ข่าวสุขภาพ
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ กิจกรรม ESG CSR Health Economy บริจาครพ.ต่างๆ
น่าสนใจไทยแลนด์
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

เอาจริง! ผู้ติดเชื้อจงใจปกปิดข้อมูลไทม์ไลน์ โทษคุก 2 ปี หรือปรับ 40,000

เอาจริง! ผู้ติดเชื้อจงใจปกปิดข้อมูลไทม์ไลน์ โทษคุก 2 ปี หรือปรับ 40,000  Thumb HealthServ.net
เอาจริง! ผู้ติดเชื้อจงใจปกปิดข้อมูลไทม์ไลน์ โทษคุก 2 ปี หรือปรับ 40,000  ThumbMobile HealthServ.net

เอาจริง! ผู้ติดเชื้อจงใจปกปิดข้อมูลไทม์ไลน์ โทษคุก 2 ปี หรือปรับ 40,000

รัฐบาลจัดหนัก เพื่อควบคุมการระบาดโรคโควิดให้เด็ดขาด ด้วยการออกข้อกำหนดการบริหารราชการในสถานการ์ณฉุกเฉิน ฉบับที่ 17 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว วันนี้ (6 มค 64) มีผลวันที่ 7 มค 64 โดยเนื้อหาโดยสรุปดังนี้

ข้อ 1 ยกระดับการบังคับใช้มาตรการป้องกันโรค 
ข้อ 2 ยกระดับพื้นที่ควบคุมสูงสุดที่จำเป็นต้องมีมาตรการเข้มงวดอย่างยิ่ง 
ข้อ 3 การปราบปรามและลงโทษผู้กระทำผิดอันเป็นเหตุให้เกิดการระบาดของโรค 
ข้อ 4 โทษ  กำหนดให้ผู้ฝ่าฝืนข้อกำหนด ต้องมีโทษจำคุไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

และระบุเพิ่มต่อท้าย "ผู้ติดเชื้อที่จงใจปกปิดข้อมูลการเดินทางหรือแจ้งข้อมูลเท็จต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนและควบคุมโรค เป็นผลให้เชื้อโรคแพร่ออกไป อาจเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝื่นหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ด้วย" 

ตั้งแต่ วันที่ 7 มค 2564 เป็นต้นไป 

[ข่าวต่อเนื่อง 7 ม.ค. 64 กรณีประชาชนหลายกลุ่มไม่มีโทรศัพท์/ไม่สามารถโหลดแอพใช้ได้ (เครื่องรุ่นเก่า)]

โฆษกรัฐบาลยืนยันไม่มีความผิด หากไม่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “หมอชนะ” สำหรับประชาชน 5 จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด สามารถขอใบอนุญาตการเดินทางจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ได้

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังชี้แจงถึงกรณีการติดตั้งแอปพลิเคชัน “หมอชนะ” เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนในการตรวจสอบ ติดตาม ดูแล เมื่อมีการเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม หากไม่สะดวกที่จะติดตั้งแอปพลิเคชัน “หมอชนะ” ก็สามารถจดบันทึกหรือชี้แจงแผนการเดินทางต่อเจ้าหน้าที่ตามด่านตรวจคัดกรองได้ อย่างไรก็ตาม หากพบว่ามีการปิดบังข้อมูลโดยเจตนาหรือหลีกเลี่ยงในการชี้แจงข้อเท็จจริง ที่อาจก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะถือว่าเป็นความผิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การใช้เทคโนโลยีแอปพลิเคชัน “หมอชนะ” ทำให้ปัจจุบันการติดตาม Timeline การเดินทางของผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มีความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ดังนั้น จึงอยากให้ประชาชนดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “หมอชนะ” เพื่อจะได้รับข้อมูลโดยตรงหากเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง พร้อมยืนยันว่า หากไม่มีการดาวน์โหลดติดตั้งแอปพลิเคชัน ไม่มีความผิด แต่อาจเกิดความยากลำบากในการตรวจสอบประวัติเดินทาง รวมทั้ง ยังจะไม่มีการละเมิดข้อมูลสิทธิส่วนบุคคลเนื่องจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมจะมีการลบข้อมูลภายในระยะเวลาที่กำหนดด้วย

ข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 17)


ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 และต่อมาได้ขยายระยะเวลการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวเป็นคราวๆ ออกไปอย่างต่อเนื่องนั้น
 
เพื่อกำหนดมาตรการต่าง ๆ ที่จำเป็นในการระงับยับยั้งการระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งระบาดแบบกลุ่มก้อนในเขตหลายเขตพื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดที่จำเป็นต้องมีมาตรการที่เข้มงวดเพื่อการสกัดและยับยั้งการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด ทั้งๆ ที่ประชาชนส่วนใหญ่ได้ให้ความร่วมมือร่วมใจปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคมาโดยตลอด อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 นายกรัฐมนตรีจึงออกข้อกำหนดและข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการทั้งหลาย ดังต่อไปนี้
 
 
ข้อ 1 การยกระดับการบังคับใช้มาตรการป้องกันโรค ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ และผู้ดูแลรับผิดชอบสถานที่ กิจกรรม หรือกิจการต่าง ๆ ดำเนินการเพื่อให้ผู้ใช้บริการ ผู้เดินทาง และประชาชนทั่วไปปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัดด้วยการรักษาระยะห่าง การสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย การล้างมือ การตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายและการติดตั้งระบบแอปพลิเคชันที่กำหนด ตลอดจนยอมรับการกักกันตนตามระยะเวลาและในสถานที่ที่กำหนดหากอยู่ในข่ายที่ต้องรับการกักกัน
 
รัฐบาลสนับสนุนให้ประชาชนติดตั้งและใช้ระบบแอปพลิเคชัน "หมอชนะ" ซึ่งเป็นการพัฒนาและประสานความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและภาครัฐ โดยกรมควบคุมโรคและสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ซึ่งประชาชนจะได้ประโยชน์จากการได้รับแจ้งข้อมูล ข้อแนะนำการปฏิบัติตนหรือคำเตือนเพื่อลดความเสี่ยงหรือเลี่ยงจากการติดเชื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลที่อยู่ในเขตพื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดเพื่อให้การดำเนินการสอบสวนโรคและการเฝ้าระวังโรคเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ควบคู่กับการใช้แอปพลิดชัน "ไทยชนะ" เพื่อให้การดำเนินการได้ผลสัมฤทธิ์ด้วยดี
 
ข้อ 2 การยกระดับพื้นที่ควบคุมสูงสุดที่จำเป็นต้องมีมาตรการเข้มงวดอย่างยิ่ง
ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบและควบคุมการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะของประชาชนในการเดินทางเข้าออกเขตพื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดของโรคเพิ่มขึ้น ได้แก่ จังหวัดจันทบุรี จังหวัดชลบุรี จังหวัดตราด จังหวัดระยองและจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อสกัดและยับยั้งการระบาดของโรคอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด โดยให้ตั้งจุดตรวจ หรือจุดสกัดเพื่อคัดกรองการเดินทางเข้าออกพื้นที่อย่างเข้มข้น และให้ผู้ที่อยู่ในเขตพื้นที่ดังกล่าวติดตั้งและใช้ระบบแอปพลิเคชัน "หมอชนะ"
 
บุคคลที่ประสงค์จะเดินทางออกนอกพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดต้องแสดงเหตุผลความจำเป็นโดยแสดงบัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรแสดงตนอื่น ๆ ควบคู่กับเอกสารรับรองความจำเป็นที่ออกโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในพื้นที่ เว้นแต่เป็นบุคคลซึ่งได้รับยกเว้น ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 กระทรวงมหาดไทยกำหนด
 
 
ข้อ 3 การปราบปรามและลงโทษผู้กระทำผิดอันเป็นเหตุให้เกิดการระบาดของโรค
รัฐบาลมีเจตจำนงที่ชัดเจนและเด็ดขาดในการดำเนินการปราบปรามและลงโทษพนักงานเจ้าหน้าที่ 
เจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมทั้งบุคคลใดก็ตามที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบขนย้ายแรงงานต่างประเทศโดยมิได้ผ่านกระบวนการตรวจสอบ การคัดกรองโรค และการกักกันตัวตามมาตรการทางสาธารณสุข
รวมทั้งการปล่อยปละละเลย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เอื้ออำนวยหรือสมรู้ร่วมคิดให้มีการเปิดบ่อนการพนันขึ้นในพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งเป็นต้นตอของการระบาดของโรคแบบกลุ่มก้อนจนส่งผลกระทบอย่างรุนแรง ซึ่งได้สั่งการและกำชับให้เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจเร่งตรวจสอบเพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินการลงโทษ ตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว รวมทั้งจะได้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อกำกับดูแลการดำเนินการและเสนอมาตรการป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวนี้อีกต่อไป
 
ให้ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง หน่วยงานความมั่นคงและเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ ปฏิบัติการกวดขัน สอดส่องและเฝ้าระวังเพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายรวมถึงการเปิดให้มีการมั่วสุมลักลอบเล่นการพนัน ซึ่งเป็นตันเหตุแห่งการระบาดของโรคในครั้งนี้ และให้ดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายทั้งทางวินัยและทางอาญาต่อไป
 
รัฐบาลสนับสนุนการมีส่วนร่วมตรวจสอบของภาคประชาชน หากพบเห็นการกระทำหรือการปล่อยปละละเว้นการกระทำซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายและส่งผลกระทบเป็นเหตุที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคอย่างรุนแรง สามารถแจ้งเบาะแสมาที่นายกรัฐมนตรีผ่านศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 ทำเนียบรัฐบาล

ข้อ 4 โทษ ผู้ฝ่าฝืนข้อกำหนดซึ่งออกตามมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ย่อมเป็นความผิดซึ่งอาจต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
 
ผู้ติดเชื้อที่จงใจปกปิดข้อมูลการเดินทางหรือแจ้งข้อมูลเท็จต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนและควบคุมโรคเป็นผลให้เชื้อโรคแพร่ออกไป อาจเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ด้วย

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2564
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
เอาจริง! ผู้ติดเชื้อจงใจปกปิดข้อมูลไทม์ไลน์ โทษคุก 2 ปี หรือปรับ 40,000  HealthServ
เอาจริง! ผู้ติดเชื้อจงใจปกปิดข้อมูลไทม์ไลน์ โทษคุก 2 ปี หรือปรับ 40,000  HealthServ
เอาจริง! ผู้ติดเชื้อจงใจปกปิดข้อมูลไทม์ไลน์ โทษคุก 2 ปี หรือปรับ 40,000  HealthServ

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด