9 มกราคม 2566 ที่สนามบินสุวรรณภูมิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และผู้บริหารทั้ง 3 กระทรวง ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวไฟลท์บินแรกจากเมืองเซี่ยเหมิน สาธารณรัฐประชาชนจีนหลังจีนเปิดประเทศ เที่ยวบินแรกจากจีน คือ MF833 มีผู้โดยสาร 269 คน โดยวันนี้จะมีผู้โดยสารขาเข้าจากจีนจำนวน 15 เที่ยวบิน รวม 3,465 คน คาดว่าตลอดปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวจากจีนเดินทางโดยท่าอากาศยาน 7-10 ล้านคน
ยกเลิกการตรวจเอกสารการฉีดวัคซีนโควิด
นายอนุทิน กล่าวถึง มาตรการและความพร้อมของประเทศไทย ในการเตรียมการต้อนรับนักท่องเที่ยวและผู้เดินทางจากทุกแห่งทั่วโลก ว่า กระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่า มาตรการด้านสาธารณสุขของไทย เป็นไปตามมาตรฐานของโลก ยืนยันในหลักการที่จะ "ไม่เลือกปฏิบัติ" ต่อประเทศใดประเทศหนึ่ง เนื่องจากขณะนี้ยังคงมีการแพร่ระบาดของโควิด 19 ในทุกประเทศ และเป็นการระบาดของสายพันธุ์ที่ใกล้เคียงกัน จึงไม่ควรให้โควิด 19 มาเป็นประเด็นการกีดกันประเทศใดประเทศหนึ่ง
นายอนุทิน ระบุว่า วันนี้ได้มีการประชุมคณะกรรมการด้านวิชาการฯ ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ถึงเรื่องข้อกำหนดในการเข้าประเทศไทยสำหรับผู้โดยสารระหว่างประเทศ โดยที่ประชุมได้มีมติให้ยกเลิกการตรวจเอกสารการฉีดวัคซีนโควิด 19 ครบ 2 เข็มของนักเดินทางก่อนเดินทางเข้าประเทศไทย
เนื่องจากประเทศไทยได้ปรับมาตรการมาระยะหนึ่งแล้ว ครอบคลุมทั้งการคัดกรอง ป้องกัน และดูแลรักษานักท่องเที่ยวต่างชาติมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ยังไม่พบว่านักท่องเที่ยวเป็นเหตุที่ทําให้เกิดสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
ขณะที่คนไทยมีการฉีดวัคซีนจำนวนมากเช่นเดียวกับประเทศจีนและประเทศต่างๆ ที่มีการฉีดวัคซีนแล้วจำนวนมากเช่นกัน
การปรับมาตรการจะช่วยลดภาระความยุ่งยากของทั้งเจ้าหน้าที่และนักเดินทางในการเข้าประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังแนะนำให้นักเดินทางทุกคนฉีดวัคซีนให้ครบอย่างน้อย 2 เข็ม เพื่อป้องกันการป่วยหนักหากติดเชื้อระหว่างการเดินทาง และนักเดินทางจากประเทศที่มีข้อกำหนดให้ตรวจ RT-PCR ก่อนกลับประเทศ ให้ซื้อประกันสุขภาพครอบคลุมการรักษาโควิดตลอดช่วงระยะเวลาเดินทางในประเทศไทยและบวกเพิ่มอีก 7 วัน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพหากตรวจพบเชื้อหรือป่วย กรณีมีอาการป่วยทางเดินหายใจ ควรเลื่อนการเดินทางและรักษาให้หายก่อนเพื่อลดการแพร่โรค ทั้งนี้ จะร่วมกับกระทรวงคมนาคม และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ชี้แจงมาตรการดังกล่าวโดยการออกเป็น Notice to Airmen ( NOTAM) หรือกฎระเบียบก่อนเข้าประเทศไทย
ให้รพ.รัฐจัดวัคซีนโควิดได้ตามเหมาะสม
ส่วนมาตรการขณะพำนักในประเทศไทย แนะนำให้ผู้เดินทางป้องกันตนเองตลอดระยะเวลาที่อยู่ในประเทศ เช่น สวมหน้ากากเมื่ออยู่ในพื้นที่สาธารณะ/ขนส่งสาธารณะ ล้างมือบ่อยๆ หากมีอาการทางเดินหายใจให้ตรวจคัดกรองด้วย ATK และหากมีอาการป่วยรุนแรงขึ้นให้ไปตรวจรักษาที่สถานพยาบาล ยืนยันว่า ระบบสาธารณสุขของไทยมีความพร้อมรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน และมีแผนเตรียมความพร้อมหากการระบาดของโรครุนแรงเพิ่มขึ้น
สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่สนใจรับบริการวัคซีนโควิด 19 ได้กำหนดให้สถานพยาบาลภาครัฐบาลจัดหน่วยฉีดเฉพาะจุดสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ นำร่องในจังหวัดท่องเที่ยวขนาดใหญ่ ได้แก่ กทม. ภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา โดยคิดค่าบริการตามความเหมาะสม และจะมีการหารือกับโรงพยาบาลเอกชนกรณีนักท่องเที่ยวไปรับบริการวัคซีนโควิด 19 จะเก็บค่าใช้จ่ายอย่างไร
แต่สำหรับชาวต่างชาติที่อยู่เมืองไทยระยะยาว หรือมาประกอบอาชีพ ยังคงสามารถรับการฉีดวัคซีนโควิดโดยไม่มีค่าใช้จ่ายตามนโยบายการฉีดวัคซีนของรัฐเช่นเดิม และขอให้ประชาชนไทยทุกคนฉีดวัคซีนให้ครบ 4 เข็ม เพื่อเป็นการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ลดการป่วยหนักและลดการเสียชีวิต
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2566 จะมีการติดตามและประเมินสถานการณ์เพื่อปรับมาตรการตามสถานการณ์ความเสี่ยง โดยการพิจารณาจะคงคำนึงถึงหลักการเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ ตั้งอยู่บนพื้นฐานด้านวิชาการ ความปลอดภัยสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคมเช่นเดิม