ข่าวสุขภาพ
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ กิจกรรม ESG CSR Health Economy บริจาครพ.ต่างๆ
น่าสนใจไทยแลนด์
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

สิ่งที่ถ้าคุณเลิกทำได้ คนจะชื่นชอบคุณมากขึ้น - พร วิรุฬห์รักษ์

ลองถามคำถามตัวเอง หากพบว่าตัวเองทำแบบนี้ ลองปรับเปลี่ยนใหม่ดู คุณจะเป็นคนที่ชื่นชอบมากขึ้น เปิดโอกาสในการที่จะสร้างความก้าวหน้าในหน้าที่การงานและการทำธุรกิจมากขึ้น

"สิ่งที่ถ้าคุณเลิกทำได้ คนจะชื่นชอบคุณมากขึ้น"

#Alux
 
- การทำตัวให้เป็นที่ชื่นชอบเป็นเรื่องสำคัญโดยเฉพาะคุณที่ต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือ ต้องการก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
- การทำตัวให้เป็นที่ชื่นชอบไม่ใช่เรื่อง Mathematical หรือ ใช้สถิติใดๆ ได้ เป็นเรื่องของ Emotional ล้วน 
- การลดนิสัยที่ไม่ดี บางอย่าง เป็นการเพิ่มโอกาสที่จะทำให้เราเป็นที่ชื่นชอบได้
 
ปกติผมจะฟัง Audio ของ ช่อง YouTube ชื่อ Alux ทุกวันตอนเช้า เพราะช่องนี้ มีบทวิเคราะห์ เรื่องมุมมองการใช้ชีวิต การทำธุรกิจ รวมถึงเรื่อง Trend ของโลกที่ค่อนข้างคม 
 
วันนี้ได้ ฟัง “15 Everyday Things That Make You LESS LIKEABLE
ผมคิดว่าดี จึง ขอแปล และวิเคราะห์ไปด้วย มา Share กัน
 
ลองถามคำถามตัวเอง หากพบว่าตัวเองทำแบบนี้ ลองปรับเปลี่ยนใหม่ดู คุณจะเป็นคนที่ชื่นชอบมากขึ้น เปิดโอกาสในการที่จะสร้างความก้าวหน้าในหน้าที่การงานและการทำธุรกิจมากขึ้น
 
สำหรับคนที่มีเพื่อนทำแบบนี้อย่ามองเพื่อนเป็นคนไม่ดี แต่ต้องเข้าใจว่า คนเราถูก “Program” มาต่างกัน โดยพ่อแม่ สภาพแวดล้อม และประสบการณ์ ต่างๆ ในชีวิต 
 
สำหรับตัวผมเอง อ่านไปแต่ละข้อก็ยอมรับว่า “เราก็ทำ” และเราก็คิดว่าเราควรแก้ไข จึงขอส่งมา Share ให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ได้ลองอ่านและลองคิด
 
ใครอยากจะส่ง ต่อไปให้เพื่อนๆ ที่มีนิสัยเสียเหล่านี้ก็ย่อมได้ แล้วแต่ดุลยพินิจ

1. คุณทำให้การสนทนาที่คุณมีทุกเรื่องเป็นเรื่องเกี่ยวตัวเองหรือเปล่า?

- ไม่ใช่ว่าคนทำแบบนี้ทุกคนคือ Narcissistic
- คนส่วนใหญ่ติดเรื่องทำแบบนี้ เพราะถูกครอบครัว Treat ว่าตัวเองพิเศษและเป็นศูนย์กลางมาแต่กำเนิด และพูดอะไรเรื่องเกี่ยวกับตัวเองแล้ว เป็นเรื่องที่คนรอบตัวอยากรู้ และ สนใจ เลยติดนิสัย 
- แต่พอไปอยู่ในวงสนทนา พูดแต่เรื่องตัว เชื่อเถอะ ต่อให้เป็นคนที่เขาเจอคุณตอนแรกแล้วชอบคุณ พอไปเรื่อยๆ เขาจะเริ่มชอบน้อยลง
 
เปลี่ยนใหม่: ตั้งสติแล้วให้ Conversation ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของ “เขา” ที่เป็นคู่สนทนาของคุณ ทำให้เขารู้สึกว่าได้รับฟัง ได้รับการชื่นชม - ความชื่นชมนั้นจะกลับมาหาคุณด้วย
 

2. คุณ One-Upping คนอื่นมั้ย? 

- One-Upping แปลว่า เวลาที่คนอื่น กำลังเล่าความสำเร็จที่เขาภาคภูมิใจอยู่ - คุณก็พูดขึ้นกลางวงทันทีว่า “อ้อเรื่องนั้นผมทำมาแล้ว และตอนนี้ผมทำได้มากกว่านั้นอีก” 
- คนที่ทำแบบนี้บ่อยๆ ลึกๆ แล้วเป็นคน insecure 
- แม้สิ่งที่คุณพูดมาจะเป็นเรื่องจริง การ deliever ในจังหวะนี้ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย มีแต่ทำให้คู่สนทนาของคุณเสียกำลังใจ 
- คุณไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นเห็นว่าคุณเด่น โดยการ One-Up คนอื่น 
- สิ่งที่เขาทำสำเร็จไม่ได้ทำให้สิ่งที่คุณทำสำเร็จมากกว่า เหนือกว่า ด้อยลงไปแต่อย่างใด
- ตรงข้าม ถ้าทุกคนรู้ว่าคุณเป็นคนนิสัย One-Up คนอื่นบ่อยๆ คนจะมองคุณต่ำลงเรื่อยๆ 
 
เปลี่ยนใหม่: กลับไปที่ข้อ 1 แล้ว มองเพิ่ม คือ คนที่เขาเล่าความสำเร็จอยู่ เขาต้องการอะไร เขาต้องการการยอมรับและการชื่นชม คุณก็ควรจะให้เขาไป เพื่อให้เขามีความสุข 
 

3. คุณมีพฤติกรรม เชิง Passive-Aggressive มั้ย? 

- Passive Aggressive คือ - การทำอะไรสักอย่างโดยตั้งใจให้บางคนโมโห หงุดหงิด แล้วค่อยกลบเกลื่อนว่า 'อ้าว ฉันไม่รู้ว่าสิ่งนี้จะรบกวนจิตใจเธอ (thematter.co)
- การทำแบบนี้ ส่วนใหญ่ คือการส่งสัญญาณทางอ้อมให้ เป้าหมาย ทราบว่า คุณไม่พอใจบางอย่างต่อเขา
- แต่การส่งสัญญาณลักษณะนี้ หากเป็นการทำงาน ในที่ทำงาน ถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่มีความเป็น Professional เพราะเป็นวิธีการแฝงด้วยการประชดประชัน
- คนที่ทำแบบนี้ จะถูกมองว่าเป็นคนเจ้าเลห์ ไม่มีความกล้า ไม่มีความเป็นผู้นำ
 
เปลี่ยนใหม่: ถ้ามีพฤติกรรมอะไรที่ คนทำแล้วเราไม่พอใจ ควรตั้งสติให้ดีๆ แล้ว หาแนวทางสื่อสารกับคนๆ นั้นให้รู้เรื่องโดยตรงจะเป้นการนั่งลงคุยกัน หรือเป็นการคุยเป็นจดหมายก็แล้วแต่ ควรปรับบใจของเราให้คิดว่า เราทำเพื่อ (1) การทำงานขององค์กรให้ราบรื่น (2) ทำบนความหวังดีต่อตัวเขาให้เขาหลุดพ้นจากพฤติกรรมที่จะทำให้ชีวิตเขามีปัญหาเอง 
 

4. คุณเช็คโทรศัพท์มือถือตลอดเวลาเมื่ออยู่กับคู่สนทนาหรือเปล่า?

- ลองนึกถึงตัวคุณเอง ที่ตั้งใจอยากจะพูดและปรึกษาเรื่องบางเรื่องที่สำคัญ กับใครสักคน แต่คนๆ นั้น นั่งดู นั่งเช็คมือถือตลอดเวลา
- ผมว่าหลายๆ คน มีพฤติกรรมนี้ อยู่ มันเป็นการส่งสัญญาณ ว่า คนที่อยู่ตรงหน้าเรา “ไม่สำคัญ” 
- ในสหรัฐอเมริกาถึงกับมีศัพท์สแลงเรียกพฤติกรรมแบบนี้ขึ้นมา คือ “Phubbing” ที่มาจากคำสองคำคือ Phone กับ คือว่า Shubb (ดูแคลน)
- Oxford Dictionary ให้ความหมายว่า The practice of ignoring one's companion or companions in order to pay attention to one's phone or other mobile device.
 
เปลี่ยนใหม่: เวลาคุยกับคนที่เป็นการสนทนา หรือการประชุม ให้ เก็บมือถือไว้ที่อื่น หรือ ปิดมือถือ

5. คุณบ่นกับทุกเรื่องในชีวิตหรือเปล่า?

- ในที่นี้หมายถึง ทั้งการสนทนา และ การ Post Social Network
- มันมีแต่เรื่องลบ และเรื่องร้าย 
- ชีวิตคุณเหมือนไม่มีอะไรดีเลย แม้แต่อย่างเดียว งานก็ไม่ดี คู่ชีวิตก็ไม่ดี ลูกก็ไม่ดี ประเทศนี้ก็ไม่ดี? 
- ลองมองอีกด้าน มีคนสักกี่คนที่ไม่มีงานทำ มีคนสักกี่คนที่อยากมีคู่ชีวิต หรืออยากมีลูก หรืออยากอยู่ประเทศนี้? 
- คนที่บ่นตลอดเวลา คือ คนที่มองว่าตัวเองเป็น Victim และเป็นคนที่จับฉลากทีไรก็ชวดตลอด ได้รางวัลที่ห่วยที่สุดเสมอ
 
เปลี่ยนใหม่: Focus ในสิ่งที่คุณมี และ Focus ในสิ่งที่มันดี - แล้วถ้าคิดว่าจะเปิดปากบ่น หรือเขียนอะไรบ่น ถามตัวเองหน่อยว่า ประโยชน์จากการเขียน หรือเอ่ยปากพูดสิ่งนั้น คืออะไร หาให้เจอก่อนที่จะลงมือ 
 

6. คุณเป็น Humble Bragger หรือเปล่า? 

- ตามนิยาม คือเป็นคนที่ Post Selfie ใน Instagram ที่เป็นรูปที่สวยมากๆ ตัวเองแต่งหน้าจัดมาเต็มมาก แล้ว บรรยายว่า “ฉันรู้สึกว่าฉันดูโทรมมากวันนี้”
- หรือบางคนที่เข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ได้ บอกว่า “ควรจะมีการทำ Media Campaign ว่าฉันเข้ามาเรียนที่นี่ได้ยังไงดีมั้ย? ทุกวันนี้ฉันยังไม่ได้รู้เลยว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง” 
- คือประมาณว่าอยาก อวดแต่ต้อง Tone ไปในทางถ่อมตัว 
- ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการ Post Social Network
- ถ้าทำสิ่งนี้บ่อยๆ คนนิยมชมชอบคุณจะน้อยลงเรื่อยๆ เพราะในสังคมเรา คนที่อวดตัวเอง ก็ไม่ค่อยมีคนชอบอยู่แล้ว แต่การอวดตัวเองด้วยTone ของการถ่อมตัวยิ่งดูแย่เข้าไปอีก
 
เปลี่ยนใหม่: อย่าอวดตัวเอง อะไรที่ประสบความสำเร็จ ขอให้เก็บไว้กับตัว ยินดีอยู่กับตัว คนที่รักเราหากเขารู้เขาจะอยากแสดงความยินดีด้วยเอง และเขาจะพูดก่อนเอง ถ้าเขารู้แล้วเขาไม่มาแสดงความยินดี มันก็เป็นการบอกอะไรบางอย่างที่คุณควรเก็บไปคิด 
 

7.  คุณเป็นคนที่พูดในสิ่งที่ดีเกี่ยวกับคนอื่นไม่เป็นหรือเปล่า?

- ประมาณว่าจะให้ชมเขา หรือให้เขาเห็นในสิ่งทีดีๆ ที่เขามี คุณหาไม่เจอ และ มองไม่ออก
- ต้นเหตุของเรื่องนี้ มีง่ายๆ คือ คุณ “อิจฉา” เขา 
- หรือ สนใจแต่จะให้ตัวเองเป็นศูนย์กลางของ Attention คนอื่นตลอดเวลา หรือ
- ต้องการมีอำนาจ เป็นผู้ควบคุมสถานการณ์ ตลอดเวลา 
- ปัญหาของคุณคือ คุณอยากได้ของที่พูดมาทั้งหมด เข่้าใจได้ แต่ สิ่งที่คุณทำ คือไม่พูดเรื่องดีๆ ของคนอื่นเลย ผลที่เกิดจะเป็นตรงกันข้าม
 
เปลี่ยนใหม่: ศึกษาคน และมองสิ่งดีๆ ที่เขามีและ พูดถึงจุดแข็งของเขาบ่อยๆ หรือ พูดสิ่งดีๆ ที่เราเห็นเกิดขึ้นในชีวิตเขาบ่อยๆ ให้เขาได้ทั้งกำลังใจและความมั่นใจ - ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณต้องการจะกลับมาหาคุณ
 

8. คุณไม่เคยถามคำถามคนอื่นเพื่อทำความรู้จักเขาให้ดีขึ้นลึกซึ้งขึ้นเลยหรือไม่? 

- เวลาอยู่ในวงสนทนาคุณเอาแต่รอให้คนอื่นถามคุณ เพื่อที่คุณจะได้พูดแต่เรื่องของตัวคุณเองหรือเปล่า? 
- อยากจะสร้างความสัมพันธ์อันดี เราต้องรู้จักคู่สนทนาที่เราจะได้สร้างความประทับใจต่อเขาให้มากขึ้น 
- ลองนึกถึง การสนทนาสักอันหนึ่ง ถ้าเป็นการสนทนาที่เราต้องถามเขาตลอด แล้วเขาไม่ถามเรากลับมาเลย เช่น เราถามเขาว่า เขาทำงานอะไร คู่สนทนาเราตอบมาแล้วก็เงียบ แล้วก็จ้องตาเรา เราก็ต้องถามต่อว่า แล้วชอบงานที่ทำมั้ย พอตอบจบ ก็จ้องตาเรา เหมือนรอให้เราถามต่ออีก การสนทนานี้จะไปต่อได้นานเท่าไหร่ ? 
- ในที่สุดคุณจะเป็นคนที่ไม่มีคนอยากคุยด้วย เพราะ คุยกับคุณแล้ว คนที่คุยต้องทำงานหนัก ต้องคิดคำถามต่อเนื่อง มันน่าเหนื่อย
 
เปลี่ยนใหม่: เล่นบทสะท้อนกลับ ถ้าเขาถามคุณ เรื่องหนึ่ง คุณตอบแล้วคุณก็ถามเขากลับเรื่องเดียวกันนั้น แล้วคุณก็ต่อเนื่องด้วยคำถามใหม่ไปเลย มองว่าคนตรงหน้าเรา เป็นหนังสือที่น่าดู หรือหนังที่น่าอ่านหนึ่งเรื่อง แล้วลอง explore เข้าไป 
 

9. คุณเป็นคนที่ถ้าคนอื่นมาขอความช่วยเหลือ คุณมักจะปฎิเสธเสมอเพราะอ้างวันฉัน “ยุ่ง” อยู่ หรือเปล่า?

- ขออธิบายเพิ่มเติมว่า คุณมักจะพูดว่า “ยุ่ง” ก่อนที่เขาจะเริ่มเอ่ยปากว่าจะขออะไรด้วยซ้ำ
- คนลักษณะนี้จะเหมือนเขียนคำว่า “ฉันยุ่งอยู่” บนหน้าผาก หรือ Post เป็น status ใน Social Network Account ไว้ถาวร
- ประเด็นคือ การที่คุณยุ่งอยู่ ไม่เป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จในชีวิต อย่างที่บางคนเข้าใจ จริงๆ แล้วมันคือ ตรงข้ามกันเลย
- คนที่ประสบความสำเร็จ คือ คนที่บริหารเวลาได้อย่างเยี่ยมยอด และมีเวลาพร้อมรับเรื่องใหม่ๆ เสมอ 
- คุณเคยเจอคนที่ ทำทุกอย่างได้ประสบความสำเร็จในชีวิตไปเสียหมด ทั้งหน้าที่การงาน ครอบครัว ลูก การเงิน เพื่อนฝูง แถมยังมีไปทำการกุศลได้อีกมั้ย? คนพวกนี้ ส่วนใหญ่พร้อมที่จะเป็นที่ปรึกษาคนรอบตัวเสมอ เขาทำได้ยังไง - อันดับแรกคือเขาไม่ได้ Pretend ว่าเขายุ่ง เขาพยายามจะทำให้เขาไม่ยุ่ง
- คนเหล่านี้ มักจะเป็นคนที่ ไม่ได้ปากเร็ว รับทุกเรื่อง เขารับเฉพาะเรื่องที่ทำให้เขาก้าวหน้า และเป็นเรื่องที่เขาต้องรับผิดชอบโดยตรง ไม่ใช่รับงานที่คนอื่นโยนมา
- เขาไม่ได้เป็นคนขี้เกรงใจที่ปฎิเสธคนไม่เป็น เขามีชั้นเชิงการปฎิเสธแบบสวยๆ
- คนเหล่านี้ไม่ได้มีเป้าหมายแบบ แปลกๆ ที่ทำแล้วไม่ได้อะไร นอกจากสะใจ เป้าหมายทุกอย่างเสริมเป้าหมายใหญ่ในชีวิตเขาเสมอ
- ความยุ่งเหยิงไม่ได้ทำให้คุณเป็นคนพิเศษ
 
เปลี่ยนใหม่: ปัญหานี้แต่ละคนมีที่มาไม่เหมือนกัน 
- บางคนเป็นเรื่อง Attitude ว่าต้องมีอะไรมา Fill Time ไม่งั้นฉันรู้สึกไร้ค่า → คนแบบนี้ต้องเปลี่ยนทัศนคติ ไปเป็น สนใจ Result แทน 
- บางคนปฎิเสธ คนไม่เป็น ก็ต้องเริ่มปฎิเสธให้เป็น 
- บางคนไม่มีแผนใหญ่ในชีวิต ก็ต้องเริ่มมี จะได้รู้ว่าอะไรที่ไม่เกี่ยวกับแผนใหญ่ ฉันจะไม่ทำ เป็นต้น
 

10. คุณพูดเรื่อง “เงิน” ตลอดเวลาหรือเปล่า?

- อันนี้ ขอลง Detail นิดนึง คำว่า “เงิน” ในที่นี่ คือ เงินจริงๆ เป็นตัวเลข บาท หรือ ดอลลาร์ ตรงๆ
- ไม่ใช่เรื่องของ ธุรกิจ ผลกำไร การลงทุน หรือ เศรษฐกิจ แต่เป้นตัวเงิน และที่แย่ไปกว่านั้นคือเป็น เรื่องเงินของคนอื่น
- เรื่องเงิน ในระดับบุคคลเป็นเรื่อง Sensitive ถ้าคุณอยากจะบอกเรื่องเงินของคุณให้คนอื่นฟัง อันนั้นก็เรื่องของคุณ แต่อย่า expect ว่าคุณบอกเขาแล้ว เขาจะต้องบอก เรื่องเงินของเขาให้คุณฟังเป็นการตอบแทน
- คุณเป็นคนที่ พูดแต่ว่า “เขาได้เงินเดือนเท่าไหร่” หรือ “เขาทำไมใช้เงินเปลืองแบบนั้น” หรือ “ทำไมมีเงินตั้งเยอะแต่ไม่ใช้ งกขนาดนี้” 
- Bottom line คือ วิถีการหาเงินหรือใช้เงินของแต่ละคน ไม่เหมือนกัน เพราะปรัชญา และเป้าหมายในชีวิตคนแตกต่างกัน - มันไม่ใช่เรื่องของคุณเลย
- เอาจริงๆ คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้สนใจเรื่องเงินของคุณเช่นเดียวกัน 
- ข้อแนะนำ 3 เรื่องที่คุณไม่ควรบอกใคร คือ “ชีวิตรักของคุณ” + “เรื่องเงินของคุณ” และ “ที่ทำงานใหม่ของคุณ” 
 

11. คุณเป็นคนที่มาสายตลอดหรือไม่?

- ฟังดูเป็นเรื่องโง่ๆ แต่คนบางคน ไม่เคยมาตรงเวลาได้ ไม่ว่าจะนัดเวลาไหน นัด 7:30 จะบอกว่ารถติด แต่ถ้านัด 10 โมงก็จะ โผล่มา 10 โมงครึ่ง
- การที่นัดกันแล้ว มาช้า เป็น เหมือนการส่งสัญญาณให้กับคนที่เรานัดว่า “เวลาของกูสำคัญกว่าเวลาของมึง”  
- มันไม่ได้เป็นสิ่งที่ทำให้คุณดู เป็นคนสำคัญหรือเป็นคนที่เป็น VIP แต่มันทำให้คุณดู เป็นคนที่จัดการชีวิตไม่ได้ 
- ในกรณีที่เป็น Meeting ที่สำคัญมาก คุณสร้างบรรยากาศ Negative ก่อนเริ่มการประชุมแล้ว การที่จะตกลงกันอะไรกันได้ในวันนั้น โอกาสก็ลดลงไป
 
เปลี่ยนใหม่: ทุกวันนี้ แม้กระทั่งการประชุม Online ก็ยังไม่คนสาย ต้องไปหาสาเหตุว่ามันเป็นเพราะอะไร ส่วนใหญ่สำหรับคนที่เก่งมากๆ คือ กำลัง “อิน” กับ กิจกรรมที่อยู่ตรงหน้า ก่อนการนัดหมาย แล้วพูดกับตัวเองว่า “ขออีกนิดน่า” ไปเรื่อย ก็พอดี “สาย” ก็เป็นเรื่องของการ “ตัดใจ” หรือ “ตัดจบ” ให้ได้ พอๆ กับที่ต้องวางแผนตัวเองในแต่ละวันให้ดี - และหาก Covid จบลง เรากลับไปเดินทางกันใหม่ ข้ออ้างว่า “รถติด” หรือ “หาไม่เจอ” จะกลายเป็น ข้ออ้างที่ทำให้คุณดูแย่ลง เพราะทุกวันนี้ ข้อมูลข่าวสารหาได้ เตรียมพร้อมได้

12. คุณเป็น Massive Gossiper หรือเปล่า?

- คือพอได้ยินอะไร ที่เป็นเรื่อง Sensitive หรือเปล่าความลับมาต้องมา เมาท์ต่อ 
- ไม่พอ บางที ใส่สี ใส่ไข่เข้าไปอีก 
- ในกรณีนี้ คนที่ไม่ชอบเมาท์ แต่ชอบฟัง ก็ต้องบอกว่า มีส่วนร่วมในกระบวนการด้วย
- คุณว่าคนแบบคุณที่มีพฤติกรรมแบบนี้ เวลาที่ออกจากห้อง คนอื่นจะพูดกับคุณอย่างไร
 
เปลี่ยนใหม่: อะไรที่เป็นความลับ เราไม่บอกต่อ - หรือบางทีถ้าคนจะบอกเรา เราต้องบอกเลยว่า ถ้าเป็นความลับของคนอื่น เราไม่อยากรู้ ไม่อยากฟัง เพราะมันคือเรื่องลับของเขา - หรือ เวลาที่เราจะพูดถึงคนอื่น พูดถึงในแง่ดีไว้ก่อน ถ้าเราคิดว่าคนอื่นมีข้อเสีย - ต้องพยายามมองว่าเราจะช่วยเขา ด้วยความเมตตา แล้วเดินไปบอกกับเขาตรงๆ ว่าคุณมีข้อบกพร่องอะไร ไม่ต้องไปบอกให้คนอื่นรู้

13. คุณเป็นคนมองโลกในแง่ลบทุกเรื่องหรือเปล่า? 

- ทุกอย่างเป้นเรื่อง Dark และ Sinister ไปเสียหมด ในมุมมองของคุณ
- คนที่บอกจะชวนไปเที่ยวทะเล กันคนพวกนี้จะบอกว่าไม่เข้าท่า ร้อน
- คนที่บอกว่าจะชวนเพื่อนทำ BBQ กินกัน คนพวกนี้จะบอกว่าทำเองทำไม เหนื่อย
- คนพวกนี้ส่วนใหญ่ จะเป็นคนที่เพื่อนเอาใจหน่อย คือ โอเค ไม่ไปไก็ได้ ตามใจคนนี้ แต่คนนี้จะเป้นคนที่ทำให้ทุกอย่าง กร่อยมาก 
- แต่ในที่สุดเพื่อนจะเริ่มสรุปได้ว่า ไม่ชวนคนนี้ดีกว่า เพราะมาแล้ว ไม่หนุกเบย
 
เปลี่ยนใหม่: เป็นคนที่ถ้าเพื่อนมี idea อะไรที่น่าสนใจ เรา support ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่แนวเราแต่มันทำให้ เพื่อนหรือคนในวงมีความสุข เราก็ควรจะ Support เขา แล้ว get along กับเขา แล้วคุณจะได้มุมมองใหม่ๆ - การที่ไปทำเรื่องใหม่ๆ แรกๆ เราไม่ชอบ แต่พอลองทำแล้วเราอาจจะเห็นคุณค่า แล้้วก็ enjoy มันก็ได้ เปิดใจหน่อย

14. คุณ Share เรื่องส่วนตัวเยอะไปมั้ย? 

- คุณไม่ใช่คนที่ไม่ดี แต่คุณอาจจะต้องคิดว่า คนอื่นๆ อยากจะทราบเรื่องเหล่านี้หรือไม่? 
- Detail บางอย่าง เป็นเรื่องที่อาจจะ สกปรก แล้วดูน่าขยะแขยง หรือน่ากลัว คนอื่นๆ ที่ฟังอยู่อาจจะไม่อยากรู้ 
- โดยเฉพาะเวลาที่กินข้าวอยู่ เรื่องบางเรื่อง เขาอาจจะบอกว่า ขอไม่ฟังเรื่องนี้ได้มั้ย
 
เปลี่ยนใหม่: ลองคิดว่า เราอยากจะเล่าอะไรสักอย่างหนึ่ง แต่สิ่งที่จะออกจากปากของเรา พูดไปแล้ว จะเกิดประโยชน์อะไรกับคนฟังบ้าง? เราทำให้เขาสนุก หรือเขาหัวเราะได้หรือไม่ เขาจะ Comfortable ที่จะฟังหรือไม่ ถ้าไม่เกิดประโยชน์อะไร คิดสักนิดว่าจะพูดดีหรือไม่ - เรื่องนี้เป็นเรื่อง Empathy ล้วนๆ ต้องไปฝึกกันเอง 

15. คุณเป็นคนไม่สนใจ Social Cue  หรือเปล่า?

- Social Cue คือ การต่อแถว - คนทุกเหมือนร้านรับเรื่องที่มี บัตรคิว ของเรื่องที่เขาต้องรับ - อย่าคิดว่าคุณคือ เบอร์หนึ่ง เสมอ - และแม้ว่าคุณคือเบอร์หนึ่ง เขาก็อาจจะปัดคุณออกได้ ถ้าเขามีเบอร์ “ศูนย์” โผล่มา 
- ถ้าคุณอยากจะคุยกับใครสักคน และเขาก็คุยกับคุณแต่ คุณสังเกตุได้ว่า สีหน้าเขากังวล มองไปทางอื่น - หรือดูนาฬิกา หรือ ดูโทรศัพท์ - หรือในกรณีที่คุณโทรคุยกับเขา ไม่เห็นหน้า แต่เขาเหมือน เร่งๆ คุณว่า “โอเค” - “ เดี๋ยวพี่คิดก่อนนะ” เหมือนๆ จะตัดให้เราพูดไม่จบ  
- ทั้งหมดนี้เป็นสัญญาณบอกคุณว่า - เขามีธุระอื่นต้องไปทำแล้ว - คุณควรเปิดทางให้เขาไปได้ 
 
เปลี่ยนใหม่: เริ่มสังเกตุสิ่งที่นอกเหนือไปจากสิ่งที่เขาพูด สังเกตุกริยา ท่าทาง น้ำเสียง จังหวะพูด - แล้วมองว่าถ้าเราทำแบบที่เขาทำอยู่นี้ เรากำลังคิดอะไรอยู่ - แล้วเราควรจะ Offer เขาให้เขามีที่ไป และมีทางออก เป็นมารยาทระดับสูงที่ต้องฝึก Sense ตรงนี้ 
 
ใน Alux จบด้วย คำพูดของ Dale Carnegie
 
“คุณสามารถหาเพื่อนใหม่ได้จำนวนมากว่าในเวลาสองเดือนจากการให้ความสนใจกับเรื่องราวของเขา เทียบกับการใช้เวลาสองปีพยายามให้คนอื่นสนใจเรื่องราวของคุณ”
 
หวังว่าจะเป็นประโยชน์ บ้าง 
พร วิรุฬห์รักษ์
9 พค 64
สิ่งที่ถ้าคุณเลิกทำได้ คนจะชื่นชอบคุณมากขึ้น - พร วิรุฬห์รักษ์ HealthServ

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด