพลียๆ (แต่ยังไปวิ่งออกกำลังกายได้) พอติดโควิดแล้วก็ยังเพลียนิดๆเหมือนเดิม เลยไม่รู้ว่าเพลียจากวัคซีนหรือโควิด แต่มีอาการเจ็บคอ นอกนั้นก็ไม่มีอาการอะไรอื่นเลย เป็นมาสามวัน ยาก็ไม่กิน แค่กินน้ำเยอะๆ
ส่วนลูกคนเล็กก็ยังสบายดีอยู่ ณ วันนี้อย่างงงๆ
สรุปคือ อยากจะบอกว่า เชื้อนี้ระบาดเร็ว ติดง่าย ถ้ามีโอกาสก็ควรฉีดเข็ม booster ให้เร็ว แต่เมื่อติดแล้ว คนส่วนใหญ่น่าจะรักษาตัวเองที่บ้านได้ (ถ้าสามารถแยกตัวจากคนอื่นได้) ที่ไทยเวลาติดโควิดก็สามารถลงทะเบียนให้หมอติดตามอาการได้อยู่แล้ว ถ้าคนที่อาการน้อยดูแลตัวเองที่บ้านหรือ community isolation ได้ คนที่อาการมากๆก็จะได้เข้าถึงเตียงที่รพ.ได้มากขึ้นนะคะ ขอให้ทุกคนแข็งแรง รักษาภูมิต้านทานร่างกาย ก็น่าจะผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ
ออสโล, นอร์เวย์
มกราคม 2565
หมายเหตุ
** บทความนี้เป็นประสบการณ์และความเห็นส่วนตัว ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงได้ **
ตอนพิเศษ
มีสถิติที่น่าสนใจมาเล่าให้ฟังจ้า
ที่นอร์เวย์ตอนนี้ ถึงแม้จำนวนคนติดเชื้อโควิดต่อวันจะมี new high อยู่เรื่อยๆ แต่รัฐก็เริ่มผ่อนคลายมาตรการทั้งหลายแล้ว เพราะคนป่วยหนักที่ต้องเข้ารพ.ไม่ได้เพิ่มมาก
ดูตัวเลขให้เห็นภาพดังนี้
ประชากรทั้งประเทศ ประมาณ 5.5 ล้านคน (ไม่ถึงครึ่งกทม.)
ติดเชื้อเพิ่มต่อวันประมาณ 25,000 คน (เท่ากับ 300,000 คน/วัน ถ้าเทียบกับไทยตามสัดส่วนปชก.)
รักษาตัวที่รพ.ทั้งประเทศ ณ วันนี้ประมาณ 250 คน (เท่ากับ 3,000 คน ถ้าเทียบกับไทยตามสัดส่วนปชก.)
คนป่วยที่เหลือรักษาตัวกันเองที่บ้าน ไม่มียาให้ กักตัวแค่ 6 วัน (วันสุดท้ายต้องไม่มีไข้) แล้วก็ออกไปลั้ลลากันได้เลย ตอนนี้รัฐจะลดกักตัวเหลือแค่ 4 วันแล้ว
ในห้องเรียนของลูกทั้งสองคน เด็กๆ 2 ใน 3 ก็ผ่านการเป็นโควิดแล้ว ที่ทำงานเราก็มีคนติดเชื้อเป็นระยะ รวมตอนนี้ได้ 1 ใน 3 ของพนักงาน แต่ก็ดูไม่ได้กังวลกันเท่าไหร่ และไม่มีคนรู้จักต้องเข้ารพ.เพราะโควิดเลย เด็กวัยรุ่นบางคนเริ่มเป็นรอบ 2-3 แล้ว แต่ก็อาการไม่มากมายอะไร
สรุปเราได้ผลตรวจของตัวเอง ว่าตอนนั้นติดเชื้อโอมิครอน น่าจะเป็นเชื้อเดียวกันทั้งบ้าน แต่อาการของคนในบ้านสามคนก็ต่างกัน
ลูกสาววัย 14 - ฉีดวัคซีน PZ แค่เข็มเดียวเมื่อเดือนกย. - อาการเหมือนเป็นหวัดธรรมดา คือเจ็บคอ ไอ มีน้ำมูก เหนื่อย ปวดหัวมีไข้นิดหน่อย
เราเอง - ฉีด Moderna 2 เข็ม เข็มสองเมื่อเดือน ส.ค. (ภูมิคงใกล้หมด) - อาการเหมือนไข้หวัดใหญ่ แต่ระยะเวลาสั้นกว่าปกติ พักรักษาตัวอาทิตย์นึง แล้วก็เริ่มทำงาน (wfh) อาทิตย์ถัดไป แต่ทุกวันนี้ยังคงได้กลิ่นลดลง และยังเหนื่อยง่ายกว่าเมื่อก่อนนิดหน่อย
สามี - ฉีด Moderna 3 เข็ม เข็มสามฉีดก่อนติดไม่กี่วัน - อาการน้อยมากๆ แค่เจ็บคอและเหนื่อยนิดหน่อย
แปลว่าเชื้อตัวเดียวกันเป๊ะๆ แต่อาการต่างกันได้ ตามอายุ ความแข็งแรง และปัจจัยเรื่องวัคซีนนะ
หมายเหตุ
** บทความนี้เป็นประสบการณ์และความเห็นส่วนตัว ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงได้ **
