ข่าวสุขภาพ
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ กิจกรรม ESG CSR Health Economy บริจาครพ.ต่างๆ
น่าสนใจไทยแลนด์
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

เมนารินี กรุ๊ปและเรเดียส เฮลธ์ ยื่นขอขึ้นทะเบียน ยาอีลาเซสแทรนท์เป็นยาใหม่ต่ออย.สหรัฐ

เมนารินี กรุ๊ปและเรเดียส เฮลธ์ ยื่นขอขึ้นทะเบียน ยาอีลาเซสแทรนท์เป็นยาใหม่ต่ออย.สหรัฐ Thumb HealthServ.net
เมนารินี กรุ๊ปและเรเดียส เฮลธ์ ยื่นขอขึ้นทะเบียน ยาอีลาเซสแทรนท์เป็นยาใหม่ต่ออย.สหรัฐ ThumbMobile HealthServ.net

เมนารินี กรุ๊ป (Menarini Group) หรือ "เมนารินี" (Menarini) และเรเดียส เฮลธ์ อิงค์ (Radius Health, Inc.) หรือ "เรเดียส" (Radius) (NASDAQ: RDUS) (ในที่นี้เรียกรวมกันว่า "บริษัททั้งสอง") ประกาศว่า เมนารินีซึ่งมีเรเดียสสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ได้ยื่นขอขึ้นทะเบียนยาใหม่ (NDA) ต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) เพื่อขึ้นทะเบียนยาอีลาเซสแทรนท์ (elacestrant) ซึ่งใช้ในการรักษาผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะลุกลามหรือแพร่กระจายชนิดที่มีผลบวกต่อตัวรับฮอร์โมนและผลลบต่อตัวรับเฮอร์ทู (ER+/HER2-)

 
 
  • มุ่งใช้เป็นยารักษาผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะลุกลามหรือแพร่กระจายชนิด ER+/HER2-
  • ยื่นคำขอให้เร่งประเมินยา ซึ่งหากคำขอดังกล่าวได้รับความยินยอมแล้ว คาดว่าอย.สหรัฐจะใช้เวลาประเมิน 8 เดือน
  • ข้อมูลจากการวิจัยในโครงการ EMERALD ให้ผลลัพธ์ทางบวก ตามที่เคยประกาศไว้เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2564
  • เป็นยากลุ่ม SERD ชนิดรับประทานตัวแรกและตัวเดียวในขณะนี้ที่เบื้องต้นปรากฏให้เห็นผลลัพธ์ในทางบวก
  • นำเสนอข้อมูลเพิ่มเติมไปในการประชุม SABCS (ธันวาคม 2564) และ ASCO (มิถุนายน 2565)
  • มีแผนยื่นขออนุญาตวางจำหน่ายยาอีลาเซสแทรนท์ในสหภาพยุโรป ช่วงครึ่งหลังของปี 2565


ฟลอเรนซ์ อิตาลี และบอสตัน--23 มิ.ย.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
 
เมนารินี กรุ๊ป (Menarini Group) หรือ "เมนารินี" (Menarini) และเรเดียส เฮลธ์ อิงค์ (Radius Health, Inc.) หรือ "เรเดียส" (Radius) (NASDAQ: RDUS) (ในที่นี้เรียกรวมกันว่า "บริษัททั้งสอง") ประกาศว่า เมนารินีซึ่งมีเรเดียสสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ได้ยื่นขอขึ้นทะเบียนยาใหม่ (NDA) ต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) เพื่อขึ้นทะเบียนยาอีลาเซสแทรนท์ (elacestrant) ซึ่งใช้ในการรักษาผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะลุกลามหรือแพร่กระจายชนิดที่มีผลบวกต่อตัวรับฮอร์โมนและผลลบต่อตัวรับเฮอร์ทู (ER+/HER2-)
 
ในการยื่นขอขึ้นทะเบียนครั้งนี้ บริษัททั้งสองได้ขอให้ FDA เร่งประเมินยาดังกล่าว ซึ่งหากได้รับความยินยอมแล้ว บริษัททั้งสองคาดว่า FDA น่าจะใช้เวลาประเมิน 8 เดือน ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวรวมการประเมินเร่งด่วน 6 เดือนแล้ว
 
การยื่นขอขึ้นทะเบียนยาใหม่นี้อาศัยข้อมูลเชิงบวกจากการวิจัยเฟส 3 ในโครงการ EMERALD ซึ่งได้ประกาศให้ทราบไปเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2564 โดยโครงการ EMERALD ได้บรรลุผลลัพธ์หลักทั้งสองข้อในการวิจัย ได้แก่ อัตราการรอดชีวิตโดยโรคสงบ (PFS) ในผู้ป่วยทั้งหมด และในกลุ่มย่อยซึ่งเป็นผู้ป่วยที่มีการกลายพันธุ์ของตัวรับฮอร์โมนเอสโตรเจน 1 (ESR1) เมื่อเทียบกับการรักษาตามมาตรฐาน (SoC) โดยเลือกว่าจะรักษาด้วยยาฟูลเวสแทรนท์ หรือยายับยั้งเอ็นไซม์อะโรมาเทส
 
อีลาเซสแทรนท์เป็นยากลุ่ม SERD ชนิดรับประทานตัวแรกและตัวเดียวในขณะนี้ที่เบื้องต้นปรากฏให้เห็นผลลัพธ์ที่ดี ในการทดลองเพื่อใช้ในการรักษาผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนและผู้ชายที่เป็นมะเร็งเต้านมระยะลุกลามหรือระยะแพร่กระจายชนิด ER+/HER2- นอกจากนี้ ผลลัพธ์เหล่านี้ยังแสดงให้เห็นด้วยว่า ยาอีลาเซสแทรนท์ออกฤทธิ์ในผู้ป่วยที่มีการกลายพันธุ์ของ ESR1 ในเนื้องอก ซึ่งเป็นหนึ่งในกลไกขัดขวางการรักษาที่ก่อตัวขึ้นหลังเข้ารับการรักษามะเร็งเต้านมระยะแพร่กระจายในช่วงหลัง ๆ
 
 
หลังโครงการ EMERALD ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว ก็ได้มีการนำเสนอข้อมูลจากการวิจัยดังกล่าวที่การประชุมสัมมนาด้านมะเร็งเต้านมแห่งแซนแอนโทนีโอ (SABCS) เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งได้เผยแพร่ไว้ในวารสารมะเร็งวิทยา (JCO) เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2565 ทั้งยังได้นำเสนอผลการวิเคราะห์กลุ่มย่อยเพิ่มเติมที่การประชุมของสมาคมมะเร็งวิทยาแห่งอเมริกัน (ASCO) ประจำปี 2565 เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2565 ด้วย
 
เอลซิน บาร์เคอร์ เออร์กัน (Elcin Barker Ergun) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเมนารินี กล่าวว่า "เรารู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสของยาอีลาเซสแทรนท์เมื่ออนุญาตให้ใช้ในการรักษามะเร็งเต้านมระยะลุกลามหรือแพร่กระจายชนิด ER+/HER2- ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 70% ของมะเร็งเต้านมทั้งหมด และยังคงเป็นขอบข่ายความต้องการทางการแพทย์ที่ยังไม่ได้รับการตอบสนอง" และเพิ่มเติมว่า "ยาอีลาเซสแทรนท์ยังปรากฏให้เห็นประสิทธิภาพที่มีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อเทียบกับการรักษาตามมาตรฐานทั่วไป ทั้งในกลุ่มผู้ป่วยทั้งหมดและในกลุ่มที่มีการกลายพันธุ์ของ ESR1 ในเนื้องอก ซึ่งเป็นกลไกต่อต้านการรักษาที่จัดการยากเป็นอันดับต้น ๆ ที่ก่อตัวขึ้นหลังเข้ารับการรักษามะเร็งเต้านมระยะลุกลาม/แพร่กระจายในช่วงหลัง ๆ"
 
ชายา ชาห์ (Chhaya Shah) รองประธานอาวุโสฝ่ายการทดลองและการกำกับดูแลของเรเดียส กล่าวว่า "เราได้เปิดรับอาสาสมัครและดำเนินการทดลองโครงการ EMERALD จนเสร็จสิ้นอย่างมีคุณภาพ โดยเบื้องต้นได้ผลลัพธ์ในทางที่ดี และได้เตรียมยื่นขอขึ้นทะเบียนยาใหม่ต่ออย.สหรัฐ การยื่นขอขึ้นทะเบียนนี้นับเป็นความก้าวหน้าสำคัญของทั้งสองบริษัท และเราขอชื่นชมพนักงานหลาย ๆ คนของเมนารินีและเรเดียสที่ทำงานอย่างหนักและร่วมมือร่วมใจอย่างเข้มแข็ง เช่นเดียวกับนักวิจัย ผู้ป่วย และครอบครัวของผู้ป่วย เมื่อรวมพลังกันแล้ว เราหวังที่จะพัฒนายาอีลาเซสแทรนท์ให้ล้ำหน้าต่อไป พร้อมเปิดโอกาสมอบประโยชน์ใหม่ ๆ ให้ผู้ป่วย"
 
นาสเซอร์ ฮับบูบี (Nassir Habboubi) หัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนาเภสัชภัณฑ์ของเมนารินี กรุ๊ป กล่าวเสริมว่า "ทีมงานของเมนารินีและเรเดียสได้ทำผลงานเอาไว้อย่างยอดเยี่ยม หลังจากที่ได้ทำงานร่วมกันมาตั้งแต่ที่เราเริ่มเป็นพันธมิตรกันเมื่อเดือนกรกฎาคม 2563" และเพิ่มเติมว่า "เรามีแผนทดสอบยาอีลาเซสแทรนท์ทั้งในรูปแบบการรักษาชุดแรก ๆ การทดลองแบบผสม และในการรักษามะเร็งเต้านมที่แพร่กระจายไปถึงสมอง โดยเราหวังที่จะแจ้งรายละเอียดต่าง ๆ ให้ทราบตลอดครึ่งหลังของปี 2565 และครึ่งแรกของปี 2566"
 
 

 
สำหรับการยื่นขอขึ้นทะเบียนยาใหม่นี้ ข้อตกลงที่บริษัททั้งสองได้ตกลงกันไว้ระบุว่า เมนารินีจะรับหน้าที่ดูแลเรื่องการขึ้นทะเบียนและจัดจำหน่าย โดยเมนารินีมีแผนจัดจำหน่ายยาอีลาเซสแทรนท์หลังได้รับการอนุมัติจาก FDA แล้วผ่านบริษัทสเต็มไลน์ เทอราพิวติกส์ (Stemline Therapeutics) ซึ่งเป็นบริษัทสาขาสหรัฐในเครือของเมนารินีเอง

 
เกี่ยวกับยาอีลาเซสแทรนท์ (RAD1901) และโครงการศึกษาทดลอง EMERALD ระยะที่ 3
อีลาเซสแทรนท์คือยากลุ่ม Selective Estrogen Receptor Degrader (SERD) ซึ่งเมนารินี กรุ๊ป ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิ และกำลังอยู่ระหว่างการประเมินความเป็นไปได้สำหรับใช้เป็นยารับประทานวันละครั้งในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมระยะลุกลามชนิดที่มีผลบวกต่อตัวรับฮอร์โมนและผลลบต่อตัวรับเฮอร์ทู (ER+/HER2-) โดยในปี 2561 อีลาเซสแทรนท์ได้รับสถานะ Fast Track จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) การศึกษาวิจัยก่อนโครงการ EMERALD ชี้ว่าสารประกอบดังกล่าวนี้มีศักยภาพในการรักษาโรคมะเร็งเต้านม โดยสามารถใช้เดี่ยว ๆ หรือใช้ร่วมกับการรักษาอื่น ๆ การทดลอง EMERALD ระยะที่ 3 เป็นการทดลองแบบสุ่ม ไม่ปกปิดข้อมูล และมีกลุ่มควบคุม เพื่อประเมินประสิทธิภาพของยาอีลาเซสแทรนท์ ในฐานะยาทางเลือกลำดับสองหรือสามในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมระยะลุกลามหรือระยะแพร่กระจายชนิด ER+/HER2- การทดลองนี้มีผู้ป่วยเข้าร่วม 477 คน โดยเป็นผู้ป่วยที่เคยได้รับการรักษาด้วยยาฮอร์โมนหนึ่งหรือสองตัว ซึ่งรวมถึงยากลุ่ม cyclin-dependent kinase (CDK) 4/6 inhibitor ผู้ป่วยที่เข้าร่วมการทดลองถูกสุ่มให้รับยาอีลาเซสแทรนท์ หรือยาฮอร์โมนตัวอื่นที่ผู้วิจัยเลือกไว้ ทั้งนี้ ผลลัพธ์หลักของการทดลองคืออัตราการรอดชีวิตโดยโรคสงบ (PFS) ในผู้ป่วยทั้งหมดและในผู้ป่วยที่มีการกลายพันธุ์ของยีน ESR1 ส่วนผลลัพธ์รองคืออัตราการรอดชีวิตโดยรวม (OS) อัตราการตอบสนองต่อการรักษา (ORR) และระยะเวลาการตอบสนอง (DOR)
 
เกี่ยวกับเมนารินี เมนารินี กรุ๊ป (Menarini Group) คือบริษัทยาและการวินิจฉัยชั้นนำระดับโลกซึ่งมียอดขายกว่า 4 พันล้านดอลลาร์ และมีพนักงานกว่า 17,000 คน เมนารินีมุ่งเน้นด้านการรักษาโรคที่จำเป็นแต่ยังไม่ได้รับการตอบสนอง ด้วยชุดผลิตภัณฑ์สำหรับการรักษาโรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคปอด โรคระบบทางเดินอาหาร โรคติดเชื้อ โรคเบาหวาน การอักเสบ และยาแก้ปวด ด้วยฐานการผลิต 18 แห่งพร้อมศูนย์วิจัยและพัฒนาอีก 9 แห่ง ผลิตภัณฑ์ของเมนารินีจึงมีวางจำหน่ายใน 140 ประเทศทั่วโลก รับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.menarini.com
 

เกี่ยวกับเรเดียส

เรเดียส (Radius) เป็นบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ระดับโลกซึ่งมุ่งเน้นด้านการรักษาโรคที่จำเป็นแต่ยังไม่ได้รับการตอบสนองในด้านสุขภาพกระดูก โรคหายาก และเนื้องอกวิทยา โดยมีผลิตภัณฑ์เด่นคือยาฉีด TYMLOS® (abaloparatide) ซึ่งได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาสหรัฐ สำหรับใช้รักษาสตรีวัยหมดฮอร์โมนที่เป็นโรคกระดูกพรุนและมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะกระดูกหัก นอกจากนี้ เรเดียสยังมีโครงการทดลองอีกมากมาย เช่น การทดลองยาฉีด Abaloparatide เพื่อรักษาผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนเพศชาย การทดลองยาอีลาเซสแทรนท์ (RAD1901) สำหรับใช้รักษาโรคมะเร็งเต้านมที่พบตัวรับฮอร์โมนบนผิวเซลล์ ซึ่งให้สิทธิแก่เมนารินี กรุ๊ป และการทดลองยา RAD011 ซึ่งเป็นยาน้ำชนิดสารละลายที่สังเคราะห์จาก Cannabidiol เพื่อรักษาระบบประสาทและต่อมไร้ท่อ โรคพัฒนาการทางระบบประสาท หรืออาการทางจิตประสาทต่าง ๆ โดยจะมุ่งเป้าไปที่กลุ่มอาการพราเดอร์-วิลลี่ กลุ่มอาการแองเจิลแมน และอาการกระตุกแขนขาเป็นชุด ๆ
 
ข้อความคาดการณ์อนาคตของเรเดียส ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยข้อความคาดการณ์อนาคตภายใต้กฎหมายปฏิรูปการฟ้องร้องคดีหลักทรัพย์ส่วนบุคคลปี 2538 (Private Securities Litigation Reform Act of 1995) ข้อความทั้งหมดที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงในอดีตถือเป็นข้อความคาดการณ์อนาคต ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ข้อความเกี่ยวกับศักยภาพของยาอีลาเซสแทรนท์ในการรักษาผู้ป่วยมะเร็งเต้านมชนิด ER+/HER2- ระยะลุกลาม รวมถึงศักยภาพในการนำไปใช้เป็นมาตรฐานใหม่ในการรักษา ระยะเวลาในการเร่งประเมินและโอกาสที่ยาอีลาเซสแทรนท์จะได้รับการอนุมัติขึ้นทะเบียนยาใหม่จาก FDA รวมถึงความคาดหวังในการยื่นขออนุมัติจากฝ่ายกำกับดูแลในสหภาพยุโรป และกิจกรรมการศึกษายาอีลาเซสแทรนท์ในทางคลินิก
 
ข้อความคาดการณ์อนาคตอ้างอิงจากความคาดหวังในปัจจุบันของผู้บริหารบริษัทเรเดียส ข้อความเหล่านี้ไม่ใช่คำสัญญาหรือการรับประกัน ทั้งยังมีความเสี่ยง ความไม่แน่นอน และปัจจัยอื่น ๆ ทั้งที่ทราบและไม่ทราบ ซึ่งอาจทำให้ผลลัพธ์ ผลการดำเนินงาน หรือความสำเร็จที่แท้จริง มีความแตกต่างอย่างมากจากผลลัพธ์ ผลการดำเนินงาน หรือความสำเร็จในอนาคตที่กล่าวถึงหรือกล่าวเป็นนัยในข้อความคาดการณ์อนาคต ปัจจัยดังกล่าวมีอยู่มากมาย ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงความล่าช้าในการประเมินและการอนุมัติจาก FDA และหน่วยงานกำกับดูแลแห่งอื่น ๆ ความล่าช้าในการจัดหายา ความเสี่ยงเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างเรเดียสกับเมนารินี ซึ่งรวมถึงความสามารถในการเพิ่มการขายและการจัดจำหน่ายหากยาอีลาเซสแทรนท์ได้รับอนุญาตให้วางจำหน่ายได้ ความสามารถของเมนารินีในการกำหนดราคายาอีลาเซสแทรนท์และการจ่ายเงินคืนหากได้รับอนุมัติ ความเสี่ยงที่ว่าตลาดที่หวังจะวางจำหน่ายยาอีลาเซสแทรนท์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ ความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์จากยาอีลาเซสแทรนท์ ความเสี่ยงเกี่ยวกับการผลิต จัดหา และจัดจำหน่ายยาอีลาเซสแทรนท์ ตลอดจนความเสี่ยงจากการถูกฟ้องร้องหรือความท้าทายอื่น ๆ เกี่ยวกับสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาของเรเดียส ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่สำคัญเหล่านี้และอื่น ๆ ที่กล่าวถึงในเอกสารที่เรเดียสยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) รวมถึงภายใต้หัวข้อ "Risk Factors" ในรายงานประจำปีของเรเดียสในแบบฟอร์ม 10-K สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 และเอกสารที่ยื่นต่อ SEC ในภายหลัง อาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างไปอย่างมากจากที่ระบุไว้ในแถลงการณ์ ซึ่งเป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ แถลงการณ์ซึ่งเป็นการคาดการณ์ล่วงหน้านั้นเป็นการประมาณการของฝ่ายบริหารของเรเดียส ณ วันที่ระบุในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ แม้เรเดียสอาจเลือกที่จะปรับปรุงข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าในบางจุดในอนาคต เราขอปฏิเสธภาระผูกพันใด ๆ ในการดำเนินการ แม้เหตุการณ์ที่ตามมาจะทำให้มุมมองของเราเปลี่ยนไป แถลงการณ์ที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้ไม่ควรยึดถือว่าเป็นการแสดงความเห็นของเรเดียส ณ วันที่ใด ๆ ต่อจากวันที่ระบุในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด