นายกรัฐมนตรี ออกข้อกำหนด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เร่งควบคุมการแพร่ระบาด COVID-19 ระลอกใหม่ ห้ามการใช้หรือเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงติดโรค ห้ามชุมนุม-มั่วสุม ให้เฝ้าระวังการเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามชาติ
เมื่อปัจจุบันพบการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระลอกใหม่ขึ้นในบางพื้นที่ รัฐบาลจึงมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการกระชับและยกระดับมาตรการต่าง ๆ ที่จำเป็น เพื่อเข้าแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างทันท่วงที ป้องกันมิให้เกิดการระบาดลุกลามเป็นวงกว้างต่อไป อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.248 และมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 นายกรัฐมนตรีจึงออกข้อกำหนดและข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการทั้งหลาย ดังต่อไปนี้
- การห้ามใช้หรือเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงต่อการติดโรค ห้ามประชาชนใช้ เข้าไป หรืออยู่ในพื้นที่ สถานที่ หรือพาหนะที่มีความเสี่ยงต่อการติดโรค
- การปิดสถานที่เสี่ยงต่อการติดโรค ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้ว่าราชการจังหวัดออกคำสั่งโดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 พิจารณาสั่งปิดสถานที่ที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการติดโรคและการแพร่ของโรคไว้เป็นการชั่วคราว
- การห้ามชุมนุม ห้ามมิให้มีการชุมนุม การทำกิจกรรม หรือการมั่วสุมกัน ณ ที่ใด ๆ ในสถานที่แออัด หรือกระทำการดังกล่าวอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อง ทั้งนี้ ภายในเขตพื้นที่ที่หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานกาณณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงประกาศกำหนด
- มาตรการเดินทางและเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง ตรวจคัดกรองการเดินทางและการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว
- การปฏิบัติและบังคับใช้มาตรการป้องกันโรค ให้ส่วนราชการ พนักงานเจ้าหน้าที่ พนักงานควบคุมโรคติดต่อ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการให้ประชาชนทุกภาคส่วนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด
- การประสานงาน ให้ ศปก.ศบค. ซึ่งมีเลขา สมช. เป็นผู้อำนวยการศูนย์ ทำหน้าที่เป็นหน่วยปฏิบัติขับเคลื่อน เร่งรัด และติดตามการปฏิบัติงานของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งบูรณาการความร่วมมือในการปฏิบัติงาน เพื่อให้สถานการณ์ฉุกเฉินสามารถยุติโดยเร็ว ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
- เพื่อให้การกำหนดมาตรการป้องกันโรคเป็นไปในทางเดียวกัน การออกประกาศ หรือคำสั่งของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือผู้ว่าราชการจังหวัดตามข้อ 1 หรือข้อ 2 เพื่อการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินนี้ ให่ดำเนินการตามมาตรการหรือแนวปฏิบัติที่นายกรัฐมนตรี หรือตามที่ ศบค.กำหนด ให้ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขและศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กระทรวงมหาดไทย ร่วมกันพิจารณาประเมินและกำหนดพื้นที่สถานการณ์เพิ่มเติมเพื่อการบริหารจัดการและเตรียมความพร้อมในการป้องกันการระบาดใหม่
- ให้บรรดาประกาศ หรือคำสั่งของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อที่ออกตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อเพื่อแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นตามข้อกำหนดนี้
ให้บรรดาประกาศหรือคำสั่งของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือ เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อที่ออกตามกฏหมายว่าด้วยโรคติดต่อเพื่อการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่ได้ประกาศหรือสั่งไว้ก่อนวันที่ข้อกำหนดนี้ใช้บังคับ ซึ่งถือว่าเป็นประกาศหรือสั่งตามข้อกำหนดที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ยังมีผลบังคับใช้ต่อไปเช่นเดิม จนกว่าจะมีข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ.2563 เป็นต้นไป